ยูดีดีนิวส์ : เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 63 คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้จัดเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ "ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย ไม่แก้ไข...เขียนใหม่เท่านั้น" ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมวงเสวนาและเป็นตัวแทนนักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่ คือ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้แสดงทัศนะต่อรัฐธรรมนูญ 60 ไว้อย่างน่าสนใจ ดังมีรายละเอียดดังนี้
ทัตเทพ กล่าวว่า ประเทศเรามีปัญหาหลากหลายมาก ปัญหาของประชาธิปไตยไทย ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคมที่ฝังรากและเรื้อรังมายาวนาน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างที่ถูกสร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำที่มีจำนวนไม่ถึง 1% พวกเขาต้องการจะรักษาสถานะของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ โดยที่ไม่เห็นหัวของประชาชนแต่อย่างไรเลย
ทัพเทพกล่าวต่อว่า
“พวกเขาก็เลยสร้างโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวด้วยเครื่องมือหลักของพวกเขา
ก็คือ “รัฐธรรมนูญ” ที่เป็นตัวกำหนดโครงสร้างทางการเมืองทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีความยึดโยงกับประชาชนน้อยในตอนนี้
สภาที่มาจากการแต่งตั้งแต่มีอำนาจพอ ๆ กับสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
หรือแม้แต่ระบบเลือกตั้งที่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ
และหลายครั้งที่พวกเขาไม่สามารถใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือได้
เขาก็เลือกที่จะใช้กองทัพในการทำรัฐประหาร ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”
โครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญนี้
ทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร
วุฒิสภา รัฐบาล หรือแม้แต่ฝ่ายตุลาการเอง องค์กรอิสระ
รวมไปถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐต่าง ๆ
เขาไม่ได้บริหารงานหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
ถ้าเราลองดูสถานการณ์ปัจจุบันที่ผ่านมาในรอบ
6 ปี ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 นี้
เราเห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ
ของคณะรัฐประหาร รัฐบาลเผด็จการอันมีเจ้านายที่ไม่ใช่ประชาชน ซึ่งผมสังเกตได้จากการคุกคามประชาชนทั้งทางกายภาพ
ทางจิตวิทยา หรือแม้กระทั่งการยัดข้อหาคดีความต่าง ๆ
ให้กับคนที่เขาออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
คนที่เขาออกมาเรียกร้องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
คนที่เขาออกมาเรียกร้องเพื่อปัญหาปากท้องของพวกเขา
ผมยังสังเกตได้อีกว่ามีคนจำนวนมากไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง
ภายหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากที่มาตรการล็อคดาวน์
มีคนต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่มีหนทางในการดำเนินชีวิตต่อไป
เป็นเพราะรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้
ผมสังเกตได้จากนักเรียนมัธยมในโรงเรียนชู
3 นิ้ว ผูกโบว์ขาว ถูกครู ผู้บริหาร
หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคุกคามด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา
ผมสังเกตได้จากทุก
ๆ ครั้งที่มีการเลือกตั้งหลังจากการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 62
เป็นต้นมา การเลือกตั้งซ่อมต่าง ๆ ทำไมต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลอยู่ตลอดเวลาว่ามันบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือเปล่า?
ผมสังเกตได้จากมีส.ว.
249 คน (ไม่นับรวมประธานซึ่งงดออกเสียงเป็นมารยาทเฉย ๆ) ที่มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า
คสช. ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกทีหนึ่ง
ตัวอย่างเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
มันเกิดจากโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญ 60
ซึ่งเนื้อหามีปัญหาแล้ว ที่มาก็ยังมีปัญหา คือมีการทำประชามติก็จริง แต่พี่ ๆ
ของเราหลายคนถูกดำเนินคดีเพียงเพราะว่า “รณรงค์โหวตโน”
นี่คือสาเหตุและความจำเป็นว่าทำไมเราต้อง
Reset ใหม่ทั้งระบบ
ทำไมเราต้องมานั่งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยเจตจำนงของพวกเราเอง
ซึ่งตัวผู้ร่างรัฐธรรมนูญในรอบนี้จะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยครอบคลุมทุกกลุ่มสาขาอาชีพ
ไม่เว้นแม้แต่นักเรียน นิสิต นักศึกษาด้วย ให้ประชาชนได้ออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยมือของพวกเขาเอง
ด้วยเจตนารมณ์ของพวกเขาเองผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
และระหว่างร่างประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมได้ตลอดทั้งกระบวนการ
แต่เราอยู่ภายใต้รัฐบาลนี้มากว่า
6 ปี ผมคงไม่อาจไว้วางใจได้ว่าจะให้รัฐบาลนี้ดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.ร.
ดูแลกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะเขาอาจจะใช้อำนาจบางอย่างแทรกแซงได้
ผมคิดว่ารัฐบาลนี้ไม่ควรจะอยู่ต่อไป ควรออกไปได้แล้ว
แม้ในรัฐสภาจะมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 256 ไปแล้ว
แต่ดูทรงแล้วกระบวนการกว่าจะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ต้องกินเวลากว่า 2 ปีหากใช้ช่องทางนั้น
ซึ่งมันนานไป จะเป็นการเตะถ่วงซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ
ดังนั้นเราต้องเป็นคนกำหนด
บอกให้เขาทำ และไม่ยืดเยื้อ
โดยวิธีการสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เอื้อต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ร.
และเอื้อต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องมีรัฐบาลใหม่ที่มีความยึดโยงกับประชาชนเข้ามาบริหารประเทศ
โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านผมขอเสนอว่าเราจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนอย่างน้อย 2
ประเด็นดังนี้
1)
แก้ไขระบบเลือกตั้งและคุณสมบัติของผู้รับสมัครเลือกตั้ง
- เพื่อเป็นการลดภาระให้พรรคการเมืองได้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้
ถ้าไปดูรัฐธรรมนูญฉบับนี้, พรป.พรรคการเมือง หรือ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
มันค่อนข้างลำบากกับพรรคการเมืองมากในการลงเลือกตั้ง
- ต้องนำเอาระบบเลือกตั้งแบบ
MMA หรือ แบบจัดสรรปันส่วนผสม (บัตรเลือกตั้งใบเดียว) เอาออกไป เพราะการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวนี้มันบิดเบือนเจตจำนงของประชาชน
ต้องเอาระบบเลือกตั้งแบบบัตรสองใบกลับคืนมาเพื่อให้ประชาชนได้ลงคะแนนเสียงได้ตามเจตจำนงของตัวเอง
- เพื่อเป็นการควบรวมเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีปากเสียงในสภามากขึ้น
จะขอให้แก้ไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งจากเดิมที่ 25 ปี เป็นอายุ
18 ปีบริบูรณ์
โดยทัตเทพได้ตั้งคำถามว่า
:-
ทำไมเรามีสิทธิลงคะแนนได้?
ทำไมเราทำงานได้ตามกฎหมายแรงงาน?
ทำไมเราถึงติดคุกผู้ใหญ่ได้เพราะเราอายุ
18 ปี?
แล้วมีเหตุผลใดที่เราจะลงรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้?
2)
เราจะต้องเอา 250 ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลที่ยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไปทั้งชุด มาตรา
269 ถึงมาตรา 272 ต้องถูกลบไปจากรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ ส.ว.
พวกนี้มีอำนาจมาโหวตนายกฯ ได้อีก
เมื่อแก้
2 ข้อตามนี้แล้ว ตามธรรมเนียมของระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา
เมื่อมีการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะต้องมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่
หวังว่าจะปฏิบัติตามธรรมเนียมของระบอบประชาธิปไตยนะครับ ทัตเทพกล่าว
การเลือกตั้งใหม่เมื่อยุบสภาจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน
45 – 60 วัน หลังจากนั้นเราก็จะได้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่
เราก็จะมีรัฐบาลใหม่ตามมาที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น
ให้เขาบริหารประเทศและสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เอื้อต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ร.
และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่มีการแทรกแซงจากคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก
และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องร่างด้วยเจตจำนงของประชาชนเองโดยไม่ชักช้า
ใช้เวลาเพียง 6 เดือน หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ปีให้แล้วเสร็จ
สุดท้ายก่อนที่ผมจะจบ
ผมขอฝากสิ่งหนึ่งบนเวทีนี้เป็นสารถึงรัฐสภา
แน่นอนครับเราปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าหากเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ เราต้องใช้กลไกรัฐสภา
แต่ครั้งนี้กลไกรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาจะไม่ได้เป็นคนนำ ประชาชนจะเป็นคนนำ และพวกเขาจะต้องทำตามพวกเรา!
ฝากไปถึงสมาชิกรัฐสภานะครับไม่ว่าจะเป็น
ส.ส. หรือ ส.ว. ก็ตาม
ตอนนี้สิ่งที่พวกคุณสามารถทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนได้
คือทำทุกวิถีทางเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร.
ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยวิธีการที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
หน้าที่ของพวกคุณไม่ใช่การมาชี้นิ้วสั่งพวกเราว่า ประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญ
จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หมวดนั้นแก้ได้ หมวดนี้ห้ามแตะ
ไม่ใช่!!!
ประชาชนต้องเป็นคนกำหนดเองได้ทุกหมวด ทุกมาตรา ของรัฐธรรมนูญ
เพราะปัญหาทางการเมือง ปัญหาของประเทศไทย
มันกระจายตัวอยู่ทุกหมวดตั้งแต่หมวดแรกจนถึงหมวดสุดท้าย
ดังนั้นขอให้สมาชิกรัฐสภาต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรม
ขอให้เปิดทางให้ประชาชนได้กำหนดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยเจตจำนงของพวกเขาเองทุกหมวด
ทุกมาตรา ต้องนำมาถกเถียงและแก้ไขได้ครับ ทัตเทตกล่าวในที่สุด
#UDDnews
#ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย
#อนุสรณ์สถาน14ตุลา