วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี : ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย ไม่แก้ไข...เขียนใหม่เท่านั้น



ในรอบ 6 ปี ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ ที่เกิดจากโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเนื้อหาที่มีปัญหาและที่มาก็ยังมีปัญหา 

ยูดีดีนิวส์ : เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 63 คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) ได้จัดเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ "ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย ไม่แก้ไข...เขียนใหม่เท่านั้น" ซึ่งหนึ่งในผู้ร่วมวงเสวนาและเป็นตัวแทนนักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่ คือ นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก ได้แสดงทัศนะต่อรัฐธรรมนูญ 60 ไว้อย่างน่าสนใจ ดังมีรายละเอียดดังนี้

ทัตเทพ กล่าวว่า ประเทศเรามีปัญหาหลากหลายมาก ปัญหาของประชาธิปไตยไทย ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาความไม่เป็นธรรมทางสังคมที่ฝังรากและเรื้อรังมายาวนาน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างที่ถูกสร้างโดยกลุ่มชนชั้นนำที่มีจำนวนไม่ถึง 1% พวกเขาต้องการจะรักษาสถานะของพวกเขาเอาไว้ พวกเขาต้องการรักษาผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้ โดยที่ไม่เห็นหัวของประชาชนแต่อย่างไรเลย


ทัพเทพกล่าวต่อว่า “พวกเขาก็เลยสร้างโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวด้วยเครื่องมือหลักของพวกเขา ก็คือ “รัฐธรรมนูญ” ที่เป็นตัวกำหนดโครงสร้างทางการเมืองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มีความยึดโยงกับประชาชนน้อยในตอนนี้ สภาที่มาจากการแต่งตั้งแต่มีอำนาจพอ ๆ กับสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือแม้แต่ระบบเลือกตั้งที่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และหลายครั้งที่พวกเขาไม่สามารถใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือได้ เขาก็เลือกที่จะใช้กองทัพในการทำรัฐประหาร ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”

โครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวเป็นผลพวงจากรัฐธรรมนูญนี้ ทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐบาล หรือแม้แต่ฝ่ายตุลาการเอง องค์กรอิสระ รวมไปถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐต่าง ๆ เขาไม่ได้บริหารงานหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

ถ้าเราลองดูสถานการณ์ปัจจุบันที่ผ่านมาในรอบ 6 ปี ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 นี้ เราเห็นกันได้อย่างชัดเจนแล้วว่ามันเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ ของคณะรัฐประหาร รัฐบาลเผด็จการอันมีเจ้านายที่ไม่ใช่ประชาชน ซึ่งผมสังเกตได้จากการคุกคามประชาชนทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยา หรือแม้กระทั่งการยัดข้อหาคดีความต่าง ๆ ให้กับคนที่เขาออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย คนที่เขาออกมาเรียกร้องเพื่ออนาคตที่ดีกว่า คนที่เขาออกมาเรียกร้องเพื่อปัญหาปากท้องของพวกเขา

ผมยังสังเกตได้อีกว่ามีคนจำนวนมากไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง ภายหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายหลังจากที่มาตรการล็อคดาวน์ มีคนต้องฆ่าตัวตายเพราะไม่มีหนทางในการดำเนินชีวิตต่อไป เป็นเพราะรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้

ผมสังเกตได้จากนักเรียนมัธยมในโรงเรียนชู 3 นิ้ว ผูกโบว์ขาว ถูกครู ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงคุกคามด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา

ผมสังเกตได้จากทุก ๆ ครั้งที่มีการเลือกตั้งหลังจากการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 62 เป็นต้นมา การเลือกตั้งซ่อมต่าง ๆ ทำไมต้องมีเหตุไม่ชอบมาพากลอยู่ตลอดเวลาว่ามันบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือเปล่า?

ผมสังเกตได้จากมีส.ว. 249 คน (ไม่นับรวมประธานซึ่งงดออกเสียงเป็นมารยาทเฉย ๆ) ที่มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกทีหนึ่ง

ตัวอย่างเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ มันเกิดจากโครงสร้างทางการเมืองที่บิดเบี้ยวจากรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งเนื้อหามีปัญหาแล้ว ที่มาก็ยังมีปัญหา คือมีการทำประชามติก็จริง แต่พี่ ๆ ของเราหลายคนถูกดำเนินคดีเพียงเพราะว่า “รณรงค์โหวตโน”

นี่คือสาเหตุและความจำเป็นว่าทำไมเราต้อง Reset ใหม่ทั้งระบบ ทำไมเราต้องมานั่งร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยเจตจำนงของพวกเราเอง ซึ่งตัวผู้ร่างรัฐธรรมนูญในรอบนี้จะต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยครอบคลุมทุกกลุ่มสาขาอาชีพ ไม่เว้นแม้แต่นักเรียน นิสิต นักศึกษาด้วย ให้ประชาชนได้ออกแบบรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยมือของพวกเขาเอง ด้วยเจตนารมณ์ของพวกเขาเองผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง  และระหว่างร่างประชาชนจะต้องมีส่วนร่วมได้ตลอดทั้งกระบวนการ

แต่เราอยู่ภายใต้รัฐบาลนี้มากว่า 6 ปี ผมคงไม่อาจไว้วางใจได้ว่าจะให้รัฐบาลนี้ดูแลการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ดูแลกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะเขาอาจจะใช้อำนาจบางอย่างแทรกแซงได้ ผมคิดว่ารัฐบาลนี้ไม่ควรจะอยู่ต่อไป ควรออกไปได้แล้ว

แม้ในรัฐสภาจะมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ไปแล้ว แต่ดูทรงแล้วกระบวนการกว่าจะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ต้องกินเวลากว่า 2 ปีหากใช้ช่องทางนั้น ซึ่งมันนานไป จะเป็นการเตะถ่วงซื้อเวลาไปเรื่อย ๆ

ดังนั้นเราต้องเป็นคนกำหนด บอกให้เขาทำ และไม่ยืดเยื้อ โดยวิธีการสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เอื้อต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ร. และเอื้อต่อการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องมีรัฐบาลใหม่ที่มีความยึดโยงกับประชาชนเข้ามาบริหารประเทศ  โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านผมขอเสนอว่าเราจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนอย่างน้อย 2 ประเด็นดังนี้

1) แก้ไขระบบเลือกตั้งและคุณสมบัติของผู้รับสมัครเลือกตั้ง

-      เพื่อเป็นการลดภาระให้พรรคการเมืองได้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ถ้าไปดูรัฐธรรมนูญฉบับนี้, พรป.พรรคการเมือง หรือ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มันค่อนข้างลำบากกับพรรคการเมืองมากในการลงเลือกตั้ง
-      ต้องนำเอาระบบเลือกตั้งแบบ MMA หรือ แบบจัดสรรปันส่วนผสม (บัตรเลือกตั้งใบเดียว) เอาออกไป เพราะการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวนี้มันบิดเบือนเจตจำนงของประชาชน ต้องเอาระบบเลือกตั้งแบบบัตรสองใบกลับคืนมาเพื่อให้ประชาชนได้ลงคะแนนเสียงได้ตามเจตจำนงของตัวเอง
-      เพื่อเป็นการควบรวมเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีปากเสียงในสภามากขึ้น จะขอให้แก้ไขคุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงรับสมัครเลือกตั้งจากเดิมที่ 25 ปี เป็นอายุ 18 ปีบริบูรณ์

โดยทัตเทพได้ตั้งคำถามว่า :-
ทำไมเรามีสิทธิลงคะแนนได้?
ทำไมเราทำงานได้ตามกฎหมายแรงงาน?
ทำไมเราถึงติดคุกผู้ใหญ่ได้เพราะเราอายุ 18 ปี?
แล้วมีเหตุผลใดที่เราจะลงรับสมัครเลือกตั้งไม่ได้?

2) เราจะต้องเอา 250 ส.ว. ตามบทเฉพาะกาลที่ยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไปทั้งชุด มาตรา 269 ถึงมาตรา 272 ต้องถูกลบไปจากรัฐธรรมนูญโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ ส.ว. พวกนี้มีอำนาจมาโหวตนายกฯ ได้อีก

เมื่อแก้ 2 ข้อตามนี้แล้ว ตามธรรมเนียมของระบอบประชาธิปไตย ระบบรัฐสภา เมื่อมีการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะต้องมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หวังว่าจะปฏิบัติตามธรรมเนียมของระบอบประชาธิปไตยนะครับ ทัตเทพกล่าว

การเลือกตั้งใหม่เมื่อยุบสภาจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 45 – 60 วัน หลังจากนั้นเราก็จะได้สภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ เราก็จะมีรัฐบาลใหม่ตามมาที่มีความยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ให้เขาบริหารประเทศและสร้างบรรยากาศทางการเมืองให้เอื้อต่อการเลือกตั้ง ส.ส.ร. และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่มีการแทรกแซงจากคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก

และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องร่างด้วยเจตจำนงของประชาชนเองโดยไม่ชักช้า ใช้เวลาเพียง 6 เดือน หรืออย่างมากที่สุดไม่เกิน 1 ปีให้แล้วเสร็จ

สุดท้ายก่อนที่ผมจะจบ ผมขอฝากสิ่งหนึ่งบนเวทีนี้เป็นสารถึงรัฐสภา แน่นอนครับเราปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าหากเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ เราต้องใช้กลไกรัฐสภา แต่ครั้งนี้กลไกรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาจะไม่ได้เป็นคนนำ ประชาชนจะเป็นคนนำ และพวกเขาจะต้องทำตามพวกเรา!

ฝากไปถึงสมาชิกรัฐสภานะครับไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. ก็ตาม  ตอนนี้สิ่งที่พวกคุณสามารถทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนได้ คือทำทุกวิถีทางเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยวิธีการที่บริสุทธิ์ยุติธรรม หน้าที่ของพวกคุณไม่ใช่การมาชี้นิ้วสั่งพวกเราว่า ประชาชนจะแก้รัฐธรรมนูญ จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หมวดนั้นแก้ได้ หมวดนี้ห้ามแตะ

ไม่ใช่!!! ประชาชนต้องเป็นคนกำหนดเองได้ทุกหมวด ทุกมาตรา ของรัฐธรรมนูญ เพราะปัญหาทางการเมือง ปัญหาของประเทศไทย มันกระจายตัวอยู่ทุกหมวดตั้งแต่หมวดแรกจนถึงหมวดสุดท้าย

ดังนั้นขอให้สมาชิกรัฐสภาต้องมีความกล้าหาญทางจริยธรรม ขอให้เปิดทางให้ประชาชนได้กำหนดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยเจตจำนงของพวกเขาเองทุกหมวด ทุกมาตรา ต้องนำมาถกเถียงและแก้ไขได้ครับ ทัตเทตกล่าวในที่สุด

#UDDnews
#ผ่าทางตันรัฐธรรมนูญไทย
#อนุสรณ์สถาน14ตุลา