บางคนอายุมากแต่สมองไม่พัฒนา
มี 84,000 เซลล์ แต่เด็กบางคนอายุไม่มากแต่พัฒนากว่าผู้ใหญ่
คุยกับ "ธิดา ถาวรเศรษฐ" มองปรากฎการณ์ชู3นิ้ว-ติดริบบิ้นสีขาว โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ!
(สัมภาษณ์โดย มติชนสุดสัปดาห์)
พร้อมคำถามถึงรัฐมนตรีศึกษา #เป่านกหวีด ล้มรัฐบาลเขามาจะเป็นแบบอย่างที่ดีได้อย่างไร ?
ถอดคำให้สัมภาษณ์ของ
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ โดย มติชนสุดสัปดาห์
มองปรากฏการณ์ “แสดงสัญลักษณ์” ในสถานศึกษา...จากเป้า “นายกฯ สู่ รัฐมนตรีศึกษา”
อ.ธิดา
ถาวรเศรษฐ : คือถ้าคนความคิดมันยังล้าหลัง
เป็นอนุรักษ์นิยมจารีตนิยมมากมันจะมองไม่เห็นเลยว่าการเมืองที่ก้าวหน้า
จะทำให้ดีกว่าได้ยังไง
เพราะฉะนั้นในขณะที่กลุ่มเยาวชนมองแล้วว่าการเมืองแบบนี้มันไปไม่ได้ เขาไม่มีอนาคต
เขาต้องมองสิ่งที่ดีกว่า เพราะฉะนั้นเมื่อต่อสู้ทางการเมืองมันต้องต่อสู้ทางสังคม
วัฒนธรรม การศึกษา ด้วย เพราะการศึกษามันกดทับ
ขีดความสามารถทางการแข่งขันของเราและการศึกษาของเราเมื่อเทียบกับประเทศต่าง ๆ
ในโลกนี้ เราต่ำมาก ไม่ว่าจะเป็นคะแนนการสอบอะไรต่าง ๆ
แล้วก็ที่สำคัญก็คือเวลาวัดผลเราแย่กว่าคนอื่นทั้งหมดนะในประเทศแถบนี้
นอกจากนั้นก็คือลักษณะที่ก้าวหน้า ครีเอทีฟอะไรต่าง ๆ Thinking
อะไรต่าง ๆ เนี่ยหมด เพราะว่าเราถูกครอบด้วยลักษณะจารีตนิยม
เพราะฉะนั้นเมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงการเมือง
ก็ต้องเปลี่ยนแปลงสังคม วัฒนธรรม และอุดมการณ์ด้วย
ถ้าสังคมและวัฒนธรรมของเราก้าวหน้า เราจะไม่เห็นภาพนี้ ประเภทที่ครูบังคับ
มีการจะตบหรือจะอะไร คุณทำได้ไง ใช่มั้ย มันทำไม่ได้
คุณทำแบบนี้เพราะคุณถือว่าคุณมีอำนาจในฐานะเป็นครู แล้วก็จะต้องอยู่ในกรอบของจารีต
คือคำพูดของครูต้องถูกทั้งหมด
อาจารย์มองว่า
เขานอกจากต่อสู้ทางการเมือง การต่อสู้ในโรงเรียนเป็นองค์ประกอบด้วย
อาจารย์ว่ามันดีนะ ไม่ใช่ว่าจะบอกให้เด็กไปต่อต้านครูนะ
แต่ว่าปรากฎการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว มันมาจากผลพิษของอำนาจนิยมและจารีตนิยมในโรงเรียน
จึงทำให้เด็กมองเห็นว่าเมื่อจะต่อสู้ทางการเมืองก็ต้องต่อสู้สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนด้วย
ความหวาดกลัวผู้บังคับบัญชาและกระทรวงศึกษาธิการ
อ.ธิดา
ถาวรเศรษฐ : คือที่สำคัญเนี่ย ตัวรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา
หรือรัฐมนตรีของอุดมศึกษา ล้วนเป็นพวก กปปส. ทั้งนั้น
แล้วตัวรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาเองก็น่าเกลียดมาก แล้วพวกโรงเรียนต่าง ๆ ครูเหล่านี้
ก่อนหน้านี้ก็ชวนกันไปเป่านกหวีดอะไรต่าง ๆ ทั้งหมด
อาจารย์ว่านักเรียนทำเนี่ยมันเป็นกระจกที่สะท้อนและมันเหมาะสม
ถ้าครูไม่ต้องก้าวหน้ามาก
แค่เป็นเสรีนิยม แก้ปัญหานี้ได้ คือคุณเห็นคนเป็นคนเท่ากันมั้ย
หรือคุณคิดว่าเพราะคุณเป็นครู คุณถึงจะต้องบังคับนักเรียน แต่ว่าถ้าคุณให้เกียรติเด็ก
แล้วก็ความเป็นคนนั้นเท่ากันนะ ไม่ใช่เพราะเขาอายุน้อยกว่า
ไม่ใช่เพราะเราอายุมากกว่า ไม่ใช่เพราะเราปริญญามากกว่า แล้วเราจะต้องยิ่งใหญ่กว่า
แล้วไปกดทับคนอื่น ถ้าเราไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ เราจะไม่มีปัญหาเลย ถูกมั้ยคะ
ก็ครูกับนักเรียนก็แลกเปลี่ยนกันได้ ถ้าเป็นอาจารย์นะก็สนุกเลยเรื่องชู 3
นิ้วเนี่ย เราเล่าเรื่องหนังกันเลย The Hunger Games หรือ Les
Miserables อะไรต่าง ๆ เหล่านี้
มันสามารถเปิดห้องเรียนของการเรียนรู้ได้มากมาย
ปัญหาคือครูเป็นพวกอำนาจนิยมจารีตนิยม
แก้ปัญหานี้ไม่ได้
ถ้าครูเป็นเสรีนิยม
และเป็นคนที่ก้าวหน้า จะแก้ปัญหานี้ได้
ถ้าถามว่าจะกลัวรัฐมนตรีมั้ยเนี่ย
ไม่ต้องกลัวเลย ขอบอกไปยังครูนะ มันอยู่ที่พวกคุณ
คุณแก้ปัญหาในพื้นที่ของคุณให้ได้ด้วยจิตใจที่มองเห็นคนเป็นคนเท่ากัน
ให้เกียรติไม่ว่าเขาจะเป็นเด็ก ไม่ว่าเขาจะคิดว่าเป็นเด็กหรือว่าเราจบมา
อาบน้ำร้อนมาก่อน แล้วก็เป็นครูนะ เอาตำแหน่งมาบังคับ
ถ้าคุณคิดอย่างนี้คุณต้องชนกัน เพราะวิธีคิดแบบนี้มันไม่ใช่สำหรับโลกใบใหม่ละ
อันนี้มันโลกสมัยโบราณ แต่ว่าถ้าครูไม่เปลี่ยน ครูเจอปัญหา
อาจารย์ว่าเหตุผลจากที่ว่ากระทรวงมาจี้นะไม่สำคัญ ไม่สำคัญเท่าครูแก้ปัญหาในพื้นที่
เพราะกระทรวงก็จะแก้ปัญหาไม่ได้ กระทรวงก็จะไปไม่รอด แล้วนี่ดีนะ
ตอนนี้เด็กทำน้อยนะ แค่ชู 3 นิ้ว แค่ผูกริบบิ้น ถ้าเขาลุกขึ้นมาโจมตีรัฐมนตรี
โจมตีได้เลย
ถามเลยว่าเป็นแบบอย่างที่ดีไหมในการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วมาเป็นรัฐมนตรีศึกษาธิการ
จะเป็นแบบอย่างของนักเรียนได้ยังไง สมมุติถ้าเป็นแบบนี้นะ
อาจารย์ว่ารัฐมนตรีไปไม่ถูกหรอก เพราะตอนนี้เป้าไปอยุ่ที่นายกฯ ถูกมั้ย?
แต่ถ้าเป็นโรงเรียนนะ อาจารย์ทำนายว่าอีกไม่นานเป้าจะเป็นรัฐมนตรี
แล้วตอนนี้รัฐมนตรีไปไม่ถูก
ดังนั้นครูทั้งหลายไม่จำเป็นต้องไปสนใจ
คุณแก้ปัญหาระหว่างคุณกับนักเรียนเองได้ด้วยหัวใจที่มองเห็นเขาเป็นคนที่เท่ากัน
แล้วก็เปิดโอกาส แลกเปลี่ยน แล้วเรียนรู้ เพราะว่าอายุไม่ใช่ตัวตัดสิน
เพราะว่าบางคนอายุมากแต่สมองไม่ได้พัฒนา อาจจะเพียง 84,000 เซลล์ แต่เด็กบางคนอายุเขาน้อยจริงแต่ว่าเขาพัฒนามากกว่า
อย่างในครอบครัวอาจารย์มีอะไรอาจารย์ก็ต้องปรึกษากันกับลูก
ก็ต้องคุยกัน แลกเปลี่ยนกัน บางครั้งกับคนที่ทำงานเราก็ต้องคุยแลกเปลี่ยนกัน
งานบ้านนี่แหละเราก็ต้องคุยกัน คือเราต้องฟัง
แต่ถ้าคุณสวมวิญญาณว่าเป็นครูแล้วก็สามารถตบนักเรียนได้ จัดการนักเรียนได้
คุณไม่มีทางแก้ปัญหาเด็กไทยสมัยนี้ได้เลย เป็นไปไม่ได้เลย