“สุรเชษฐ์” จี้นายกฯ แจงเหตุผลให้ชัด เหตุปัดตกร่าง “พ.ร.บ.ถนน” ของก้าวไกล
ชี้ กฎหมายเก่าทำระบบถนนประเทศเละเทะ
จึงต้องมีกฎหมายใหม่เพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างทั้งระบบ
กระจายอำนาจและงบประมาณสู่ท้องถิ่น
วันที่
17 เมษายน 2567 ที่อาคารอนาคตใหม่ สุรเชษฐ์
ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวจับตานโยบาย (Policy
Watch) กรณีที่นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจพิจารณาร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน
ไม่รับรองร่าง “พ.ร.บ.ถนน” ที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรและผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นแล้ว
สุรเชษฐ์ระบุว่า
แม้การไม่รับรองของนายกรัฐมนตรีจะไม่ผิดรัฐธรรมนูญ
แต่ไม่ชอบธรรมที่ไม่ให้เหตุผลในการปัดตก เพราะตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย นายกฯ
ควรปล่อยให้ร่างกฎหมายนี้เข้าไปในสภาฯ เพื่อถกเถียงกันด้วยเหตุด้วยผล
ตนจึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงเหตุผลในการปัดตกให้ชัดเจน
เพราะนี่คือเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า
พ.ร.บ.ถนน เป็นการยกเลิก พ.ร.บ.เดิมที่แตกย่อยออกเป็น 7 ฉบับ
แล้วยกร่างใหม่ให้เหลือเพียง 1 ฉบับ จำนวน 125 มาตรา โดยเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ใช่แค่การปะผุปัญหา ได้แก่
การจัดลำดับชั้นของถนน (Road Hierarchy) การจัดสรรอำนาจและงบประมาณระหว่างส่วนกลาง
คือกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การพัฒนาเมืองที่ไม่ใช่แค่การสร้างถนน การนำกองทุนมอเตอร์เวย์มาบริหารอย่างโปร่งใส
และการยกระดับความปลอดภัยทางถนน
สุรเชษฐ์ยังได้ยก
3 ตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นจากกฎหมายปัจจุบัน ได้แก่ 1) รัฐราชการรวมศูนย์ ที่ส่วนกลางมีงบประมาณมหาศาล
แต่ดูแลถนนไม่ไหวจนต้องมีสองศูนย์ คือกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท
ทั้งที่ประเทศมีโครงสร้างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว
แต่กลับไม่นำงบประมาณไปลงกับท้องถิ่น กลายเป็นระบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา
ดึงงบประมาณไปลงในพื้นที่ของตัวเองให้ได้มากที่สุด แล้วไปหากินกับโครงการต่าง ๆ
จนผลงานออกมาไม่ได้มาตรฐาน
2)
ด้วยความที่งบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่ส่วนกลาง
จึงเกิดการหาทางสร้างถนนไปเรื่อย ๆ
แต่ท้องถิ่นกลับไม่มีงบประมาณพอแม้แต่จะซ่อมถนนที่มีอยู่ของตัวเอง
ท้องถิ่นได้งบประมาณในการดูแลถนนต่ำกว่าส่วนกลางถึง 6 เท่า
แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ซึ่ง
พ.ร.บ.ถนนจะจัดแจงเรื่องนี้ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงงบประมาณไปที่ท้องถิ่นมากขึ้น
3)
จากการที่ส่วนกลางหาทางสร้างถนนไปเรื่อย ๆ
แต่ไม่ได้สร้างแบบถูกหลักวิชาการ จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าลำดับชั้นของถนน (Road
Hierarchy) ซึ่งสำคัญมาก
ปัจจุบันประเทศไทยปล่อยให้เมืองโตไปตามยถากรรมแค่ 200 เมตรข้างถนนใหญ่
แต่ไม่มีการจัดลำดับชั้นว่าถนนใดเป็นถนนหลัก ถนนใดเป็นถนนรอง
จึงนำมาซึ่งสารพันปัญหา เช่น อุบัติเหตุ และการจราจรติดขัด
นอกจากนี้
พ.ร.บ. 7 ฉบับเดิมยังแบ่งประเภทถนนตามหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ได้แบ่งตามการใช้งาน
ซึ่งขัดกับหลักวิชาการในการกำหนดนิยามและลำดับชั้นของถนน
มีความทับซ้อนระหว่างภารกิจของหลายหน่วยงาน
ทำให้เกิดการกระจุกตัวของอำนาจและงบประมาณไว้ที่ส่วนกลาง
แต่ถนนในท้องถิ่นกลับไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
ดังนั้น
ร่าง พ.ร.บ.ถนนของพรรคก้าวไกลจะไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างเป็นระบบใน 6 ประเด็นหลัก
ได้แก่
1)
การกำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบายถนน”
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธาน
มีหน้าที่และอำนาจหลักในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาโครงข่ายถนนทั่วประเทศ
วิเคราะห์และกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของงบประมาณระหว่างการสร้างถนนเพิ่มกับการซ่อมถนนเดิมที่มีอยู่
และสัดส่วนของงบประมาณในการจัดสรรระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น
ตลอดจนจัดทำข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตั้งงบประมาณในรอบปีถัด ๆ ไป
พิจารณาและให้ความเห็นชอบมาตรฐานและลักษณะของถนนและงานทาง
อัตราความเร็วของยานพาหนะ เสนออัตราค่าผ่านทางร่วมและค่าบริการ เป็นต้น
2)
การกำหนดประเภทถนนใหม่ ซึ่งแบ่งตามหลักวิชาการสากล
แต่ปรับให้สอดคล้องกับบริบทของไทยโดยยึดหลักกระจายอำนาจ โดยแบ่งถนนออกเป็น 5
ประเภท คือ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงสายหลัก ทางหลวงสายรอง
ถนนท้องถิ่นสายหลัก และถนนท้องถิ่นสายรอง
3)
การจัดระบบกองทุนค่าผ่านทาง
เพื่อยกระดับการจัดการเงินค่าผ่านทางให้มีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้มีการจัดเก็บเงินค่าผ่านทางอยู่แล้วตามระเบียบกรมทางหลวงว่าด้วยเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง
พ.ศ. 2549 หรือกองทุนมอเตอร์เวย์ อย่างไรก็ตาม
นี่เป็นกฎหมายเก่าที่ไม่ได้มีความโปร่งใสและไม่มีการเปิดช่องให้ตรวจสอบได้มากพอ
จึงต้องมีการยกระดับให้เทียบเท่ากับกองทุนอื่น ๆ ในประเทศไทย
4)
การยุบเลิกกรมทางหลวงชนบท
เพื่อให้เกิดการกระจายอำนาจและงบประมาณปีละราว 5 หมื่นล้านบาทไปสู่ท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม
รวมถึงให้เกิดการถ่ายโอนภารกิจและบุคลากรไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
5)
การจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์บนถนน
ซึ่งจะนำผู้เชี่ยวชาญมาสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น กำหนดหลักเกณฑ์
และเสนอแนะมาตรการเชิงป้องกัน
6)
การกำหนดอัตราความเร็วอย่างเป็นระบบ มีหลักการรองรับ
และให้มีนิยามไว้อย่างชัดเจนตามลำดับชั้นของถนนในระบบใหม่
สุรเชษฐ์กล่าวต่อไปว่า
สิ่งที่ตนและพรรคก้าวไกลเรียกร้องคือขอให้นายกรัฐมนตรีที่ปัดตกร่าง
พ.ร.บ.ถนนโดยไม่ให้เหตุผล อย่างน้อยควรตอบให้ได้ว่า พ.ร.บ.เดิมดีกว่าร่าง
พ.ร.บ.ใหม่อย่างไร หรือเพียงเพราะเป็นร่างของพรรคก้าวไกล
นอกจากนี้
รัฐบาลควรคิดแก้ปัญหาถนนของไทยทั้งระบบในเชิงโครงสร้างได้แล้ว
มิใช่เพียงปะผุปัญหาแล้วหากินกับโครงการไปวัน ๆ
อย่าเอากระทรวงคมนาคมไปเป็นคลังแสงให้พรรคการเมือง
แต่ควรกระจายอำนาจและเม็ดเงินสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
โดยพรรคก้าวไกลพร้อมถกเถียงและลงรายละเอียดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไปด้วยกัน
“ถ้าตรงไหนยังไม่ดีพอ ตรงไหนมากไปหรือน้อยไป กระบวนการในสภาฯ
ปกติพอรับหลักการวาระหนึ่งก็ต้องเข้าวาระสอง ต้องดูในรายละเอียดกัน
มีตัวแทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะมาแก้รายละเอียด ทำได้หมด
แต่การปัดตกแบบไร้เหตุผลโดยไม่มาพูดกันแบบนี้ไม่ได้ ท่านต้องให้เหตุผลมา และก้าวไกลเราพร้อมที่จะถกเถียงในเนื้อหาสาระอย่างสร้างสรรค์ว่าอะไรดีกับประเทศนี้”
สุรเชษฐ์กล่าว
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ก้าวไกล