ก้าวไกลแถลง 5 ข้อ แนะรัฐบาลจัดการ “กากแคดเมียม” จี้เร่งค้นหาอีก 1,265 ตันที่ยังไม่พบ เยียวยาประชาชนให้ทั่วถึง วางมาตรการขนย้ายกลับต้นทางให้รัดกุม พร้อมขอ สส.ช่วยกันผลักดันร่างกฎหมาย PRTR เพื่อป้องกันเหตุในอนาคต
วันที่ 18 เมษายน 2567 ณ ห้องแถลงข่าว อาคารรัฐสภา เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม สส.สมุทรสาคร เขต 1 ภัสริน รามวงศ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 7 คริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก เขต 1 และพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ แถลงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการจัดการกับกากแคดเมียม ที่มีต้นตอจากบ่อฝังกลบถาวรที่จังหวัดตาก แต่ถูกขนย้ายออกมาอย่างผิดกฎหมายและพบกระจายอยู่ในโกดังทั้งที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
เดชรัตกล่าวว่า หลังจากตรวจพบกากแคดเมียมที่ลักลอบขนย้ายออกมา พรรคก้าวไกลนำโดยกลุ่มก้าวกรีน (เครือข่ายสิ่งแวดล้อมก้าวไกล) ก็ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากพื้นที่ที่เกี่ยวข้องทั้งต้นทางที่จังหวัดจาก และปลายทางที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ล้วนเป็นพื้นที่ของ สส.ก้าวไกลทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนอย่างมาก พรรคก้าวไกลจึงติดตามและตรวจสอบกรณีนี้ร่วมกับคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม และคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของสภาผู้แทนราษฎรมาอย่างต่อเนื่อง
เดชรัตกล่าวต่อไปว่า ความคืบหน้าล่าสุดคือกระทรวงอุตสาหกรรมจะขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปเก็บถาวรที่จังหวัดตาก ซึ่งเป็นจุดต้นทาง โดยการเก็บถาวรจะเป็นไปตามมาตรฐานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เรื่องมาตรการการลดและป้องกันผลกระทบ และจะเริ่มต้นขนย้ายในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ตาม จากการประเมินปริมาณกากแคดเมียมทั้งหมดพบว่าการขนย้ายจะต้องใช้รถ 480 เที่ยว และใช้ระยะเวลา 1-2 เดือนกว่าจะแล้วเสร็จ
ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงมีข้อกังวลและข้อเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการใน 5 ประเด็น ได้แก่
1. กากแคดเมียมซึ่งตรวจพบที่จังหวัดสมุทรสาคร ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ยังไม่ครบ 13,800 ตันที่ขนย้ายออกมาจากจังหวัดตาก โดยขาดอยู่ 1,265 ตัน ล่าสุดมีข่าวว่าส่วนต่างอาจจะเกิดจากความชื้นและการคำนวณน้ำหนักที่ไม่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลในนามกลุ่มก้าวกรีนยังมีข้อกังวลต่อข้อสันนิษฐานดังกล่าว โดยอาจมีความเป็นไปได้อื่น ๆ ใน 2 แนวทาง คือ อาจจะยังมีการกักเก็บกากแคดเมียมไว้ในพื้นที่อื่น ๆ ที่ยังตรวจไม่พบ หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการหลอมกากแคดเมียมไปแล้วบางส่วน โดยเฉพาะพื้นที่สมุทรสาครและชลบุรี ซึ่งตรงนี้เป็นประเด็นสำคัญที่พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบ และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบอย่างโปร่งใสและเร่งด่วน
2. รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบกากแคดเมียมและสารปนเปื้อนในร่างกายและสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมและโปร่งใส โดยในกรณีที่มีการตรวจพบสารแคดเมียมในดิน น้ำ อากาศ หรือสิ่งมีชีวิต และกรณีที่มีการตรวจพบค่าแคดเมียมที่เกินมาตรฐานในร่างกายของคนงานและประชาชน รัฐบาลจะต้องกำหนดมาตรการฟื้นฟูและเยียวยาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้กับประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบโดยทันที โดยไม่อ้างข้อติดขัดใด ๆ ทั้งทางงบประมาณ หรือระเบียบในการดำเนินการ ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการพบการปนเปื้อน ผู้ว่าราชการจังหวัดควรประกาศเขตควบคุมมลพิษไว้ก่อน เพื่อไม่ให้มลพิษนั้นแพร่กระจายไปสู่สิ่งแวดล้อมในเขตที่กว้างขวางขึ้น
3. การขนส่งกากแคดเมียมกลับไปยังพื้นที่ถาวรเดิม คือ จังหวัดตาก จำเป็นต้องตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่งานจัดเก็บโดยบุคคลที่สาม หรือบุคคลที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเสียก่อน เนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อกักเก็บกากแคดเมียมที่จังหวัดตากของพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 11 เมษายนและ 17 เมษายน พบว่าบ่อกักเก็บถาวรเกิดความเสียหายจากการใช้เครื่องจักรไปขุดกากแคดเมียมขึ้นมา จนอาจจะไม่สามารถกักเก็บกากแคดเมียมโดยไม่มีการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมตามรายงาน EIA ได้ ดังนั้น พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้มีการตรวจสอบสภาพบ่อกักเก็บถาวรโดยเร่งด่วนและโปร่งใส ก่อนที่จะมีการดำเนินการขนย้าย
4. ในเรื่องการขนส่งกากแคดเมียมซึ่งคำนวนกันว่าจะต้องใช้รถมากกว่า 480 เที่ยว และการดำเนินการจะเข้าสู่ช่วงฤดูฝน จนเกิดข้อกังวลกันว่าอาจจะมีการปนเปื้อนสารแคดเมียมระหว่างทาง ดังนั้น การขนส่งกากแคดเมียมต้องมีความเข้มงวดเพื่อลดการปนเปื้อน และรถที่ใช้ขนส่งต้องได้รับอนุญาตให้ขนส่งวัตถุอันตรายอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ รวมถึงรัฐบาลต้องมีมาตรการป้องกันและแก้ไขในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุด้วย ซึ่งคาดหวังว่าจะไม่เกิดขึ้น
5. เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องในกลไกการป้องกันเหตุที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามมาตรการในการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโรงงานต้นทาง ดังนั้น รัฐบาลจะต้องใช้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน โดยในระยะสั้น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) จะต้องตรวจสอบหาข้อผิดพลาด และหามาตรการในการแก้ไขอย่างทันท่วงที ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องมีมาตรการในการตรวจทานร่วมกับกระทรวงอื่น ๆ เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก่อนดำเนินการเคลื่อนย้ายสารมลพิษใด ๆ โดยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส เปิดเผยต่อสาธารณะ และเปิดให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้
นอกจากนี้ รัฐบาลและพรรคการเมืองต่าง ๆ ควรให้การสนับสนุนและช่วยกันเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.การรายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (PRTR) รวมถึงร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร เพื่อให้การควบคุมและการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายหรือสารมลพิษต่าง ๆ กระทำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และเปิดเผยอย่างโปร่งใสต่อประชาชน โดยพรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และหวังว่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาโดยเร็ว