#14ปีเมษาพฤษภา53
ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา
ศศินันท์
ธรรมนิฐินันท์ :
ก่อนจะนิรโทษกรรมต้องทำให้อุณหภูมิบรรยากาศทางการเมืองลดลง ต้องค้นหาความจริงให้กับผู้ที่เสียชีวิต
นอกเหนือไปจากการจ่ายเงิน
ยอมรับว่ากดดันมากที่ต้องพูดหลังพี่เต้นนะคะ
เพราะว่าแต่ก่อนเวลามาชุมนุมเสื้อแดง พอพี่เต้นพูดเสร็จปุ๊บ หายหมดเลยหน้าเวที
เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่แบบว่าทุกครั้งที่มาชุมนุม แจมก็จะมาอยู่หน้าเวที
พอพี่เต้นพูดจบปุ๊บ ก็กลับเหมือนกันนะ พอรู้ว่าจะต้องพูดหลังพี่เต้นก็กดดันนิดนึง
แต่คิดว่าประเด็นหลักใหญ่ใจความที่จะพูดวันนี้ พี่เต้นเองก็ได้พูดไปเกือบทั้งหมดแล้วนะคะ
วันนี้ขอบคุณคณะผู้จัดงาน
ขอบคุณญาติวีรชนทุกท่านค่ะ แจมเองก็ยังจำหลาย ๆ คนได้ ยังจำหลาย ๆ
เหตุการณ์ที่เกิดในวันนั้นได้ เหมือนที่พี่เต้นบอกค่ะ ทั้งแจม ทั้งคุณชนินทร์เอง
วันนี้มีอีกคนหนึ่ง สส.พรรคก้าวไกล คุณสหัสวัต คุ้มคง (คุณเนม) เมื่อ 14
ปีที่แล้วเราก็เป็นนักศึกษา ซึ่งยอมรับเหมือนกันว่าใน 14
ปีก่อน นักศึกษาในม็อบเสื้อแดงมันน้อยมาก
เราแทบจะเป็นคนกลุ่มน้อยเนอะที่อยู่ในม็อบเสื้อแดง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ 14 ปีที่แล้วเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
หรือว่าของเด็กคนหนึ่งเหมือนกัน
14 ปีที่แล้วเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แจมกลับมาสนใจการเมืองแบบเข้มข้นขึ้นเหมือนกัน
และ 14 ปีที่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าพี่ ๆ วีรชนทุกคน
หรือแม้กระทั่งพี่เต้น หมอเหวง อาจารย์ธิดา และอีกหลายคน ก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจที่ทำให้แจมสนใจการเมืองและก็ทำงานทางการเมืองต่อไปเหมือนกัน
ก่อนจะเป็นสส.พรรคก้าวไกล แจมเป็นทนายความนะคะ และก่อนจะเป็นทนายความแจมเองก็เป็น Activist คนหนึ่งที่ทำกิจกรรมทางการเมือง
แจมเจอทนายความอานนท์ครั้งแรกก็ไม่รู้จักกันมาก่อนนะคะ
แจมเป็นแค่คนเสื้อแดงคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร แล้วก็ไม่รู้จักใครเลย
วันที่มาชุมนุมวันแรกกับพี่น้องเสื้อแดงไม่ได้รู้จักใครเลย แต่แค่เราใส่เสื้อสีแดงแล้วเขาเห็นว่าเราหน้าเด็ก
ๆ ป้า ๆ ลุง ๆ แม่ ๆ พ่อ ๆ ทุกคนต้อนรับแจมดีมาก ๆ
เพราะเขาจะตื่นเต้นมาที่แบบมีเด็กมาในม็อบ ข้าวปลาอาหารทุกคนก็มาประเคนให้หมด
แจมตื่นเต้นมากว่าทุกคนน่ารัก แจมมาคนเดียวนะคะ แจมเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร
มาเช่าหอพักอยู่แถวดินแดงแล้วก็มาคนเดียว
แล้วก็ดีใจมากว่าเราจะได้มาชุมนุมแบบไม่ต้องดูผ่านทีวี ครั้งแรกเหมือนกัน
แล้วก็เหมือนแจ๊คพอตเช่นเดียวกันว่าปีแรกที่เข้ามากรุงเทพฯ
ปีแรกที่เข้ามาชุมนุมเป็นช่วงปี 52-53 พอดี
เพราะฉะนั้นแจมเองอยู่ในห้วงเวลาของความเจ็บปวดช่วงนั้นกับทุกคนเหมือนกัน
เหมือนคุณชนินทร์ เหมือนคุณสหัสวัต เหมือนทุกคนในที่นี้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์สังหารขึ้นตั้งแต่กระสุนในวันที่ 10
เมษา ซึ่งแจมอยู่ที่เชียงใหม่นะคะ ประตูท่าแพ เราก็กอดคอร้องไห้กันที่เชียงใหม่
กลับจากเชียงใหม่มาถึงกรุงเทพมหานคร ก็เห็นกลุ่มควัน แจมยังจำเหตุการณ์ได้
มันผ่านมา 14 ปี ดูเหมือนจะนาน
แต่เชื่อมั้ยว่าแจมยังจำเหตุการณ์ทุกอย่างในวันนั้นได้
และใน
14 ก่อนที่มีการเข่นฆ่ากันกลางเมือง แจมจำได้ว่าวันที่แจมอยู่ในม็อบ คุณพ่อแจมเป็นอดีตทหารกาญจนบุรีนะคะ
คุณพ่อโทรมาบอกแจมในม็อบว่า “รีบออกจากที่ชุมนุม เขาจะยิง”
แจมเป็นคนหนึ่งที่เถียงพ่อว่า “พ่อ นี่มันปีไหนแล้ว เขาไม่ยิงหรอก มันมีกล้อง มันมีมือถือ
ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้” และวันที่แจมกลับมาด้วยความที่อยู่ในที่ชุมนุมเนอะ
กลับมาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะไปชุมนุมต่อ ก็มีการปิดพื้นที่ไม่ให้เข้าไป
แจมได้แต่ดูข่าวทางทีวีค่ะ เป็นคนหนึ่งที่ถีบทีวีเหมือนกันเวลามีการรายงานของศอฉ.
แจมก็เป็นคนหนึ่งที่ถีบทีวีเหมือนกันนะคะ แล้วก็ดูข่าวอย่างเงียบ ๆ
วันที่เป็นวัน
6 ศพวัดปทุม แจมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ร้องไห้อยู่หน้าทีวี วันที่พี่เต้นพูดถึง
“เสียงจากดินถึงฟ้า” เป็นวันที่แจมร้องไห้แบบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
และหลังจากเกิดเหตุการณ์ยิง ยังจำที่ทุกคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวได้
แล้วก็มีบุรุษท่านหนึ่งไปผูกผ้าแดงที่ราชประสงค์คนเดียวตอนนั้น
ตอนนั้นแจมเองทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่สตาร์บัคราชประสงค์ค่ะ แล้วก็เห็นคนนั้นมายืนผูกผ้าแดง
แล้วหลังจากนั้นทุกครั้งที่แจมเลิกงาน แจมก็จะไปผูกผ้าแดงกับเขา จาก 1 คน 10 คน 50 คน 100 คน วันหนึ่งก็มีพวกเราเต็มราชประสงค์ แจมจำเหตุการณ์วันนั้นได้ตลอด
หลังจากนั้นแจมก็เรียนจบปริญญาตรี
แล้วก็ได้เจอพี่อานนท์อย่างที่เคยบอกไป ตอนนั้นแจมกำลังเรียนกฎหมายอยู่
ยังไม่ได้จบ เจอพี่อานนท์ครั้งแรกบอกกับพี่อานนท์ว่าจบกฎหมายเมื่อไหร่
ได้ทนายความเมื่อไหร่ 2 ปีนี้ขออนุญาตพักเบรคกับนักกิจกรรมไปเรียน
จบทนายเมื่อไหร่แจมจะมาช่วยพี่อานนท์ทำคดีมาตรา 112
ตอนนั้นพูดไปก็ยังไม่ได้คิดอะไรรู้แค่ว่าอยากช่วยเห็นงานแกเยอะตอนนั้น
แล้วก็หายไปถ้าหลาย ๆ คนจำได้แจมจะหายจากวงการไปอยู่ช่วงหนึ่ง ช่วงที่หลาย ๆ
คนก็มาชุมนุมกัน
แล้ววันที่แจมจบทนายความมา
เหมือนดวงชะตาแจมจะผูกพันกับการเมืองทุกช่วงเวลา แจมจบทนายความปี 2556 ตั๋วทนายแจมคือ
2556 เสร็จปุ๊บกำลังจะว่าความคดีแรก ๆ
กำลังจะได้ฝึกทนายความเกิดรัฐประหารปี 2557 ค่ะ
จับพลัดจับผลูก็ได้มาเป็นทนายความที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
เป็นทนายความคนแรกของศูนย์ทนายความฯ และคดีแรก ๆ ที่ทำก็ไม่พ้นป้า ๆ แม่ ๆ พี่ ๆ
แถวนี่ทั้งนั้น
ก็รู้สึกได้ทำคดีแล้วก็ได้ต่อสู้ผ่านกระบวนการเปลี่ยนเสื้อจากนักกิจกรรมมาเป็นเสื้อครุยทนายความแทนในตอนนั้น
ตอนนั้นคิดว่า
2 ปีจะไปสอบอัยการผู้พิพากษา แต่ก็ไม่คิดว่าลุงตู่จะอยู่นานเกินกว่า 2
ปี ก็เลยอยู่กับศูนย์ทนายความฯ จนตอนโสด จนแต่งงาน จนท้องคนแรก วันก่อนจะคลอดลูกคนแรกแจมยังว่าความคดีของพ่อแม่พี่น้องเสื้อแดงอยู่เลย
(คดีปาระเบิด) ว่าความเสร็จนัดสุดท้าย อีก 2-3 วัน
แจมก็คลอดลูกเลย ท้องลูกคนที่สอง แจมก็ยังว่าความคดีเสื้อแดงอยู่เหมือนเดิม
แล้วเป็นลูกความคนเดิมด้วย เขาก็บอกว่ารอบหน้าเจอกันทนายจะท้องอีกคนมั้ย?
เราก็เห็นความยากลำบากของการทำงานในกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกันกับที่พี่เต้นบอกเมื่อกี้เลย
เราเห็นทางตันในหลาย ๆ ครั้งเนอะพี่เต้นเนอะ
บางคดีที่เราคิดว่าเราเรียนกฎหมายมามันควรจะเป็นแบบนี้ แต่พอสุดท้ายปลายทางแล้ว
มันก็ไม่เป็นแบบที่เราคาดไว้ คดีมาตรา 112
แจมเป็นพยานให้กับพี่เต้นได้นะ
ในวันนั้นแจมเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพ.ร.บ.นิรโทษกรรมด้วย
วันนั้นที่เชิญพี่เต้นมาแจมอยู่ในห้องนั้นด้วย แล้วก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเนอะ
เห็นถึงความเป็นไปได้
วันแรกที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเราก็มีคำถามเหมือนหลาย
ๆ ท่านนั่นแหละค่ะ ว่ามันจะช่วยแก้ปัญหามากหรือน้อย
คณะกรรมาธิการนี้แจมขออัพเดตต่อจากคุณชนินทร์ละกันว่าตอนนี้จริง ๆ เราตั้งไว้ 60 วัน
แต่ด้วยความที่ว่ามันมีกระบวนการค่อนข้างเยอะ
เพราะว่าคดีการเมืองพอเราขอข้อมูลไปขอข้อมูลมามันมีเป็นหมื่นเป็นแสนคดี
อาจจะต้องใช้เวลาในการจัดระบบระเบียบว่ามันมีคดีอะไรบ้างที่จะเข้าเงื่อนไขการนิรโทษกรรม
แต่อย่างที่บอกว่าเราก็ยืนยันในห้องกรรมาธิการทุกครั้ง
แจมเป็นหนึ่งคนที่ยืนยันทุกครั้งว่าเราไม่สามารถทิ้งกลุ่มคนในคดีมาตรา 112 ได้
แจมเป็นคนหนึ่งที่พยายามอธิบายให้หลาย ๆ ท่านในกรรมาธิการเข้าใจว่าคดีมาตรา 112 เป็นคดีการเมืองอย่างไร ซึ่งก็ต้องพูดกันตามตรงว่าหลาย ๆ
พรรคที่ตอนแรกเหมือนจะแข็งกร้าวในเรื่องนี้ แต่พอเราได้คุยกันหลาย ๆ ครั้งในหลาย ๆ
นัดที่เราได้ประชุมกัน ท่าทีของแต่ละพรรคก็เปลี่ยนแปลงไป ถึงแม้ท่านไพบูลย์
นิติตะวัน จะแย้งอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่แล้วในคณะกรรมาธิการเราค่อนข้างเห็นตรงกันว่าเราจะไม่ทิ้งคดีมาตรา
112 ก็ขออัพเดตประมาณนี้
เดี๋ยวจะมีการขยายเวลาเพื่อศึกษาอย่างเต็มที่ ก็คาดหวังว่าทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย
และหลาย ๆ พรรค เราจะช่วยกันซัพพอร์ทในเรื่องของการตราพ.ร.บ.นี้ขึ้นมาด้วยกัน
ส่วนในเรื่องของ
ป.ป.ช. พี่เต้นได้อธิบายไปแล้ว ส่วนเรื่องของการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจศาลทหาร
ได้คุยกับพี่ต๋อม ชัยธวัช ไว้แล้วว่าเราก็จะผลักดันเรื่องนี้ต่อเหมือนกัน
และไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล อย่างที่เราประกาศไปตั้งแต่วันแรก
เราจะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกค่ะ กฎหมายไหนที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน
กฎหมายไหนที่ตรงกับอุดมการณ์ของเรา เราก็จะร่วมผ่านไปด้วยกัน นะคะ
ต้องขอบคุณพรรคเพื่อไทยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ
วันนี้ก็จริง
ๆ เป็นงานรำลึกค่ะ ด้วยบรรยากาศทำให้ต้องเปลี่ยนเนื้อหาใหม่พอสมควรเหมือนกัน
ก็ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงาน ก็คงจะได้เจอกันอีกหลาย ๆ ครั้งเนอะ
แจมก็เคยมาอยู่ตรงนี้ถ้ายังจำกันได้ เคยมาร้องเพลง 6ตุลา อยู่
แจมก็มาทุกปีค่ะ ถึงแม้วันนี้จะมาในชุดของนักการเมืองหรือว่าสส.ก็ตาม แต่ยืนยันรับตรงนี้ว่า
เราไม่เคยลืมเลยว่าเรามาจากไหน เราไม่เคยลืมว่าเราผ่านอะไรมาด้วยกัน แม้บางครั้งจะมีการถูกป้ายสีมาว่าเราเป็นเสื้อแดงปลอมไปบ้าง
หรือเป็นสลิ่มบ้างก็ตาม แต่ด้วยความที่วันหนึ่งเรามาเป็นนักการเมืองคิดว่าเราก็ต้องใจกว้างมาขึ้น
ยอมรับความเห็นของหลายฝ่าย ขอให้ทุกคนใจเย็น เราผ่านเหตุการณ์ที่เราทะเลาะกันมา
เสื้อแดง เสื้อเหลือง แจมไม่อยากจะเห็นเหตุการณ์แบบนั้นในวันนี้
อยากให้ทุกท่านใจเย็น ในคณะกรรมาธิการวันแรกมันก็เดือด ๆ เหมือนกัน
ตอนหลังก็พยายามใจเย็นต่อกันมากขึ้น เพราะว่าเราจะมองปลายทางไปด้วยกัน
วันนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านนะคะ
เป็นกำลังใจให้กันและกันค่ะ อะไรที่เราเดินไปแล้ว พรรคก้าวไกลเดินไปแล้ว
อาจจะดูไม่โอเค เตือนกันได้ ด่ากันได้นะคะ เราไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง
และวันนี้อยากพูดถึงทนายอานนท์ด้วยเหมือนกันนะคะ ทนายอานนท์ นำภา
เขาเป็นทนายพี่เลี้ยงของแจมเลย ตอนที่แจมเป็นทนายความแรก ๆ ยังไม่ได้ทำคดีอื่น
ทำคดีการเมืองก่อน พี่อานนท์เป็นทนายพี่เลี้ยงคนแรก ๆ ของแจม
อยากฝากไปยังรัฐบาลด้วยจริง
ๆ ซึ่งพูดในกรรมาธิการไปหลายครั้ง ทุกครั้งเลยด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่มีการประชุมเรื่องนิรโทษกรรมแจมจะพูดเรื่องหนึ่งทุกครั้ง
ไปดูบันทึกประชุมได้ คือก่อนจะมีการนิรโทษกรรมเราต้องทำให้บรรยากาศทางการเมืองลดอุณหภูมิลงก่อน
สิ่งหนึ่งที่ทำได้ก็คือการให้ประกันตัวนักโทษการเมืองที่กำลังถูกขังอยู่ตอนนี้
เพราะเราไม่รู้ว่าจะนิรโทษกรรมเมื่อไหร่ แต่ระหว่างนี้ที่เราประชุมสัปดาห์ละครั้ง
แต่ทุก ๆ วันที่เรารอมันคือคนในเรือนจำที่รออยู่เหมือนกัน
และเวลาของเขายาวนานกว่าเราแน่นอน
และนอกจากเรื่องของการประกันตัว
ก่อนที่จะมีการนิรโทษกรรม สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่ในประเทศอื่น ๆ
ที่เขามีเหตุการณ์สลายการชุมนุมหรือเหตุการณ์เข่นฆ่าที่เขาทำกันก็คือ การต้องค้นหาความจริงให้กับผู้ที่เสียชีวิตด้วย
การค้นหาความจริงเป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่เป็นกระบวนการเยียวยา นอกเหนือไปจากการจ่ายเงิน
นอกเหนือไปจากคดีความต่าง ๆ การเยียวยาคือการเยียวยาจิตใจ ทำอย่างไรให้ผู้เสียชีวิตถูกพูดถึงในมุมที่คนทุกคนเข้าใจว่าเป็นผู้เสียสละจริง
ๆ เป็นวีรชนจริง ๆ ป้ายรายชื่อที่เห็น
วันหนึ่งก็อยากจะเห็นมันถูกสลักลงไปในแผ่นไม้หิน ไม่ได้อยู่แค่ในฟิวเจอร์บอร์ด
วันหนึ่งมันต้องมีแบบนั้น และแจมก็เชื่อว่าเราจะเดินทางไปพร้อม ๆ กัน
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นชื่อพรรคอะไรก็ตาม ขอบคุณมากนะคะ