วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564

แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.68 ตอน : สงครามระหว่าง “ประชาชน” กับ “รัฐเผด็จการจารีตนิยม” ที่ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ

 

แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.68

ตอน : สงครามระหว่าง “ประชาชน” กับ “รัฐเผด็จการจารีตนิยม” ที่ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ


ช่วงนี้ดิฉันมาออกรายการค่อนข้างถี่ แต่ในความตั้งใจก็คือคิดว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะออกในเวลา 20.00 น. ของวันอังคารและศุกร์ เราจะพยายามทำอย่างนี้เป็นประจำ ยกเว้นว่ามีกิจกรรมอื่น ๆ นะคะ ดิฉันจึงขอแจ้งข่าวไว้ให้ทราบล่วงหน้า 


ถามว่าทำไมเราต้องออกบ่อยหน่อย เพราะว่าสถานการณ์ขณะนี้ ดิฉันไม่ได้พูดในฐานะแกนนำ หรือว่าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของประชาชนในช่วงนี้ ซึ่งมีเยาวชนเป็นแกนนำแต่อย่างใด แต่ดิฉันจะพูดในฐานะเป็นผู้ที่ได้ผ่านในสงครามระหว่างประชาชนกับรัฐเผด็จการจารีตนิยมซึ่งกระทำต่อประชาชน


ในช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาของการที่สงครามระหว่างประชาชน กับ ฝ่ายเผด็จการจารีตนิยมที่ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ


ดิฉันพูดด้วยความเศร้าใจ ความจริงขณะนี้เราจะละเว้นก็ได้ แต่ว่าความที่ว่าเด็ก ๆ เยาวชนและประชาชนทั้งหลายถูกจับกุมคุมขัง ไม่ได้ประกันตัว คดีเป็นนับพัน คนที่เกี่ยวข้องนับพันคดี แล้วบางคดีถูกโยนไปฟ้องที่ไกล ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ 112, 116 แล้วก็ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ร้ายแรง, ฉุกเฉินไม่ร้ายแรง, พ.ร.บ.คอมฯ และอื่น ๆ ก็ตาม


และผู้ถูกจับกุมก็มีทั้งเยาวชน คนที่แชร์โพสต์ไปเฉย ๆ เพราะไม่คิดว่าตัวเองทำผิดอะไร แน่นอนดิฉันยังไม่อยากจะพูดถึงว่าที่แล้วมา “ไผ่” ต้องติดคุกอยู่ตั้งกี่ปี เพราะไปแชร์ BBC คำถามก็คือว่าสมมุติถ้า BBC เขียนสิ่งที่ปัญหาคุณก็ฟ้อง BBC ซิ อันนี้ไม่ได้ปรากฏว่าเจ้าของโพสต์ถูกจัดการ แต่คนแชร์ถูกจัดการ ติดคุก เป็นต้น



อย่างที่อุดรธานี 4 ข้าราชการผู้ใหญ่กล่าวหาประชาชน 8 ราย หมิ่นประมาท หลังแชร์เอกสารสอบทุจริตในสำนักงานจังหวัดอุดรธานี อย่างนี้! มันเป็นเอกสารจริง มีคนที่ได้มา คือคำถามว่าถ้าไม่ใช่รัฐจารีต ถ้าไม่ใช่รัฐเผด็จการ เอกสารภายในแม้นจะเขียนว่า “ลับ” แต่มันหลุดออกมา คำถามว่า...แล้วมันผิดตรงไหน? มันผิดตรงที่คนที่ทำไม่ให้มัน “ลับ” ถ้าคุณจะเอาเรื่อง คุณก็เอาเรื่องข้าราชการของคุณว่าปล่อยเอกสาร “ลับ” ไปอย่างไร? แต่ถ้าปล่อยออกไปแล้ว มันก็คือ “ไม่ลับ” เมื่อไม่ลับ คนก็เอาไปลงได้ นี่ยกตัวอย่าง 


อันนี้เหมือนกับกรณีแรกที่ว่า เวลาไปแชร์ ก็คือไปแชร์ BBC โอเค ดิฉันไม่ได้ยินรับรู้ว่า BBC-Thai เป็นยังไง แต่รู้ว่าคนแชร์ติดคุก หรือในกรณีนี้ เขาแชร์สิ่งที่เป็นเอกสารรั่วไหลออกมา คำถามว่า การแชร์ตัวนี้ ถ้าผู้แชร์ คือถ้าเขาด่ากันเรื่องส่วนตัว แล้วไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก คนแชร์ก็เรียกว่าน่าคิดว่าคุณไปแชร์ที่เขาด่ากันเรื่องส่วนตัว แต่นี่มันเป็นเรื่องสาธารณะ เมื่อมันเป็นเรื่องสาธารณะ คนที่ไปแชร์มาก็มองว่ามันเป็นประโยชน์กับสาธารณะเพราะมันมีปัญหาฉ้อโกงทุจริตกันหรือไม่? นี่ยกตัวอย่างเป็นต้น อันนี้เกิดที่จังหวัดอุดรธานี


แล้วก็ก่อนหน้านั้นก็ยังมีเอกสารที่เกี่ยวข้องที่คนที่แชร์มาที่เป็นข้าราชการของทางสาธารณสุข จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่ประชาชนที่แอคทีฟที่กระตือรือร้นที่เป็นพลเมืองดีจำเป็นต้องแสวงหาข้อมูล เพื่อที่จะมาเปิดเผย เปิดโปงเรื่องราวที่ไม่ชอบมาพากล อันนี้กลายเป็นว่าถูกฟ้อง ถูกจับ



แล้วในขณะนี้ อีกตัวอย่างหนึ่งที่ดิฉันยกตัวอย่าง อันนี้ก็หมาด ๆ คดีชุมนุมไล่ประยุทธ์ที่ท่าน้ำนนท์ รวมผู้ถูกดำเนินคดี 21 ราย เป็นเยาวชน 1 ราย วันนั้นคุณประยุทธ์ต้องการที่จะไปเยี่ยมประชาชน มีประชาชนส่วนหนึ่งไปเชียร์ ชูป้ายเชียร์ คำถามคือแล้วเป็นไง? สมมุติถ้าจะบอกว่าเขาผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาจจะชุมนุมมั่วสุมทำให้ความสุ่มเสี่ยงจะติดโควิด สมมุติคิดอย่างนั้นนะ แล้วทำไมฝ่ายเชียร์ไม่โดน ไม่ถูกดำเนินคดี คือคุณต้องยอมรับว่ามันก็มีคนเห็นต่าง มีคนรัก ก็ไม่เป็นไรนี่ ก็ไปเชียร์ คนไม่ชอบก็ไปต่อต้าน แต่มันไม่เป็นธรรมที่คุณไปจัดการ อันนี้สภ.เมืองนนทบุรีก็ปรากฏว่ามีคนรับหมายเรียก เกิดเหตุการณ์วันที่ 30 ที่ว่าลงไปดูน้ำท่วมที่จังหวัดนนทบุรี 


ซึ่งในอารยประเทศหรือในรัฐที่ไม่ใช่รัฐเผด็จการจารีต เขาไม่นะ ยกเว้นว่าไปประทุษร้าย เช่น ไปแทงเขา ยกตัวอย่างเหมือนกับในอังกฤษ หรือว่าคุณเอาไข่เน่าไปปาถูกหน้าเขา โอเค เอาพิซซ่าแบบในต่างประเทศไปปา อย่างนี้ถูกดำเนินคดี แต่เขาตะโกนความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำไมถูกดำเนินคดีข้างเดียว ทำไมฝ่ายรัฐที่ไปเชียร์ว่า รักประยุทธ์ สู้ ๆ ทำไมถึงไม่ถูกดำเนินคดี อย่างนี้เป็นต้น



แล้วก็กรณีคาร์ม็อบ เขาพยายามจะหลบแล้วนะ การทำคาร์ม็อบ จุดประสงค์ของผู้ออกไอเดียอันนี้ก็คือหนูหริ่ง คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ ก็คือเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงว่า โอเค อาจจะเป็นการชุมนุมที่เสี่ยงต่อโควิด คนที่มาเขาก็อยู่ในรถเขา แต่กลายเป็นว่าคดีคาร์ม็อบไม่น้อยกว่า 96 คดี ผู้ถูกดำเนินคดี 244 ราย แล้วมีทั่วประเทศ ยกตัวอย่างเช่น 


ภาคกลางและตะวันออก 

- กรุงเทพฯ 22 คดี 

- นนทบุรี 3 คดี 

- สระบุรี 1 คดี 

- สิงห์บุรี 1 คดี 


ภาคเหนือ 

- เชียงใหม่ 6 คดี 

- เชียงราย 5 คดี 

- ลำปาง 3 คดี 

- ลำพูน 2 คดี

- ตาก 2 คดี อันนี้เป็นต้น


หรือว่าภาคอีสาน

- นครราชสีมา 7 คดี

- ขอนแก่น 4 คดี อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ 


รวมทั้งกระทั่งภาคใต้ 

- นครศรีธรรมราช 3 คดี 

- ยะลา 3 คดี อย่างนี้เป็นต้น มีหมด 


แล้วก็มี 84 คดี อ้างว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีอัตราโทษจำคุกและโทษปรับ ดังนี้เป็นต้น ซึ่งดิฉันคิดว่ามันมากเกินไป เพราะว่ากรณีคาร์ม็อบมันไม่สมควรเลย เขาอุตส่าห์หลบแล้ว ไม่มีชุมนุมแล้ว แล้วกลายเป็นว่ามีปัญหา



ขณะนี้ที่ดิฉันเศร้าใจมากก็คือ การจับแกนนำไปหลายคน แล้วไม่ให้ประกันตัว ซึ่งมันผิดหลักการอย่างยิ่ง ล่าสุดที่จับ “เบนจา” เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังเรียนอยู่ เรียนเก่ง อยู่สายวิทย์ ก็เป็นวิศวะ แล้วเรียนดีมาก คำถามว่าคนที่สมองดี เรียนดี อย่างครั้งที่แล้วเด็กมัธยมโรงเรียนเตรียมฯ มาเป็นตับเลย ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าโรงเรียนเตรียมฯ เด็กมัธยมเขาเป็นเด็กที่มีความสามารถ ถ้าเราเทียบเคียงกับโรงเรียนอื่น


ดังนั้น คุณจะบอกว่าเด็กพวกนี้ถูกใครย้อมหัว แม้กระทั่งตอนนี้เวลาเขามีหนังสือสำหรับเด็กเล็กก็อ้างว่าจะไปย้อมหัวเด็ก ดิฉันคิดว่าที่มันควรจะพิจารณาคือผู้ใหญ่หัวที่หงอกแล้วถูกย้อมมานานแล้ว ใช่หรือเปล่า? มาจนกระทั่งทำให้ขัดขวางพัฒนาการของสังคมไทย ขัดขวางพัฒนาการของการที่จะเจริญก้าวหน้าของประเทศ


ดูง่าย ๆ เอาล่ะ คุณไปเปรียบเทียบการขนส่งทางราง ของ “ลาว” นี่ดีกว่าเป็นอย่างยิ่ง ดิฉันให้หลานดู หลานชอบรถไฟ เขาก็จะดูรถไฟที่ ตอนที่เขาตัวเล็ก ๆ ไปญี่ปุ่นก็ไปดูพิพิธภัณฑ์ ก็พบว่ารถไฟในพิพิธภัณฑ์นั้นดูทันสมัยกว่ารถไฟไทยที่กำลังวิ่งอยู่เป็นอันมาก ในขณะนี้ก็ถ้าดูรถไฟ “ลาว” ก็จะเป็นลักษณะหัวกระสุนแล้ว ดูทันสมัย 


ในขณะที่ผู้ใหญ่ของเราในตุลาการที่พูดกับคุณชัชชาติว่าจะทำรถไฟความเร็วสูง รอให้ถนนลูกรังมันหมดประเทศก่อน นี่ยกตัวอย่าง ดิฉันอยากจะถามว่า ระหว่างคนรุ่น Baby boomer หรือว่ารุ่นก่อน กับเยาวชนรุ่นปัจจุบัน เป็นรุ่น Y รุ่น Z รุ่น Alpha ไปจนกระทั่งเด็ก  ขณะนี้คุณทำสงครามแม้กระทั่งกับเด็ก ภาพที่จับเด็ก 10 ขวบ ที่ดิฉันพูดอยู่เสมอว่าเด็กยังรู้จักพูดที่แสดงความรู้สึกของตัวเองว่า ต้องการทำเพื่ออุดมการณ์ ไม่เสียดายชีวิต 


ถามว่าคำพูดอย่างนี้ ผู้ใหญ่แก่ ๆ พูดเป็นมั้ย? ที่ว่าเกิดมาต้องตายและจะตายอย่างไร? ตายให้คนจำว่าขัดขวางพัฒนาการของประเทศ หรือตายให้คนจำว่าเป็นผู้ร่วมส่วนอยู่ในการพัฒนาที่ทำให้กงล้อประวัติศาสตร์หมุนไปข้างหน้า คืออุทิศชีวิตให้กับประชาชนมวลชนส่วนใหญ่ หรือว่าจนตายก็พูดไม่ได้ ก็คือรักษาอำนาจเก่า รักษาระบอบเก่า ไม่ได้สนใจใยดีว่าโลกมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร? คนรุ่นใหม่เขามีความเข้าใจ มีองค์ความรู้ใหม่ ไม่ได้ถูกย้อมหัว 


แล้วขณะนี้มันกลายเป็นสงคราม ซึ่งโดยที่ผ่านมานั้น วิธีคิดของเผด็จการก็คือไม่ต้องการให้มีคนเห็นต่าง ไม่ต้องการให้คนโงหัวขึ้นมาสู้กับตนเอง ส่วนวิธีคิดแบบจารีตนั่นก็คือพิทักษ์ระบอบเก่า ขัดขวางการเกิดขึ้นของระบอบใหม่ มองว่าปัจจัยอะไรก็ตามที่ทำให้ประชาชนมีอำนาจ เท่ากับว่ามาโค่นล้มระบอบเก่า โค่นล้มอำนาจเก่า ไม่ได้คิดในแง่ที่ว่าระบอบเก่าอำนาจเก่าจะอยู่อย่างไรเมื่อโลกและสังคมได้พัฒนาไปข้างหน้า


คือถ้าตัวเองไม่พัฒนาให้สอดคล้องกับภววิสัย มันก็เป็นความขัดแย้ง เพราะว่าความจริงตามภววิสัยสำคัญที่สุด ฉะนั้นเมื่อคิดว่าจะอยู่แบบโลกเก่า จะอยู่กับอำนาจแบบเก่า ๆ ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง มันก็เป็นการสกัดกั้น  หนึ่งสกัดกั้นอำนาจประชาชน ที่บอกว่าประเทศนี้เป็นของราษฎรทั้งหลาย หรือว่าระบอบประชาธิปไตยอำนาจต้องเป็นของประชาชนนั้น ไม่จริง! 


จริง ๆ คือพิทักษ์ระบอบเก่า อันใดที่จะทำให้ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ก็จะขัดขวาง เพราะว่าขัดขวางง่ายที่สุดเลย ขัดขวางเสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ขัดขวางการต่อสู้เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม เท่าเทียมทั้งอำนาจ เท่าเทียมทั้งความยุติธรรม เท่าเทียมทั้งทางเศรษฐกิจด้วยซ้ำ ที่จริงควรจะเป็นอย่างนั้น


ดังนั้น ในขณะนี้ดิฉันเศร้าใจมาก ก็คือ ความพยายามในการที่จะมาจัดการกับเยาวชน ประชาชน นับพันคน ด้วยคดีที่ร้ายแรง เอาไปจับกุมคุมขัง ไม่ให้ประกันตัว ยังไม่ได้ตัดสินก็อ้างว่าทำความผิดซ้ำซาก อ้างว่าความผิดสูงกลัวจะหลบหนี อะไรดังนี้เป็นต้น 


ดิฉันคิดว่ามันเป็นภาวะจนตรอกหรือเปล่า? ภาวะจนตรอกของฝ่ายจารีตนิยมที่ต้องใช้มือของเผด็จการเข้ามาเกื้อหนุนเพื่อรักษาอำนาจจารีตนิยมเผด็จการนี้เอาไว้ พูดง่าย ๆ ก็คือจากระบอบเก่า ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่จะมายังระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอำนาจของประชาชน มันก็ถูกยื้อยุดฉุดเอาไว้ด้วยคณาธิปไตย ด้วยอำมาตยาธิปไตยที่ยื้อยุดไม่ให้สามารถที่จะไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้ ไม่ว่าจะต้องทำอย่างใดก็ตาม


แน่นอน คุณใช้อาวุธมาตั้งแต่ตอน 6ตุลา คุณใช้การฆ่าตั้งแต่ยุคจอมพลสฤษดิ์ ใช้มาตรา 17 มาตอนนี้ใช้มาตรา 44 คุณไม่สามารถทำได้ คุณฆ่าครั้งสุดท้ายอย่างมากก็คือปี 53 ไม่มีจลาจลเลยนะ มาเฉย ๆ เลย อย่างตอนนี้บอกถ้ามีจลาจลทหารจะออกมา ตอนนั้นทหารออกมาแล้วก็ฆ่าเฉย ๆ เลย ฆ่าคนอย่างไม่กลัวเกรง เพราะว่าได้ทำงาน IO มาอย่างดี ว่าคนพวกนี้เป็นพวกล้มเจ้า เป็นพวกทุนสามานย์ เป็นลูกน้องของทุนสามานย์ จนกระทั่งทำให้ปัญญาชนและรวมทั้งโลกต่างประเทศ มองคนเสื้อแดง มองนปช.ว่าเป็นพวกสมุนบริวารของระบอบทุนสามานย์ อันนี้เขาเรียกว่าทำงานเอาไว้อย่างดี ก็สามารถใช้ทหารเข้าไปจัดการ แล้วก็ทำเป็นเฉย ๆ ได้


จากนั้นพอใช้ทหารจัดการ ใช้ความรุนแรงจัดการแล้ว ก็มาใช้กฎหมาย ดังนั้นพวกแกนนำนปช.และประชาชนจำนวนมากถูกคุมขัง ทั้งต่างจังหวัด ทั้งในกรุงเทพฯ คือถ้าไปรื้อฟื้นคดี ในทัศนะของเราก็มองแล้วว่า มันมีปัญหาของความยุติธรรมตั้งแต่ต้นทาง แต่เที่ยวนี้ดิฉันตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ฟ้องร้องที่มาฟ้องร้องเยาวชนทั้งหลาย นอกจากจะเป็นกลุ่มมวลชนฝ่ายขวาซึ่งจัดตั้งมา คือเขาจะเตรียมผู้ร้องเมื่อยุติการใช้อาวุธหรือใช้อาวุธไม่ได้ในช่วงเวลานี้ ก็มาใช้อาวุธทางกฎหมาย ก็จะมีผู้ร้อง


แต่ที่ดิฉันเห็นทำงานแข็งขันก็คือ “ตำรวจ” ขณะนี้โรงพักต่าง ๆ เป็นผู้ฟ้องร้องเอง ดิฉันอยากจะตั้งคำถามว่า ตำรวจไทยตอนนี้เป็นยังไง? ที่แล้วมาก็ยังไม่ถึงขนาดอย่างนี้นะ ผู้ฟ้องร้องส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกกลุ่มมวลชนฝ่ายขวาที่มา แต่เที่ยวนี้ตำรวจพรึบหมดเลย แสดงว่าการใช้กฎหมายนั้นมีการใช้ตำรวจเป็นอาวุธสำคัญ ถัดมาก็ต้องเป็นอัยการ แล้วก็มาถึงตุลาการ


ดังนั้น ระบอบอำมาตย์ที่มีขุนศึกเป็นเครื่องมือในการที่จะทำรัฐประหารและการปราบปราม ถ้าขุนศึกกับฝ่ายอำมาตย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ มันก็จะมีความแข็งแรง และก็เมื่อไม่สามารถปราบปรามด้วยอาวุธได้ ก็มาจัดการปราบปรามโดยใช้กฎหมาย ซึ่งขณะนี้ดิฉันมองว่าน่าจะไม่ง่าย เรายอมรับว่ายุคคนเสื้อแดงนั้น เรามีมวลชนมากมายมหาศาล เรามีรัฐบาลที่มีความชอบธรรม แต่ว่าฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายปราบปราม องค์กรอิสระ มาจนกระทั่งถึงศาลรัฐธรรมนูญในการตัดสินเป็นลำดับนั้น ในทัศนะของดิฉันก็ถือว่าองค์กรต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนอยู่ในระบอบอำมาตย์และคณาธิปไตยทั้งสิ้น


ดังนั้น ตราบเท่าที่เราไม่มีระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชนจริง ความยุติธรรมมันก็เป็นความยุติธรรมของระบอบอำมาตย์นั่นแหละ เพราะฉะนั้น ดิฉันมีความเศร้าใจ แล้วดิฉันก็รู้ว่า “เบนจา” ก็เท่าที่ทราบข่าวล่าสุด คือหลายคดีก็ไม่ได้รับการประกันตัว 


คุณจะขังเด็กเหล่านี้เอาไว้ทำไม คุณยิ่งขังนาน มันก็ยิ่งประจานความเลวร้าย ยิ่งขังเด็กไว้นาน ยิ่งประจานตัวเองถึงความหวาดกลัว ความโง่เขลา คือความพยายามที่จะรักษาอำนาจ คือคุณกลัวเด็ก ถ้าคุณแน่จริงคุณกลัวทำไม? เพราะว่าความจริงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สมมุติถ้าเด็กเขาพูดความจริง แล้วเป็นไง? คุณไม่อนุญาตให้คนพูดความจริง คุณจับเขาขังหมดงั้นเหรอ? เพราะถ้าเขาพูดไม่จริง พูดเท็จ เขาก็ต้องถูกจัดการตามกฎหมายและคนก็ยอมรับได้อยู่แล้ว


แต่ถ้าเขาพูดความจริงล่ะ และถ้าความจริงนั้นมันอาจจะมีปัญหา ถ้ามันไม่ถูกคุณก็แก้ซิ เพราะถ้าตราบใดที่คุณไม่แก้ไข ความจริงมันก็จะต้องออกมาเรื่อย ๆ ไม่ใช่ว่าใครแชร์ หรือใครเปิดเอกสารลับ จับหมด! ใครมีความเห็น ถ้าเขาพูดไม่จริง ก็จับซิคะ แต่ถ้าเขาพูดจริง แล้วคุณจะเอาข้อหาอะไร คุณก็เอา 112, 116 อะไรต่าง ๆ ของคุณไปตามเรื่อง


แต่ทั้งหมดนี้มันเป็นการประจานถึงฝั่งจารีตและฝั่งเผด็จการที่คุณกระทำต่อเยาวชน กระทำต่อประชาชน โดยที่มีความหวาดกลัวเป็นพื้นฐานและใช้โทษทัณฑ์ที่รุนแรง หวังจะให้เข็ดหลาบ นี่มันเป็นจารีตนิยมแบบเก่า ดิฉันว่าคุณไปเอากฎหมายตั้งแต่สมัยอยุธยามาใช้ดีกว่า คุณจะตอกเล็บ บีบขมับมั้ย หรือให้ ‘เบนจา’ ลุยไฟมั้ย ว่าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ อะไรอย่างนั้นหรือเปล่า? หรือกดให้จมน้ำมั้ย ที่ผ่านมาก็หายใจไม่ได้ก็เพราะว่ามีถุงดำครอบ 


นี่ก็เหมือนกันว่า ที่คุณกระทำต่อเด็กและประชาชนที่เขาเพียงแต่เสนอความเป็นจริง ก็คือ ต้องการอนาคตที่ดีกว่า เพราะเขาไม่สามารถอยู่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้มันเลวร้ายสุด ๆ จากการทำบกพร่องในการบริหาร บกพร่องในการที่จะมีวิสัยทัศน์ เขาจึงไม่ต้องการให้รัฐบาลนี้อยู่ เขาจึงต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะรัฐบาลเผด็จการก็ใช้คนมาเขียนกฎหมาย เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ นอกจากสืบทอดอำนาจแล้ว ก็ยังต้องการมากดหัวประชาชนผู้เห็นต่าง คือต้องการรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด แล้วไง? 7 ปีแล้วยังไม่พอ ไม่พอก็มาจับเด็ก แล้วจะอยู่กันได้อย่างไร? สังคมไทยจะอยู่อย่างนี้หรือ 


ถ้างั้นคุณลองดูประเทศพม่าซิคะ ตอนนี้ขนาดอาเซียนยังทนไม่ไหว บอกอย่ามาคบกันเลย ดิฉันอยากจะให้อาเซียนมีมาตรฐานแบบเดียวกัน ก็คือ อย่าไปนับว่ามีคนตายมากหรือน้อย แต่ว่าอาชญากรรมที่ทำต่อประเทศไทยนั้นมันซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วทำให้เราอยู่ในวังวนของความเลวร้าย


ในทัศนะดิฉันนะ มันไม่ใช่ฆ่าคนด้วยชีวิตที่เห็นเป็นศพ แต่มันฆ่าอนาคตของประเทศ ฆ่าอนาคตของประชาชนและเยาวชน มันเป็นอาชญากรรมที่เลวร้าย ถ้าเทียบกับพม่าก็พอ ๆ กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำค่ะ


ขอบคุณภาพ : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์