ณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ “หัวใจไม่หยุดเต้น” EP.50
ฉีกหน้ากาก
3ป. ปฏิรูปที่กองเชียร์ต้องการ ต้องด้านเบอร์นี้ ?
ปิดยังไงก็ไม่มิดแล้วล่ะครับสำหรับรอยร้าวในกลุ่มอำนาจ
3ป พลันที่พ.อ.สุชาติเพื่อนร่วมรุ่นนายทหารของพล.อ.ประยุทธ์
ออกมาประกาศจะชิ่งไปหาฉิ่ง
หมายความว่าจะออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคการเมืองตั้งใหม่โดยอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยหมาด
ๆ คือปลัดฉิ่ง
ที่จริงความเคลื่อนไหวของพ.อ.สุชาติไม่เป็นประเด็นที่จะต้องมาวิเคราะห์อะไรกันมากมายหรอกครับ
เพราะบทบาทของเจ้าตัวทั้งในพรรคและในรัฐบาลเบาบางมากอยู่แล้ว
เพียงแต่เนื้อหาสาระบางช่วงบางตอนที่พ.อ.สุชาติประกาศผ่านสื่อมวลชนมีแง่มุมที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะการยืนยันข้อเท็จจริงว่าปลัดฉิ่งตั้งพรรคการเมืองแน่ ๆ และจะสนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้าชัวร์ ๆ
ประเด็นก็คือว่าในวินาทีที่ปลัดฉิ่งยังคงดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย
แล้วเป็นต่อเนื่องยาวนานจนเกษียณอายุราชการ ไปตั้งพรรคการเมืองได้ขนาดนี้
โดยรอดหูรอดตาผู้ยิ่งใหญ่ในรัฐบาล เป็นไปไม่ได้ คนเขารู้กันทั่ว
คนการเมืองเขาพูดกันให้แซด จะบอกว่าอยู่ ๆ คุณฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดฉิ่ง
ตั้งพรรคขึ้นมาเอง ไม่มีใครให้ทำ ไม่มีใครให้ท้าย ไม่มีคนเชื่อครับ
ที่ต้องตามดูต่อก็คือ
ถ้ามีการปรับครม.ตามกระแสข่าวจริง แล้วปลัดฉิ่งไปนั่นเก้าอี้รัฐมนตรี
คราวนี้ชัดยิ่งกว่าชัดนะครับว่า พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ใครมีใบสั่งให้ทำ
แม้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเรียกประชุมแกนนำพรรคพลังประชารัฐทันทีที่มีข่าว
พ.อ.สุชาติ และประกาศกลางวงประชุมว่าพลังประชารัฐยังอยู่ ประวิตรเป็นหัวหน้า
ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ จะอยู่ด้วยกันจนกว่าจะตายจากกันไป
แต่คำพูดทำนองแบบนี้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีมาให้เห็นนักต่อนักแล้วครับ
เขาจับตาดูกันที่การกระทำมากกว่า
และการตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารักผูกพันไม่มีวันแยกจาก ไม่มีวันพรากสลายแบบนี้
เท่ากับเป็นการตอกย้ำสภาพความมีปัญหาภายในหรือไม่?
เกมนี้ต้องตามกันต่อ
แต่เชื่อว่าดูกันไม่ยาวล่ะครับ เราจะเห็นเค้าลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเร็ว
ๆ นี้ อย่างน้อยที่สุดคือปรับครม. ซึ่งเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์คงไม่ปรับเฉพาะ 2
เก้าอี้ที่เพิ่งถูกปลด เพราะถือเป็นการเหยียบหัวใจกันเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2
เก้าอี้นั้นเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐนะครับ ไม่ใช่โควตาตรงของนายกรัฐมนตรี
ถ้าปรับเพียง 2 เก้าอี้ แล้วนายกฯ ริบ 2 โควตา
คิดดูซิครับว่าอุณหภูมิจะเดือดขึ้นขนาดไหน
ดังนั้นเชื่อว่าจะมีการเล่นเก้าอี้ดนตรี
ปรับมากกว่า 2 เก้าอี้ มีการเอาคนใหม่ ๆ เข้ามาทำหน้าที่
เกลี่ยโควตาให้ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจในพรรคพลังประชารัฐและในรัฐบาลยังคงกัดฟันประคองส่งขึ้นรถกันได้
แต่ในใจผมเชื่อว่าไม่สนุกกันแล้วล่ะครับ
ก่อนหน้านี้ก็พูดกันนะครับว่ารัฐบาลจะอยู่ได้/ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับท่าทีของพรรคร่วม
แต่ขณะนี้ไม่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ภายในของแกนนำรัฐบาลล้วน ๆ
พรรคร่วมรัฐบาลหมอบราบคาบแก้ว
ประชาธิปัตย์ขนาดว่างานในมือของคุณจุรินทร์ถูกดึงกลับเข้าไปอยู่ในมือของพล.อ.ประวิตร
ก็ทำได้แค่หงุดหงิดกันในบ้าน มีแต่ขนมจีน น้ำยาหาไม่แล้วล่ะครับ
มีคนถามเหมือนกันนะครับว่าใครสั่งพ.อ.สุชาติออกมาเปิดประเด็นในห้วงเวลานี้
ส่วนตัวผมมองว่าคงไม่มีใครสั่งล่ะครับ ผู้การชาติคงปืนลั่น
แต่ปืนที่ลั่นมันไปโดนหลายคนทั้งในพรรคและในรัฐบาลเข้าพอดี
การปรับครม.ถ้าจะเกิดขึ้น
แม้นายกฯ จะอธิบายว่าเป็นการเปลี่ยนคนทำงาน สร้างความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหา
แต่ข้อเท็จจริงคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ เพราะเกือบ 8 ปี ภายใต้การนำของ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประชาชนสรุปไปแล้วว่าเป็นที่พึ่งที่หวังไม่ได้
ไม่เห็นอนาคตของประเทศไทย
ดังนั้นครม.ชุดใหม่จึงเป็นการเข้ามาเพื่อรอเวลาเปลี่ยนแปลงไปสู่การเลือกตั้งอีกครั้งเท่านั้น
ซึ่งถ้าถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจตอบรับขันหมากของพรรคไหน
จะเป็นแคนดิเดตของพลังประชารัฐ หรือเป็นแคนดิเดตของพรรคใหม่โดยปลัดฉิ่ง
น่าดูชมนะครับ
พล.อ.ประวิตรไม่ถอยแน่
ๆ เพราะประกาศไปแล้วว่าจะดูแลพรรคแต่เพียงผู้เดียว
ในการเลือกตั้งทุกอย่างเหมือนเดิมเต็ม ๆ ส่วนพรรคปลัดฉิ่งว่ากันว่ามีดีเป็นกลุ่มธุรกิจพลังงานเป็น
Backup สนับสนุน
มองจากสายตาของคอการเมืองนะครับ
ถ้าหากนี่เป็นการแยกทางกันเดินของ 3ป พลังประชารัฐในมือพล.อ.ประวิตร
กับพรรคใหม่ในมือพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.อนุพงษ์
ผมฟันธงว่าพลังประชารัฐก๊อกหัวจ่ายไหลคล่องตัวกว่า พล.อ.ประวิตรใจถึงกว่าน้อง 2 คน
หลายช่วงตัวนะครับ ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐเลยออกอาการคิดมากไงครับ
มีปัญหาขัดแย้งกัน จะโดดไปกอดขานายกรัฐมนตรี
แต่หันมาทางนี้พี่ใหญ่ใจป้ำเหลือเกินและใจป้ำตลอดมา
เรื่องกล้วยไม่ต้องห่วงนะครับ
เขาอยู่กันมาเกือบ 8 ปี มีมหาศาลเต็มทุกสวน ปัญหาก็คือ มีก็ส่วนมี
แต่ใครกล้าจ่ายมากกว่าเท่านั้นแหละครับ ซึ่งส.ส.พลังประชารัฐเขารู้กันนะครับว่า
เจ้าบ้านมูลนิธิป่า 5 รอยต่อ ไม่เคยอั้น เท่าไหร่เท่ากัน ส่วนน้อง 2 คนนั้น
โคตรกะปริบกะปรอย
นี่คือข้อเท็จจริงทางการเมืองวันนี้
นี่คือกลเกมที่เขากำลังเดินกันอยู่
นี่คือเรื่องกล้วย
ๆ ที่ไม่ได้หมายถึงผลไม้
คำถามข้อใหญ่ก็คือบรรดากองเชียร์พล.อ.ประยุทธ์
กองเชียร์คสช.ทั้งหลาย ที่เคยเรียกร้องการปฏิรูปการเมืองก่อนการเลือกตั้ง
ที่เคยเรียกร้องการเมืองใสสะอาด ไม่มีวิธีการเมืองแบบเก่า ๆ
ท่านเห็นภาพแบบนี้แล้วคิดยังไง?
นี่ใช่การปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งที่ท่านต้องการหรือไม่?
นี่ใช่วิถีทางการเมืองที่บริสุทธ์โปร่งใสไม่น่ารังเกียจอย่างนักการเมืองทั่ว
ๆ ไปที่เคยถูกเหยียบย่ำจากอำนาจคสช. จากพล.อ.ประยุทธ์ หรือเปล่า?
หรือในที่สุดทั้ง
3ป และองคาพยพ ต่างก็เป็นนักการเมืองที่ลอกคราบจากผู้มีอำนาจในกองทัพเข้ามา
แล้วใช้วิธีทางการเมืองที่ล้าหลังสกปรกยิ่งกว่าเพื่อรักษาอำนาจเท่านั้น
ใครมีคำตอบและอธิบายได้ว่าเรื่องที่กำลังเป็นอยู่นี้คือการเมืองแบบปฏิรูปที่สังคมไทยต้องการ
ขอให้แสดงตัวมานะครับ ผมเชื่อว่างานนี้มีกองเชียร์ลุงตู่ผิดหวังกันเยอะ
แต่สำหรับผม ไม่ครับ เพราะไม่เคยหวังมาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ส่วนบรรยากาศการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีแล้วมีการแสดงพลังขับไล่ของประชาชนในหลาย
ๆ พื้นที่ นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่นะครับ แต่นี่เป็นเรื่องความทุกข์ยาก
ความกดดันอัดอั้นที่อยู่ในใจผู้คนมาตลอดแล้วมันกำลังระเบิดออกมา
เรื่องความสงบจบที่ลุงตู่เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
เพราะโดยข้อเท็จจริงบ้านเมืองมันจะสงบได้ยังไงในเมื่อคนที่อ้างตัวว่าเป็นกรรมการกลับกลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองตั้งแต่ต้น
แน่นอนที่สุดว่าพล.อ.ประยุทธ์และเครือข่ายอำนาจที่อยู่เบื้องหลังต้องการที่จะลากถูลู่ถูกังรัฐบาลให้อยู่ในอำนาจได้นานที่สุด
แต่ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทั้งภายนอกและภายในล้วนแต่เป็นตัวชี้วัดว่า
การเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นในช่วงไหนก็ได้หลังจากนี้
สภาฯ
เปิด การพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับ
มือแต่ละมือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความหมายและมีราคา
ความขัดแย้งภายในถ้ามีการปรับครม. แล้วภาพมันชัดว่าพรรคปลัดฉิ่งใครสั่งมา
ก็มีแต่จะขยายความขัดแย้งออกไป
สถานการณ์โควิด19
ซึ่งแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะทยอยลดลงได้จริง แต่ปัญหาที่หนักหนาและซับซ้อนยิ่งกว่าคือวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากวิกฤตโรคระบาด
วิกฤตโควิดหัวใจมันอยู่ที่วัคซีนครับ ถ้ารัฐบาลไทยจัดการวัคซีนได้เพียงพอ
ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ เราไม่บาดเจ็บล้มตายเสียหายเลยเถิดกันจนถึงขนาดนี้
แต่วิกฤตเศรษฐกิจมันไม่มีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ต้องการผู้นำที่มีวิสัยทัศน์
มีความสามารถ มีวิธีการทำงานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมแก้ปัญหาได้จริง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่พบเห็นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ความทุกข์ยากเจ็บปวด
ความไม่พอใจของประชาชนก็จะไม่สลายหายไป
เสียงเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงก็จะยิ่งดังขึ้น ๆ ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้แช่งนะครับ
แต่มันจะเป็นอย่างนี้แน่ ๆ ข้อเท็จจริงมันยืนยันและเรียงกันเป็นลำดับมา
ฝ่ายค้านก็ตั้งหลักกันดี ๆ นะครับ อย่าเพิ่งรีบซัดกันเองจนช้ำกว่ารัฐบาลเสียล่ะ!