รำลึก
15 ปี “นวมทอง ไพรวัลย์” สามัญชนที่ยิ่งใหญ่
31
ต.ค. 64 ครบรอบ 15 ปี การทำอัตวินิบาตกรรมของ “นวมทอง ไพรวัลย์”
เพื่อประท้วงรัฐประหารเมื่อปี 2549 และลบคำสบประมาทของ พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก
คปค. ซึ่งให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
สำหรับปีนี้
กิจกรรมรำลึก 15 ปี “นวมทอง ไพรวัลย์” ในวันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา
13.00 น. เป็นต้นไป บริเวณสดมภ์อนุสรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต เยื้องสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
จะมีการทำบุญถวายสังฆทานพระสงฆ์ 4 รูป และการวางพวงมาลา วางดอกไม้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่อดีตแกนนำนปช.ได้จัดรำลึกทุกปี
เราย้อนอดีตไปเมื่อ
19 ก.ย. 49 พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และคณะ ในนาม
คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ คปค.
ได้ทำรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หลังจากนั้น 11
วัน (30 ก.ย.) “นวมทอง ไพรวัลย์” คนขับรถแท็กซี่ ผู้ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจเผด็จการ
ได้ตัดสินใจขับรถแท็กซี่คู่ชีพ เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีม่วง ทะเบียน ทน345
กรุงเทพฯ พ่นสีที่กระโปรงท้ายว่า “พลีชีพ” พุ่งชนรถถังของคณะรัฐประหาร
จนตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ซี่โครงซ้ายหัก คางแตก ปากแตก และตาซ้ายบวม
ต่อมาเมื่อวันที่
31 ต.ค. 49 “นวมทอง ไพรวัลย์” ได้ทำอัตวินิบาตกรรมโดยการผูกคอตายกับราวสะพานลอยคนข้าม
บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งขาออก เยื้องกับที่ตั้งสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
โดยครั้งนี้ลุงนวมทองได้เขียนจดหมายโดยระบุสาเหตุที่ตนตัดสินใจกระทำการดังกล่าว
เปิดจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของ
“นวมทอง ไพรวัลย์”
เทิดทูล
ชาติ, ศาสนา, พระมหากษัตริย์ รัฐทหาร และ รัฐตำรวจ (ต้องไม่มี)
สวัสดีครับ
ท่านพี่น้องประชาชนที่เคารพ เหตุที่ผมกระทำการพลีชีพ ครั้งที่ 2
โดยการทำลายตัวเองเพื่อมิให้เสียทรัพย์เหมือนครั้งแรก
ก็เพื่อลบคำสบประมาทของท่านรองโฆษก คปค. ที่ให้สัมภาษนสพ.หลายฉบับว่า
= ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้= เหตุพลีชีพครั้งแรกของผม
ยอมรับว่าคำนวณความเร็วของรถ TAXI ผิดพลาด
รถถังที่จอดลานพระบรมรูปทรงม้า ติดด้านหัวถนนราชดำเนินนอก
เมื่อผมขับรถผ่านกองบัญชาการทัพบก พ้นหัวถนนและเกาะกลางถนน
เพื่อพุ่งเข้าชนต้องหัวเลี้ยวแบบตัว S ความเร็วจึงลดลงมาก
เพราะต้องการชนแบบประสานงา ผมจึงแค่บาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำ
คางทะลุถึงภายในช่องปาก รักษาตัวโรงพยาบาลวชิรฯ มีคณะของคุณครูประทีม ฮาตะ
และคณะอื่น ๆ มาเยี่ยมหลายคณะ และมีผู้สื่อข่าว นสพ. มาขอสัมภาษณ์ว่า
ไม่พอใจหรือที่ปฏิรูปแล้วบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการนองเลือด ผมตอบไปว่า
ใครทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบ ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย
ที่ผ่านมามีเบื้องหลังเบื้องลึกมากมาย ตอนนี้ก็เปิดหน้ากากออกมาจนเกือบหมดแล้ว
เป็นการตบหน้าประชาชนอย่างไม่อาย แต่ไม่เห็นเป็นข่าว รวมทั้งข่าวของผมที่ชนรถถังเพื่อประท้วง
คปค. ลงข่าวนสพ.วันเดียว เงียบหายไปเลย ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลวชิรฯ 13 วัน คุณหมออนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน
และนำนสพ.ที่เสนอข่าวชนรถถังประท้วง คปค.ของผม พบคำสัมภาษท่านรองโฆษกในนสพ.ตรงกันหลายฉบับด้วยถ้อยคำที่กล่าวมาข้างต้น
และยังปรามาสว่า ผมแก่แล้ว คงทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ก็มีเวลาเอาสีมาพ่นข้อความรอบตัวรถ ยังคิดว่าอารมณ์ชั่ววูบ
ไม่น่าให้ทำงานและกินเงินเดือนที่ได้มาจากภาษีของประชาชนเลย
ความคิดผมเมื่อหายป่วยดีก็จะทำมาหากิน ขับรถ TAXI
ไม่ก่อวีรกรรมอีกต่อไป แต่พบข้อความการให้สัมภาษนสพ.ของท่านรองโฆษก คปค.
ในเชิงปรามาสดังกล่าว ก็เลยต้องสนองตอบกันหน่อย เพราะนิสัยคนไทยฆ่าได้
แต่หยามไม่ได้ และเหตุผลที่ผมเลือกวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมเป็นวันพลีชีพ
เพราะเดือนนี้ เป็นเดือนที่วิญญาณของวีระชนที่สถิตย์อยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ
ที่ผมทำการพลีชีพนี้ ได้เรียกร้อง กระทั่งได้มาซึ่งประชาธิปไตย
และวิญญาณของผมก็จะขอสถิตย์อยู่กับเหล่าวีระชนแห่งนี้ตลอดไป และขอยืนยันว่า ปฏิบัติการทั้งสองครั้งทำด้วยใจ
ไม่มีใครจ้าง
สุดท้ายขอให้ลูก
ๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก
ลาก่อนพบกันชาติหน้า
สวัสดีครับ
(นายนวมทอง
ไพรวัลย์)
29
ตุลาคม 2549
ปล.
ขอแก้ข่าวขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุคืออาหารเสริมแค็บซูลใบแปะก๊วย
ไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าวนสพ. ผมไม่เครียด แต่ประท้วงจอมเผด็จการ
#นวมทองไพรวัลย์
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์