วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2564

งานศพคืนแรกเยาวชน 15 ปี พ่อ-แม่ยังทำใจไม่ได้ดวงใจของแม่ขาดไปแล้ว เป็นบาดแผลในใจของครอบครัว คาใจความคืบหน้าของคดี คนร้ายที่ตร.แถลงยังปฏิเสธไม่ได้เป็นคนยิง


 งานศพคืนแรกเยาวชน 15 ปี พ่อ-แม่ยังทำใจไม่ได้ดวงใจของแม่ขาดไปแล้ว เป็นบาดแผลในใจของครอบครัว คาใจความคืบหน้าของคดี คนร้ายที่ตร.แถลงยังปฏิเสธไม่ได้เป็นคนยิง


วานนี้ (28 ต.ค. 64) เมื่อเวลา 18.00 น.ที่ศาลา 3 วัดน้อยสุวรรณนาราม หรือวัดคลองเก้า ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งครอบครัวของน้องวาฤทธิ์ ที่ถูกกระสุนปริศนายิงเข้าที่ลำคอ ต้องเข้ารักษาตัวนานกว่า 2 เดือนในโรงพยาบาลก่อนที่จะเสียชีวิต ในขณะที่ไปร่วมชุมนุมทางการเมืองที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยครอบครัวได้นำร่างไร้วิญญาณของน้องวาฤทธิ์ สมน้อย อายุ 15 ปี มาตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ที่วัดดังกล่าว 


บรรยากาศทั่วไปเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงญาติและคนรู้จักไม่ถึง 20 คนที่เดินทางมาร่วมฟังพระสวดอภิธรรมศพท่ามกลางความโศกเศร้าของพ่อและแม่ของน้องวาฤทธิ์ ที่ต้องสูญเสียลูกชายคนโตที่ยังเรียนอยู่แค่ชั้น ม.3 ของโรงเรียนวัดแพรกษา สมุทรปราการ  โดยมีเพียงพวงหรีดของ พล.ต.ท.สำราญ  นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพวงหรีดของสถานีตำรวจนครบาลดินแดง เท่านั้นที่ส่งมาร่วมในงาน แต่ไร้เงาผู้ที่เกี่ยวข้องมาร่วมในงานแต่อย่างใด ซึ่งศพจะถูกตั้งสวดอภิธรรมไปจนถึงวันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม และในเวลา 09.00 น.ของวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม ก็จะทำพิธีฌาปนกิจ


น.ส.นิภาพร  สมน้อย อายุ 37 ปี และ นายสุชาติ  ชัยนอก อายุ 45 ปี แม่และพ่อของน้องวาฤทธิ์ ได้กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเหตุมาตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ก็ไม่มีใครติดตามมาเลยโดยเฉพาะในเรื่องความคืบหน้าของคดี มีเพียงเมื่อเช้าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมาสอบถามว่าศพตั้งที่ไหนและชันสูตรน้องที่โรงพยาบาลไหนแค่นั้นเอง แต่เรื่องคดีไม่เคยติดต่อมาบอกเลยว่าคืบหน้าไปอย่างไร น้องเขาไปตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม และก็เกิดเหตุวันนั้นเลย ถูกกระสุนปืนเข้าที่ลำคอข้างขวาเข้าไปโดนก้านสมอง น้องต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือนกับอีก 12 วัน คือช่วงที่น้องรักษาตัวอยู่อาการตอนแรกเขาลืมตาได้ แต่ทางการแพทย์บอกว่า เขาไม่รับรู้ แต่ตนเชื่อว่าเขารับรู้ได้ เพราะเขาพยายามเหลือบตามองเราอยู่และก็มีน้ำตาไหลออกมา ก็ทำให้เรามีความหวัง ซึ่งทางคุณหมอบอกว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาช่วงล่างตั้งแต่ลำคอลงมาก็เป็นอัมพาต และน้องพึ่งมาเสียชีวิตตอนตีสองของวันนี้ (28 ต.ค.) คุณหมอโทรมาบอกว่าอาการของน้องไม่ดีนะ ทำให้ใจคอของคนเป็นพ่อและแม่ก็ไม่ดีแล้ว ตนและสามีก็รีบเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที เวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีเขาก็โทรมาบอกว่าน้องหัวใจหยุดเต้น จะให้คุณหมอปั้มหัวใจมั้ย ตนก็ยังยืนยันให้ปั้มหัวใจขึ้นมา ปั้มอยู่นานกว่า 20 นาทีสัญญาณชีพจรก็ยังขึ้น เราก็ยังให้ปั้มต่อให้พยายามยื้อให้เต็มที่ คือตนคิดว่าเขาสู้มากเพราะเท่าที่ฟังจากหมอพยาบาลพูดเขาบอกว่าน้องเขาสู้มากเลย ตั้งแต่แรก ๆ ตนแทบจะไม่มีความหวังเลย ถ้าถามว่าคนเป็นแม่ทำใจได้มั้ย มาถึงวันนี้ตนยอมรับว่าทำใจไม่ได้ ตอนที่น้องนอนเจ็บ เห็นแผลที่เขาโดนผ่า ไม่มีใครทำใจได้ โดยเฉพาะน้องวาฤทธิ์ เป็นลูกคนแรกของครอบครัว ส่วนลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงยังเล็กอยู่เลย และน้องวาฤทธิ์ ก็ยังเรียนของชั้นมัธยมปีที่ 3 โรงเรียนวัดแพรกษา ถ้าถามว่าการเรียนน้องเป็นอย่างไร น้องเป็นคนที่เรียนไม่เก่งอยู่ในระดับปานกลาง ก่อนหน้านี้เคยเกเร มาระยะหลังมาเขาจะกระตือรือร้นเองโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไชว่าจะต้องเรียน ส่วนที่น้องไปร่วมกับเขาแม่เองก็ยังไม่มีโอกาสได้ถามเขาเลยว่าไปทำไม


ในเรื่องคดีความ หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นมาจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยมีใครหรือหน่วยงานไหนโทรมาบอกความคืบหน้าเรื่องคดีแต่อย่างใด มีแต่วันนี้มีตำรวจโทรมาถามว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหนและก็แสดงความเสียใจเท่านั้น แต่ก็ไม่บอกในเรื่องความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด เห็นแต่ในข่าวว่าจับคนร้ายได้แล้วแต่ก็ไม่มีใครโทรมาบอกอะไร ตั้งแต่วันที่เขาแถลงข่าวว่าจับคนก่อเหตุได้แล้ว ตนก็ไม่เคยได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจับได้แต่อย่างใด แล้วยังไงต่อ คือเราก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนให้ความเป็นธรรมเด็กคนหนึ่งที่เขาถูกทำร้ายต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่าสองเดือน จนสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวและเสียชีวิต และขอให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ น.ส.นิภาพร กล่าว


ตอนนี้เราก็มีคำถามอยู่ในใจหลายอย่าง ว่าทำไมก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนเราไปส่งเอกสารหลาย ๆ หน่วยงาน ที่ทาง ส.ส.พรรคก้าวไกล เขารวบรวมข้อมูลจากกล้องวงจรปิด ตนว่ามันเพียงพอที่จะจับคนร้ายได้ แต่ตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจับคนร้ายได้หรือยัง เพราะทางตำรวจไม่ได้แจ้งอะไรให้พวกตนทราบเลย แต่เขาไปแถลงว่าจับคนร้ายได้ ซึ่งเราก็คาใจว่าใช่คนร้ายตัวจริงหรือเปล่า เพราะเขาให้การภาคเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิง เพราะตอนที่ยิงแนวกระสุนมันมาจากแนวตรงข้ามกะที่น้องล้ม ซึ่งเป็นสน. เพราะคนทั่วไปน่าจะเข้าไปใน สน.ไม่ได้ ซึ่งเราก็ไม่อยากไปโทษทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นคนทำ แต่ว่าเด็กคนหนึ่งเขาเสียอนาคตและสูญเสียชีวิตไปแล้ว มันไม่ใช่แค่เสียชีวิต แต่มันเป็นแผลในใจให้กับครอบครัวของเราทั้งหมด คือครอบครัวเราขาดรอยยิ้มไปรอยหนึ่ง ดวงใจของแม่ขาดไปดวงหนึ่ง ในแทบจะสลายแล้ว มันทำอะไรไม่ถูก เราก็เลยอยากรู้ว่าคดีนี้มันก็ควรที่จะกระจ่างมันไม่ควรจะเงียบ พอเราถามไปทีก็บอกว่าจับได้แล้ว แต่ไม่บอกว่าทำยังไงต่อ คนร้ายอยู่ไหนแล้วดำเนินคดีอย่างไรเรายังไม่ทราบเลย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์