วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564

นพ.สุรพงษ์ เผยสโลแกนใหม่ของพรรค “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ย้ำเราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันความฝันของเราที่เคยร่วมฝันกันไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้วอีกครั้ง

 


นพ.สุรพงษ์ เผยสโลแกนใหม่ของพรรค “พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” ย้ำเราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันความฝันของเราที่เคยร่วมฝันกันไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้วอีกครั้ง


วันนี้ (28 ต.ค. 64) ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้าจังหวัดขอนแก่น ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคเพื่อไทย มีการแสดงวิสัยทัศน์ของพรรคและนำเสนอนโยบายเพื่ออนาคตของประเทศในด้านต่าง ๆ พร้อมสโลแกนใหม่ของพรรค มีการเสวนาโดยเริ่มด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้อำนายการพรรคเพื่อไทย


“พรุ่งนี้เพื่อไทย : เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” เป็นสโลแกนใหม่ของพรรค ซึ่งจะเป็นการปลุกความหวัง คืนความฝันให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง 



นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความฝันตลอดระยะเวลา 20 ปีบนเส้นทางการเมืองว่า แต่ละคนมีความฝัน ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกัน และอาจมีใน 2 แบบ หนึ่งคือฝันเพื่ออนาคตตัวเอง และสองคือฝันเพื่ออนาคตงดงามของเพื่อนมนุษย์ ซึ่งคนที่ฝันเพื่ออนาคตเพื่อนมนุษย์ที่รู้จักมาในชีวิตมี 2 คน คนแรก คุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ที่มีความฝันจะสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้คนไทย 


ทุกวันนี้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท ได้เปลี่ยนชีวิตคนไทยไปกว่า 40 ล้านคน และส่งต่อความฝันให้คนทั้งโลกนับพันล้านคน  และคนที่สอง ดร.ทักษิณ ชินวัตร ฝันอยากหยิบยื่นโอกาสชีวิตที่ดีให้คนอื่น เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่ใช่แค่ตาต้องดูดาว แต่เท้าต้องติดดิน กินคั่วแมงกุดจี่  และสองคนนี้ แม้ฝันจะต่างกันแต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การฝันโดยใช้หัวใจ การใช้หัวใจสร้างความฝันย่อมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนส่วนใหญ่ไปตลอดกาล  


นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า น่าเสียดายที่ความฝันที่เป็นจริงเมื่อ 20 ปีที่แล้วต้องสะดุดหยุดลงเพราะรัฐประหารปี 2549 และ 7 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยก็จมดิ่งสู่หลุมดำแห่งทุกข์ซ้ำเติมชีวิตคนไทย  แต่ด้วยเพราะพรรคเพื่อไทยสืบทอดเจตนารมณ์ของพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน หนึ่งปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจึงปรับเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ด้วยความเชื่อว่า ถ้าพรรคไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ก็ย่อมไม่สามารถไปซ่อมหรือสร้างเพื่อการเปลี่ยนแปลงพัฒนาประเทศไทย จึงรวมพลังปัญญาของทุกคนที่มีอุดมการณ์เพื่อประชาชน ปรับเปลี่ยนเพื่อไทยให้กลับมาสร้างฝันที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง



นพ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังมีวิกฤตรออยู่ข้างหน้า แต่ทรัพยากรสำคัญที่สุดที่จะช่วยกันฝ่าวิกฤตคือ ‘คน’ ถ้าคนไทยมีปัญญา มีสุขภาพดี มีรายได้อย่างเท่าเทียม ประเทศจะก้าวข้ามวิกฤตได้ ดังนั้นประชาชนควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะและปัญญาตลอดชีวิต ต้องกล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ กล้าทำไม่กลัวล้มเหลวเพราะมีหลักประกันรายได้พื้นฐาน มีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ล้มป่วยไม่ตายเพราะโรคที่ป้องกันและควบคุมได้ 


“ความฝันตลอด 20 ปีคือการได้ทำโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ได้เริ่มต้นเดินหน้าสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง แต่เมื่อ 20 ปีผ่านไป เทคโนโลยีการแพทย์และสุขภาพได้เปลี่ยนแปลง เราสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพการบริการประชาชนได้ดีขึ้นอีกและจากบทเรียนโควิดทำให้เราเห็นจุดอ่อนของระบบบริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร จึงมีความฝันที่จะพัฒนาระบบสาธารณสุขขึ้นไปอีกระดับ” ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยกล่าว 


นพ.สุรพงษ์ ชี้ว่า จะต้องเริ่มต้นที่การกระจายอำนาจและการกระจายทรัพยากรทางสาธารณสุข ที่ยังไปไม่ได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็น โดยนำ ‘การแพทย์ทางไกลหรือเทเลเมดิซีน’ มาใช้ในการให้คำปรึกษาเพื่อดูแลผู้ป่วยด้วยโรคพื้นฐานที่ไม่ซับซ้อนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โดยไม่ต้องเดินทางไกลมาโรงพยาบาลอำเภอหรือโรงพยาบาลจังหวัด ใช้ระบบข้อมูลอัจฉริยะเพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินทุกคนใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งได้โดยไม่ต้องเรียกหากระดาษ 


ส่วนในระดับประเทศต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ เพื่อสร้างเครือข่ายระบบบริการสาธารณสุขครบวงจร เริ่มจากโรงพยาบาลตำบลใกล้บ้านต่อเชื่อมกับโรงพยาบาลอำเภอ โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ที่มีศักยภาพเท่าโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ ภายในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตร โดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเข้ามารักษาในกรุงเทพมหานครอีก


นพ.สุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีปัญหาแตกต่างออกไป เมื่อเกิดการระบาดของโควิดกลับพบว่าผู้ป่วยโควิดเข้าไม่ถึงการบริการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้น  เพราะไม่มีระบบการรักษาพยาบาลแบบปฐมภูมิที่สมบูรณ์ ถ้าเปรียบเทียบกับต่างจังหวัด 50 เขตของกรุงเทพมหานครคือ 50 อำเภอ และทุกเขตต้องมีโรงพยาบาลขนาด 100 เตียงเช่นเดียวกับในต่างจังหวัด ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารโรงพยาบาลในรูปแบบองค์การมหาชน 


สำหรับการป้องกันและควบคุมโรค โดยเฉพาะโควิด นอกจากการเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพแล้ว ยังต้องเร่งพัฒนาระบบการตรวจคัดกรองด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคเช่น DNA Nudge และระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ต่อยอดจากฐานข้อมูลดิจิทัล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของนักระบาดวิทยา และ อสม.


“ความฝันทั้งหมดนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าเราไม่มีรัฐบาลที่มาจากประชาชน รัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้นเราทุกคนต้องช่วยกันผลักดันความฝันของเราที่เคยร่วมฝันกันไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้วอีกครั้ง ถามตัวเองว่า ยังมีความฝันอะไรที่เรายังไม่ได้ทำและมาเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริงเพื่อประชาชน” ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย กล่าวสรุป 

 

#พรุ่งนี้เพื่อไทย #เพื่อไทย #UDDnews #ยูดีดีนิวส์