ราชกิจจาฯ
ประกาศห้ามชุมนุม-มั่วสุม รองรับเปิดประเทศ ฝ่าฝืนมีโทษ
วันที่
29 ต.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28
ต.ค.ที่ผ่านมา เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา
เผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง
เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม
ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
(ฉบับที่ 13) ระบุว่า
ตามที่รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 36) ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564 และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด-19) ที่ 18/2564
ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564 เรื่อง
พื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องมีการฟื้นฟูประเทศเพื่อประโยชน์ด้านการใช้ชีวิตความเป็นอยู่และด้านเศรษฐกิจแก่ประชาชน
เห็นควรให้มีการเปิดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศได้มากขึ้น
อันจะเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและการจ้างงานในภาพรวมของประเทศ
แม้ว่าที่ผ่านมาภาพรวมของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายสาธารณสุขสามารถควบคุมและจำกัดขอบเขตพื้นที่การแพร่ระบาดของโรคได้
รวมทั้งรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมโดยประสานความร่วมมือกับประเทศต้นทาง
และบูรณาการการทำงานของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนในการกำหนดมาตรการรองรับเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการต่าง
ๆ
ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบควบคู่กับการกำหนดมาตรการทางด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
ให้ประชาชนมีความปลอดภัย รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศอันจะส่งผลให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินการควบคู่กับมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาศัยอำนาจตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ข้อ 3 และคำสั่งนายกรัฐมนตรี
ที่ 4/2563 ลงวันที่ 25 มี.ค.2563
เรื่อง แต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน
หัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ข้อ 3
(6) และข้อกำหนด คำสั่ง ประกาศ ที่เกี่ยวข้อง จึงให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.ให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง
เรื่อง ห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม
ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ฉบับที่ 11)
ลงวันที่ 30 ก.ย. 2564 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง
เรื่อง ห้ามการชุมนุมการทำกิจกรรม การมั่วสุม
ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฉบับที่ 12 ลงวันที่ 18 ต.ค. 2564
2.ห้ามมิให้มีการมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค
หรือการกระทำอันเป็นการฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน
หรือการกลั่นแกล้งเพื่อแพร่โรค ณ ที่ใด ๆ ทั่วราชอาณาจักร
3.ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค
ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง
เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น
โดยให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 ส.ค. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 15 ต.ค. 2564
ทั้งนี้
ในเรื่องมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสาหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง
ให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 35) ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2564
4.ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง พื้นที่เฝ้าระวัง
ที่ได้มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดให้เป็นพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค
เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้น
โดยให้ดำเนินการตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 ส.ค. 2564 และข้อกำหนด (ฉบับที่ 36) ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564
ทั้งนี้
ในเรื่องมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสาหรับพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวให้ดำเนินการตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ 36)
ลงวันที่ 21 ต.ค. 2564
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้
ต้องรับโทษตามมาตรา 18
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีที่มีการออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับใหม่ ให้ประกาศฉบับนี้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดฉบับใหม่ดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 เป็นต้นไป
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์