วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2565

บันทึกเยี่ยม : แพทย์ระบุ “แบงค์” มีอาการซึมเศร้า ขณะอีก 5 ผู้ต้องขังยังสงสัยเหตุไม่ได้ประกันตัว โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


บันทึกเยี่ยม : แพทย์ระบุ "แบงค์" มีอาการซึมเศร้า ขณะอีก 5 ผู้ต้องขังยังสงสัยเหตุไม่ได้ประกันตัว


โดย ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


ช่วงวันที่ 22-23 ก.ย. 2565 ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังคดีการเมืองที่ถูกคุมขังและไม่ได้ประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี จำนวน 6 คน ได้แก่ “สมบัติ ทองย้อย” อดีตการ์ดเสื้อแดง ซึ่งถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) และไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวขณะสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2565 ทนายความได้ยื่นอุทธรณ์ในคดีของสมบัติรวมถึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว แต่ศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอประกันตัวในวันที่ 25 ก.ย. 2565 


ผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊ส จำนวน 3 คน ได้แก่ “แบงค์ ณัฐพล”, “ต้อม จตุพล”, “ใหญ่ พิชัย” รวมถึงสมาชิกกลุ่มทะลุฟ้า 2 คน ได้แก่ “แซม” พรชัย ยวนยี และ “แม็ค” สินบุรี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2564 และปาระเบิดเพลิงใส่พระบรมฉายาลักษณ์ โดยทนายความได้ยื่นประกันทั้ง 2 คนจากทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2565 แต่ศาลยังไม่อนุญาตให้ประกันตัว

แบงค์” ณัฐพล : หมอบอกว่าผมเป็นซึมเศร้า 


วันนี้แบงค์มาในชุดนักโทษสีฟ้า แววตาดูเหนื่อยไม่สดใส เขาบอกว่าวันพฤหัส (22 ก.ย.) ได้พบหมอจิตเวช โดยเป็นการไปตามนัดหมอ ตั้งแต่ติดโควิดครั้งก่อน และถูกประเมินว่าเป็น “ผู้ป่วย” เขาก็ต้องไปตามนัดตรวจประเมินของหมอมาตลอด แบงค์บอกว่าเขาไม่ได้เล่าเพราะปกติไปตรวจแปปเดียวก็เสร็จ เขาบอกว่า หมอไม่ได้ตรวจอะไรเยอะ ถามว่าเป็นไงบ้าง แล้วก็ให้ยาเหมือนเดิม


สำหรับผลการตรวจสุขภาพจิตรอบล่าสุดของแบงค์ หมอบอกว่าผมเข้าข่ายเป็น “ซึมเศร้า” รอบก่อนบอกว่าเป็นเป็น “โรคจิต” ตอนนี้ผมก็ไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้ว ผมป่วยเป็นอะไรกันแน่ รอบนี้หมอให้ปรับยา หมอบอกว่าเป็นยากล่อมประสาท ลดความรู้สึกเศร้า  


ยาใหม่ผมยังไม่ได้กิน ไม่กล้ากิน ผมกลัวมันหงุดหงิด เครียดกว่าเดิม เพราะยาตัวก่อนมันเป็น ผมเลยหยุดยาไป ผมไม่ชอบมันหงุดหงิด อีก 2 สัปดาห์ หมอให้ไปพบอีก แต่ผมว่าจะไม่ไปแล้ว” เขาเล่าให้ฟังแบบนั้น

เมื่อถามต่อว่าทำไมแบงค์ถึงไม่อยากไป เขาบอกว่า “ผมขี้เกียจไปรอพี่ รอบนี้เรียกผมไปตั้งแต่ 8 โมงเช้าให้ผมไปนั่งรออยู่หน้าแดนจนถึงเที่ยงกว่าถึงมีรถมาพาไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไปถึงรอหมอ ได้ตรวจตอนบ่าย ตรวจจริง 10-15 นาทีก็เสร็จ หมอถามแค่ว่าเป็นยังไงบ้าง”

เขาบอกว่าตอนนั่งรอไปโรงพยาบาล ทั้งเครียด ทั้งหงุดหงิด และอึดอัด  เพราะทำได้แค่รอ จึงบอกหมอว่าจะไม่มาอีกแล้ว หมอจึงบอกกับเขาว่า เดี๋ยวจะเข้ามาตรวจที่นี่

ปกติผมทำกับข้าวให้เพื่อนกิน แค่ผมได้ทำกับข้าว ทำอาหาร ผมเห็นเพื่อนกิน ผมก็มีความสุขแล้ว แต่ตอนนี้ทำกับข้าวผมก็ไม่มีความสุขเลย เหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย นอกจากอยากออกไปจากตรงนี้แล้ว ผมไม่รู้เรื่องแฟนผมเลย ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง แฟนไม่มีเวลามาเยี่ยมเลย แฟนจะส่งแค่ของมาให้ ผมเป็นห่วงแฟน อยู่ในนี้สำหรับผมมันว่างเปล่ามาก ๆ”


ตลอดการพูดคุยแบงค์มีท่าทางเครียด เบื่อหน่าย สายตามองไปข้างนอก มองไปที่อื่นตลอดเวลา และกัดเล็บเป็นระยะ


ต้อม” จตุพล – “ใหญ่” พิชัย : ทำไมคดีฆ่าคนตาย ศาลให้ประกันตัวได้


ต้อมพูดถึงการไม่ได้ประกันตัวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างโกรธและขึงขังว่า “ทำไมคดีฆ่าคนตาย ศาลให้ประกันตัวได้ ด้วยวงเงิน 200,000 บาท และติดกำไล EM แล้วทำไมคดีชุมนุมศาลไม่ให้ประกันตัว ทำไมศาลบอกว่ากลัวพวกผมจะไปกระทำซ้ำอีก แล้วคดีฆ่าคนตาย ศาลไม่กลัวออกไปกระทำซ้ำบ้างเหรอครับ”


เขาแสดงความคิดเห็นต่อว่า “ทั้งที่นักโทษการเมืองออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสังคมที่ดีขึ้น แล้วทำไม คุณคิดว่านักโทษการเมืองเป็นศัตรูกับคุณอยู่อีก ถ้าพวกคุณมาเป็นพวกผม พวกคุณจะได้รู้ว่าทำไมพวกผมถึงออกมาเรียกร้อง” 

พวกคุณลองคิดว่าพวกคุณเป็นคนจนที่ถูกกดขี่อยู่ คิดเหรอว่าพวกลูกหลานพวกคุณจะไม่ออกมาเรียกร้องแบบที่พวกผมออกมาเรียกร้อง ใช่สิครับ พวกคุณมีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนสูง แล้วทำไมพวกคุณไม่ลองมองมาที่คนที่ต่ำกว่าละครับ มองมาที่พวกผมบ้าง มองให้เห็นปัญหาของพวกผมบ้าง คนที่ต่ำกว่า หรือคนที่ไม่มีเงิน พวกคุณคิดว่าจะทำอะไรกับเค้าก็ได้เหรอครับ”

ถ้าคุณคิดงั้น คุณคิดผิดแล้วครับ เพราะผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่เงิน ถึงผมจะจน แต่ขอพูดไว้เลยว่า ผมจะไม่ก้มหัวให้เผด็จการแน่นอน ถึงพวกคุณเอาผมมาขังก็ตาม ผมก็ยังยืนยังคำเดิมว่าผมจะไม่ก้มหัวให้เผด็จการ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้เพื่อลูกหลานผม  ผมเลยยอมแพ้ไม่ได้ ถ้ายอมแพ้ผมก็ตาย สู้ผมก็ตาย ผมยอมสู้ตายดีกว่า เพราะยังไงก็ได้สู้ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย”


ขณะที่ “ใหญ่” ในช่วงแรกกล่าวทักอย่างยิ้มแย้ม แต่เมื่อได้ทราบเรื่องผลการไม่ได้ประกันตัว ใหญ่มีท่าทางที่เครียดขึ้นมาทันที และถามถึงเรื่องการประกันอีกครั้ง เขากล่าวว่า

ประกันไม่ได้อย่างนี้ จะประกันตัวพร้อมผมอีกครั้งเมื่อไหร่ แล้วศาลจะให้ประกันพวกผมเมื่อไหร่ ตอนนี้ผมเครียด  น้อง ๆ ก็เครียด มีป่วยกัน 3 คน เหมือนเป็นไข้กัน ยิ่งอยู่นานเข้าผมก็เครียดขึ้นเรื่อย ๆ ถามว่าอยู่ได้ไหม มันก็อยู่ได้แหละ แต่มันอยู่ไปวัน ๆ เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ กันไป”


ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ศาลจะให้ความเป็นธรรมกับพวกผมบ้าง” เขากล่าวทิ้งท้าย


พรชัย ยวนยี – สินบุรี แสนกล้า : อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว


ภายหลังทนายแจ้งเรื่องอัยการจะมีคำสั่งฟ้องคดีภายในวันนี้ (23 ก.ย.) แล้วในคดีของแซมและแม็ค 


แซมกล่าวว่า “ผมอยากจะฝากถามว่าทำไมฝากขังครบ 84 วัน แล้ววันสุดท้ายอัยการค่อยมาสั่งฟ้อง แบบนี้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ พวกผมเหมือนโดนฝากขังลอย ขอประกันก็ไม่ได้ คดีฆ่าคนตายทำไมได้ประกัน แต่พวกผมไม่ได้” 


ทางด้านแม็คอกว่า “ผมยังไหวอยู่ อยู่ข้างในก็อ่านหนังสือกัน ก็คลายเครียดได้อยู่ ตอนนี้มันก็จะเหงาหน่อย เพราะเพื่อนออกไปหมดแล้ว แต่ก็ยังได้อยู่ ถ้าได้ออกก็ดีกว่าแหละ แต่ถ้าออก ก็อยากออกพร้อมพี่แซม” 


นอกจากนี้แม็คได้ฝากให้ช่วยบอกครอบครัวว่าเขายังสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเจอกัน


สมบัติ ทองย้อย : หากศาลอนุญาตให้ประกันตัว คงได้กลับไปทำงานเสียที


ทนายความสังเกตว่าสีหน้าของสมบัติยังคงดูเหนื่อยและไม่สดชื่น สันนิษฐานว่าอาจเป็นผลมาจากอาการป่วยในช่วงที่ผ่านมา โดยอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับสมบัติรวมถึงกลุ่มทะลุแก๊สเป็นเพราะอากาศเปลี่ยนแปลง โดยสมบัติเริ่มมีอาการป่วยตัวร้อนในวันอาทิตย์ (18 ก.ย.) อาการโดยรวมมีไอ เจ็บคอ ตอนกลางวันนอนพักอยู่ในห้องสมุด เขาเล่าว่าปกติไม่ค่อยป่วย แต่พอป่วยก็ป่วยหนักจนที่บ้านเป็นห่วง


สมบัติบอกว่าตอนที่ป่วย เขาได้กินยาและพบหมอ รวมถึงได้ตรวจโควิดแล้ว แต่ผลตรวจออกมาว่าไม่ได้เป็นโควิด ตอนนี้อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในเรือนจำไปเมื่อเดือนที่แล้วด้วย


สำหรับเรื่องการประกัน เขายังหวังให้ศาลอนุญาตให้ประกันตัวเพราะช่วงเวลานี้ หากอยู่ข้างนอกเขาจะสามารถรับงานได้เยอะ เป็นช่วงเวลาที่มีลูกค้าจำนวนมาก (สมบัติทำงานติดตั้ง-รับซ่อมดูแลเครื่องกรองน้ำ)


สมบัติได้ฝากขอบคุณแอมเนสตี้และข้อความที่มีคนส่งมา ทั้ง 40 ข้อความ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #TLHR #ปล่อยเพื่อนเรา