วันพฤหัสบดีที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565

ก้าวไกล เปิดแคมเปญ"เดินหน้า RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่" ขอ 5 หมื่นชื่อทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 


ก้าวไกล เปิดแคมเปญ"เดินหน้า RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่" ขอ 5 หมื่นชื่อทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

 

วันนี้ (8 ก.ย. 65) เวลา 09.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังรัฐสภามีมติไม่รับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 272 เพื่อยกเลิกอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี ที่เสนอโดยภาคประชาชน ว่า รู้สึกผิดหวังกับผลการลงมติของรัฐสภาในครั้งนี้ และในเมื่อไม่สามารถตัดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ได้ทันการเลือกตั้งที่จะมาถึง พรรคก้าวไกลจึงขอเรียกร้องให้ ส.ว. ไม่นำตัวเองเข้ามาเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง แต่ควรเคารพและยึดตามเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ที่จะถูกสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง

 

จุดยืนที่พรรคก้าวไกลประกาศต่อประชาชนมาตลอด คือการแก้ไขวิกฤติทางการเมืองครั้งนี้ ต้องไม่ใช่แค่ปะผุ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแล้วจะเพียงพอ แต่ต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน นายพิธา กล่าว

 

ที่ผ่านมาการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การร่างฉบับใหม่ผ่านช่องทางรัฐสภา เจอทางตันทุกครั้ง ซึ่งทางพรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องหาไพ่ใบใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยใช้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญชื่อ “RESET ประเทศไทย เลือกตั้งใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่” ที่จะอาศัยช่องทางตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ 2564 มาตรา 9 (5) โดยใช้เสียงของประชาชนอย่างน้อย 50,000 คน ร่วมลงชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มีการจัดทำประชามติโดยจะเริ่มรณรงค์ทันทีจนกว่าได้รายชื่อครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด

 

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า เพื่อประหยัดงบประมาณ และเพื่อให้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือการเปลี่ยนกติกาประเทศ เราจะเสนอให้จัดประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่จะต้องเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคม 2566

 

พร้อมมั่นใจว่า วิธีการนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ และไม่ควรมีเหตุผลใดที่จะทำให้ถูกคัดค้าน เนื่องจาก

1. เป็นหนทางที่จะนำพาประเทศออกจากวิกฤตทางการเมือง นำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้จริง โดยไม่ต้องง้อเสียงเห็นชอบจาก ส.ว.

2. เป็นแนวทางที่รัฐบาลปฏิเสธยาก เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. เป็นสิ่งที่ ส.ส. รัฐบาล และ ส.ว. เคยสนับสนุน และการจัดประชามติก็เป็นไปตามความเห็นของ ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. ที่เคยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อตีความว่าต้องจัดทำประชามติก่อนเสนอเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภาในขั้นรับหลักการ

3. เป็นการทวงถามและเรียกความรับผิดชอบโดยตรงจากนายกฯ และ ครม. ว่าจริงใจแค่ไหนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากที่เคยประกาศว่าเป็น 1 ใน 12 นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล

4. เป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนโดยตรง เพราะหากมีการจัดทำประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง และประชาชนเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะมาจากขั้วไหน ก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งของประชาชนที่แสดงออกผ่านผลประชามติ

5. ช่วยประหยัดงบประมาณและทรัพยากรของประเทศ เพราะจัดการเลือกตั้งและจัดประชามติในวันเดียวกันได้เลย

 

พรรคก้าวไกลต้องขอแรงสนับสนุนจากประชาชน ขอให้อย่าเพิ่งถอดใจ มาลงชื่อกับเรา เพื่อส่งแรงกดดันไปยังรัฐบาลให้จัดประชามติ และคืนประเทศให้ประชาชน เพื่อให้ปลายทางในปีหน้า เราจะมีความหวังได้ว่ามีสิ่งที่ดีกว่ารอเราอยู่ คือคนไทยจะได้เลือกตั้งใหม่ ได้เริ่มนับหนึ่งสู่รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนฉบับใหม่ และมีโอกาสร่วมสร้างอนาคตใหม่ของประเทศไทยอีกครั้ง

 

โดยประชาชนที่สนใจสามารถลงชื่อได้ที่

https://www.resetthailand.org

 

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการลงชื่อครบไม่เกิน 1 เดือน โดยวันนี้เปิดเป็นวันแรก มีประชาชนลงชื่อแล้วกว่า 3,000 คน นายพิธากล่าว

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เดินหน้าRESETประเทศไทย