“มิ้นท์
นาดสินปฎิวัติ” เผยได้รับจม. ขู่ฆ่าข่มขืน หาศพไม่เจอเหมือน “สุรชัย”
หากยังเคลื่อนไหวเรื่อง ม.112
– ปฏิรูปสถาบันฯ
มิ้นท์
นาดสินปฎิวัติ นักกิจกรรมหญิง
ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นกลางในกระบวนการพิจารณาคดีหมิ่นกษัตริย์
(ม.112) จนเป็นเหตุที่ทำให้ถูกแจ้งข้อกล่าวในคดีดังกล่าวถึง 3 คดี รวมเป็น 4 คดี
จากเดิมที่เคยถูกกล่าวเพียงคดีเดียวจากการปราศรัยในกิจกรรม “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ 240
ปี ใครฆ่าพระเจ้าตาก” ที่วงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2565
มิ้นท์เปิดเผยกับ
“วอยซ์” ว่าตั้งแต่วันที่ 28
ก.ค. 2565 เป็นต้นมา
เธอถูกคุกคามจากการออกมาทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง
แม้ในวันดังกล่าวมิ้นท์
ไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมก็ตาม แต่พบว่ามีชายอ้างตัวเป็นตำรวจ ไม่เปิดเผยชื่อ
และหน่วยงานที่สังกัด โทรเข้ามา โดยชายคนดังกล่าวพยายามสอบถามว่า
ในวันนั้นจะออกไปทำกิจกรรมที่ไหนหรือไม่ แต่เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่าคู่สนทนาเป็นใคร
เธอจึงไม่ให้คำตอบใด ๆ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ทั้งช่วงก่อนหน้าวันนัดหมายทำกิจกรรม
และช่วงหลังทำกิจกรรมเสร็จ เธอสังเกตได้ว่ามีคนพยายามติดตามเธอ
ในลักษณะเดียวกันกับที่นักกิจกรรมหลายคนเคยพบ แต่ในวันที่ 28 ก.ค.
ถือเป็นครั้งแรกที่มีการคุกคามที่เข้าใกล้ตัวมากขึ้น
ต่อมาในวันที่
12 ส.ค.
เธอพบว่ามีชายคนหนึ่งโทรเข้ามาที่เบอร์โทรศัพท์บ้านซึ่งไม่เคยให้ไว้กับใคร
ซึ่งน้องของเธอเป็นผู้รับสาย ปลายสายระบุว่า “หากไม่หยุดจาบจ้วงสถาบันฯ
มิ้นท์จะถูกจาบจ้วงบ้าง”
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอยังคงใช้โซเชียลมีเดียในการรณรงค์เคลื่อนไหวเรียกร้องเรื่องสิทธิการประกันตัวคดี
112 และยันยืนว่าศาลต้องมีความเป็นกลางในกระบวนการพิจารณาคดี
รวมทั้งเรียกร้องในประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ด้วย
จนกระทั่งวันที่
2 ก.ย. น้องของเธอออกไปดูตู้ใส่จดหมายหน้าบ้าน
พบจดหมายซองหนึ่งไม่จ่าหน้าซอง ไม่ระบุผู้ส่ง และผู้รับ ซึ่งคาดได้ว่า
ผู้ส่งเป็นคนนำจดหมายมาส่งเอง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าบุคคลดังกล่าวเป็นใคร
เนื่องจากที่บ้านของเธอยังไม่มีกล้องวงจรปิด
น้องของเธอเป็นผู้เปิดจดหมายดังกล่าว
เมื่อพบเนื้อหาและรูปภาพที่ส่งมาจึงได้ตัดสินใจไม่ให้เธอเห็นจดหมาย
เพียงแต่บอกรายละเอียดคร่าวๆ ว่า เป็นจดหมายที่เขียนด้วยลายมือ
มีเนื้อหาเป็นการเตือนครั้งสุดท้าย พร้อมระบุสาเหตุที่เธอได้รับการประกันตัวในคดี 112 ว่า
เป็นเพราะจะเก็บไว้รวบยอดครั้งเดียว หากยังไม่หยุดเคลื่อนไหวจะถูกอุ้มฆ่าข่มขืน
จะมีชะตากรรมเหมือนกับ สุรชัย แซ่ด่าน ที่หาศพไม่เจอ พร้อมแนบรูปภาพการรุมโทรมมาด้วย
มิ้นท์
เปิดเผยด้วยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เธอเกิดความกังวลในระดับหนึ่ง
แต่ไม่ถึงขั้นที่ไม่กล้าทำอะไรอีกต่อไป
เนื่องจากมองเห็นว่าการหยุดต่อสู้จะทำให้ผู้กระทำรู้สึกว่า
การคุกคามนั้นประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามเธอได้เพิ่มการระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิม
“การเป็นผู้หญิงในประเทศนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่แล้ว
การเป็นนักกิจกรรมหญิงด้วยมันก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะถูกคุกคามมากขึ้นไปอีก
ไม่ว่าใครก็ตามถ้าเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเราคิดว่าเป็นปกติที่จะมีความรู้สึกกังกล”
มิ้นท์
ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีศัตรู หรือมีปัญหากับใคร
และไม่เคยพบเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อนจนกระทั่งได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงปลายปี
2564 เป็นต้นมา ซึ่งนั่นเป็นเหตุที่ทำให้ตั้งคำถามมากขึ้นไปอีกว่า
ประเทศนี้ทำไมจึงไม่สามารถตั้งคำถามได้ตามสามัญสำนึก
“เราอยากจะบอกคนที่พยายามคุกคามเราอยู่ว่า ต่อให้คุณคุกคามเรา
หรือทำกับเราแบบที่ขู่ไว้จริงๆ คุณก็ทำได้แค่จัดการเราไป 1 คน
แต่มันจะทำให้คนอีกหลายร้อยหลายพันคนออกมาตั้งคำถามเดียวกับเรา
คุณไหวหรือเปล่าที่จะปิดปากคนจำนวนมากขนาดนั้น
การทำแบบนี้มันไม่ได้แแสดงให้เห็นว่าคุณแข็งแกร่ง
แต่มันสะท้อนว่าคุณต่างหากที่อ่อนแอ”
ที่มา : Voice TV
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #นาดสินปฏิวัติ