#12ปีพฤษภา53 ตอนที่ 3
จากบทบรรยาย
"ยุทธการยิงนกในกรง"
(เหตุการณ์หลัง 10 เมษายน 2553 – 20 พฤษภาคม 2553)
14
พฤษภาคม 2553
ปฏิบัติการทางทหารอย่างเต็มรูปแบบนั้นเริ่มต้นเช้าวันที่
14 พฤษภาคม 2553 ปฏิบัติการขั้นต้นนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้าเวลาประมาณ
09.20 น. ทหารสั่งการให้ผู้ชุมนุมออกจากถนนพระราม 4 แต่ถูกผู้ชุมนุมตั้งแนวรับเอาไว้จนถึงเวลาประมาณ 14.00 น. ถึง 15.00 น.
การเสียชีวิตของผู้ชุมนุมบริเวณสวนลุมพินีก็เริ่มขึ้น
นายประจวบ ศิลาพันธ์ ถูกกระสุนปืนยิงทะลุหัวใจ และต่อมาก็มีผู้เสียชีวิตอีก 1 รายในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือ
นายปิยะพงษ์ กิติวงศ์ ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณคอภายในสวนลุมฯ ซึ่งสถานการณ์นี้มีผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นสื่อมวลชนรวมอยู่ด้วย
4 คน และมี 2 คน
หนึ่งคนเป็นช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน และอีกคนเป็นผู้รายงานข่าวชาวแคนาดา
ช่อง France24 และอีก 1 ศพจากการกระทำขั้นรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐที่สวนลุมฯ
ตรงบริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 คือ นายสมศักดิ์ ศิลารักษ์
ซึ่งถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่หัว ทำลายสมอง
ความตายย่านบ่อนไก่
14 พฤษภาคม 2553
ย่านบ่อนไก่นับเป็นจุดวิกฤตที่สุดของปฏิบัติการอันเลวร้ายของทหาร
เพราะเป็นพื้นที่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างผู้ชุมนุมกับทหาร เสียงกระสุนจากทหารนั้นนับว่าได้ยินอยู่เกือบตลอดเวลา
การปฏิบัติการของทหารบริเวณนี้เป็นปฏิบัติการทางการทหารเต็มรูปแบบ เสมือนทำสงครามรบในเมือง
มีการใช้กำลังถึง 3
กองพล มีคำสั่งการใช้กระสุนจริง ซึ่งทหารถือเอาบทเรียนความพ่ายแพ้ในวันที่
10 เมษายนมาเป็นบทสรุป และคำสั่งการใช้กระสุนจริงซึ่งเขาเชื่อว่าจะทำให้ทหารเชื่อมั่น
มีจิตใจรุกรบมากขึ้น ซึ่งก็นับว่าได้ผลตามต้องการ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมตกอยู่ในสภาพเหมือนนกในกรง
และผลของปฏิบัติการในย่านบ่อนไก่ของวันที่ 14 พฤษภาคมนี้
ทำให้ผู้ชุมนุมสูญเสียชีวิตไป 4 คน ดังนี้
1)
นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง เสียชีวิตจากการถูกยิง 2 นัดเข้ากลางหลังและหัวไหล่ เวลาประมาณ 12.30 น.
2)
นายอินแปลง เทศวงศ์ ถูกกระสุนบริเวณหน้าอกทะลุปอด เวลาประมาณ 13.30
น. ถึง 14.00 น.
3)
นายบุญมี เริ่มสุข ถูกยิงบริเวณช่องท้อง เวลาประมาณ 16.00 น.
4)
นายเสน่ห์ นิลเหลือง ถูกยิงหน้าอกทะลุเส้นเลือด เวลาประมาณ 17.30
น.
นี่คือผลของปฏิบัติการเต็มรูปแบบเพื่อเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่เปรียบเสมือนนกในกรง
ซึ่งทางทหารจะชี้เป้ายิงใครก็ได้ โดยจากพยานหลักฐานภาพวีดีโอและภาพถ่ายที่มีก็สรุปได้ว่า
ทั้ง 4 ราย
เสียชีวิตจากการปฏิบัติการทางทหารด้วยกระสุนจริงจากเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน
ความตายที่ย่านราชปรารภ
ที่ราชปรารภก็นับว่าเป็นอีกบริเวณที่มีการบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก
ด้วยพื้นที่แถบนี้เป็นบริเวณที่มีตึกสูง เป็นย่านการค้าการลงทุน รายล้อมด้วยชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่ของหน่วยสไนเปอร์และหน่วยพลซุ่มยิงที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญในการฆ่าจนเกิดการเสียชีวิตในย่านราชปรารภในวันที่
14 พฤษภาคม 2553 มีดังนี้
1)
นายชัยยันต์ วรรณจักร เสียชีวิตก่อนเวลา 18.30 น. ถูกยิงช่องท้องด้านขวา
2)
นายทิพเนตร เจียมพล เสียชีวิตเวลา 17.30 น.
ถูกยิงที่บริเวณหัวไหล่
3)
นายบุญทิ้ง ปานศิลา เสียชีวิตเวลาประมาณ 19.36 น. จากบาดแผลที่คอ
4)
นายกิติพันธ์ ขันทอง เสียชีวิตเวลาประมาณ 19.30 น. จากการถูกกระสุนปืนบริเวณท้อง
5)
นายสรไกร ศรีเมืองปุน เสียชีวิตเวลาประมาณ 23.00 น. ถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงที่หัว
6)
นายเหิน อ่อนสา เสียชีวิตเวลาประมาณ 23.00 น.
จากการถูกยิงบริเวณขาหนีบ
7)
นายธันวา วงศ์ศิริ เสียชีวิตเวลาประมาณ 19.30 น.
จากการถูกยิงบริเวณหน้าข้างซ้าย
นอกจากนี้บริเวณแยกราชปรารภในวันที่
14 พฤษภาคม 2553 ก็ยังมีการเสียชีวิตอีก 4 รายคือ
1)
น.ส.สัญธะนา สรรพศรี เสียชีวิตเวลาประมาณ 20.20 น. จากการถูกยิงที่คอ
2)
นายมนูญ ท่าลาด เสียชีวิตเวลาประมาณ 20.20 น.
จากการถูกยิงที่หัว
3)
นายพัน คำกอง เสียชีวิตเวลาประมาณเที่ยงคืน
จากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง
4)
ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ เสียชีวิตเวลาประมาณเที่ยงคืน
จากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูง ซึ่งนับว่าเป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุดเพียง
14 ปี
นับเป็นสิ่งที่ประจักษ์ให้เห็นไปทั่วทุกมุมโลกถึงความโหดร้ายของรัฐบาลอภิสิทธิ์
ที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเด็ก, ผู้หญิง หรือแม้แต่อาสาสมัครพยาบาล
#คนเสื้อแดง #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์