วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

"มันเร้นกายภายใต้ความเบลอ" เขียนโดย พล.อ. อดุล อุบล จากหนังสือ "ฝากไว้...ให้ตราตรึง

 


#12ปีพฤษภา53


ในช่วงเวลาแห่งการรำลึกเหตุการณ์ เมษาพฤษภา53 “ยูดีดีนิวส์” ได้นำเสนอบทความซึ่งเขียนโดย พลเอก อดุล อุบล ซึ่งเขียนไว้ในเวลาต่าง ๆ กัน จากหนังสือ “ฝากไว้...ให้ตราตรึง” หนังสืออนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพของท่าน เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนคนรุ่นหลัง และให้ได้ทราบว่าในกองทัพไทยยังมีนายทหารประชาธิปไตยผู้รักชาติรักประชาชน ที่เขียนไว้ให้ปรากฏ โดยแง่คิดต่าง ๆ นี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อนายทหารและเจ้าหน้าที่รัฐต่าง ๆ ไม่หลงผิดทำสิ่งเลวร้าย ดังที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นวงจรอุบาทว์เสมอมา


“มันเร้นกายภายใต้ความเบลอ”


คำถามที่ top hit ที่สุดในชาติตอนนี้คือใครเป็นคนสั่งฆ่าประชาชน 92 ศพ (รวมทั้งทหารด้วย) ใครจะต้องรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ ผมเข้าใจว่าคำถามนี้มุ่งเป้าไปที่ทั้งผู้นำรัฐบาลและผู้นำกองทัพพร้อมกันในขณะนี้


แท้จริงแล้วผมไม่อยากจะคุยกับเพื่อน ๆ ในเรื่องนี้ กลัวว่าบุคคลที่ไม่เข้าใจและพวกอาชีพทหารจะเอาไปกล่าวหาว่าเป็นการชี้นำ แต่ที่ต้องออกมาพูดในเชิงวิชาการก็เพราะเหตุว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่รู้ว่าการควบคุมและการใช้กำลังทหารนั้นเขาทำกันอย่างไร ไม่ได้หมายความว่ามันยากเกินกว่าจะเข้าใจ แต่มันเป็นเพราะประเทศของเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงมาโดยตลอด มันจึงไม่มีการปฏิบัติในเรื่องนี้อย่างถูกต้องเหมาะสม และนักวิชาการทางการเมืองการปกครองส่วนใหญ่ก็ไม่อยากเปลืองตัวออกมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คงปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองและบรรดาทหารใหญ่ในเวลานั้นออกมาแสวงประโยชน์และปล่อยให้เรื่องนี้อยู่ในความเบลอของคนส่วนใหญ่ในชาติ เพื่อเอาตัวรอดพ้นความผิดและความรับผิดชอบจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นเช่นนี้ตลอดมาและจะมีอีกต่อ ๆ ไป


อย่าว่าแต่ประชาชนเลยครับ แม้แต่ทหารเองยังไม่เข้าใจเรื่องนี้อยางถูกต้องเลย ทหารส่วนใหญ่เองยังเข้าใจว่าการควบคุมและการใช้กำลังทหารนั้นเป็นเรื่องของทหารด้วยกันเองเท่านั้น เพราะทหารได้รับการศึกษาอบรมมาว่าต้องเชื่อมั่น และปฏิบัติตามคำสั่งความต้องการตามสายการบังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ดังคำปฏิญาณที่ว่า “คำสั่งของผู้บังคับบัญชาคือพรจากสวรรค์” (ผมได้เขียนเรื่องนี้ไว้ในด้วยรักและห่วงใยมาแล้ว คิดว่าคงยังจำได้ ถ้าอย่างไรไปทบทวนดูใหม่ก็ได้ครับ) นอกจากนี้ในแบบธรรมเนียมทหารยังระบุไว้อีดด้วยว่า ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทหารคือ รมว.กห. แล้วผมอยากจะถามว่า นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำเสนอรายชื่อผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ กราบบังคมทูลเพื่อลงพระปรมาภิไธยและรับสนองพระบรมราชโองการหลังจากที่ได้โปรดเกล้าฯ ลงมาแล้วว่า อย่างนี้จะนับว่าเป็นผู้บังคับบัญชาหรือไม่ มันงง ๆ อยู่นะ แล้ว นรม. ยังเป็น หน.รัฐบาล ซึ่งก็คือผู้บังคับบัญชาของ รมว.กห. อีกด้วย หรือว่าเรื่องนี้เราพิจารณาเป็นเรื่องการเมืองไม่เกี่ยวกับการทหาร แน่นอนครับในระดับยุทธวิธีเราคงแยกออกได้ว่าการเมืองและการทหารไม่เกี่ยวกัน แต่ในระดับยุทธการและยุทธศาสตร์ไม่ใช่แล้วครับ ในระดับยุทธศาสตร์นั้นการเมืองและการทหารเกี่ยวข้องกันอย่างหนัก เพราะความต้องการทางการเมืองเป็นผู้กำหนดทิศทางและการใช้กำลังทหาร ซึ่งก็ลงมาจาก ครม. ซึ่งมีนายก รมต. เป็น ผบช. นั่นเอง


ทีนี้หันกลับมาดูเหตุการณ์ เมื่อ เม.ย. - พ.ค. 53 ของประเทศไทยที่มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก คิดง่าย ๆ โดยไม่ต้องสอบสวนให้ลึกซึ้งเลยครับในชั้นต้น


- ทำไมถึงมีผู้เสียชีวิต ก็เพราะมีการพลศพและนับได้ 92 ศพเป็นอย่างน้อย ศพเหล่านั้นถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม ทั้งจากอาวุธประจำกาย และปืนซุ่มยิง ซึ่งไม่ใช่อาวุธที่ประชาชนคนธรรมดาสามารถมีไว้ครอบครองได้ ก็คงต้องเป็นอาวุธของทหารเท่านั้น นอกเสียจากจะมีพยานหลักฐานพิสูจน์ได้แน่ชัดว่ามีพวกอื่นที่มีอาวุธแบบเดียวกับทหาร


- มีการใช้กำลังทหารออกมาแก้ไขสถานการณ์นี้ แน่นอนไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างอะไรก็แล้วแต่ และทหารที่ถืออาวุธออกมาเป็นกองพลเช่นนี้ไม่สามารถออกมาเองได้ จะต้องมีผู้ออกคำสั่งให้ทหารออกมา การสั่งการเรื่องนี้ต้องทำกันตามลำดับชั้นอีกด้วย การที่ทหารออกมาขอคืนพื้นที่หรือกระชับพื้นที่ ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตาม แต่มันก็คือการสลายฝูงชนนั่นแหละ ทหารพวกนี้นอกจากมีอุปกรณ์สลายฝูงชนแล้ว ยังมีอาวุธประจำกายและมีพลซุ่มยิงมาร่วมปฏิบัติการด้วย


- ขนาดเหตุการณ์เป็นไปถึงขั้นนี้แล้ว ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบในความเสียหายที่บังเกิดขึ้น ทุกระดับสามารถปัดออกไปให้พ้นตัวว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้ออกคำสั่งที่ทำให้เกิดความเสียหายเหล่านั้น


- รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายผู้มีอำนาจรัฐ ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้ง ศอฉ. โดยมีรองนายกคนหนึ่งเป็น ผอ.ศอฉ. และมี ผบ.ทบ. เป็นรอง ผอ.ศอฉ. อีกท่านหนึ่ง โดยระบุให้ ศอฉ. มีหน้าที่รับผิดชอบในการใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ การนี้ส่งผลให้ฝ่ายทหารมีอำนาจควบคุมและใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ แต่ไม่น่าจะทำให้ความรับผิดชอบของ นายก รมต. ในเรื่องนี้พ้นไปด้วย (หลักการที่ต้องตามจริยธรรม คือผู้บังคับบัญชาสามารถมอบงานให้ผู้อื่นที่รองลงมาจากตนได้ แต่ไม่สามารถมอบความรับผิดชอบได้ กล่าวคือ ความรับผิดชอบในความสำเร็จและความล้มเหลวของงานคงอยู่กับตนเองตลอดไป)


จากการกระทำดังกล่าวมาแล้วกับสายการบังคับบัญชรทางทหารที่ปรากฏอยู่ในแบบธรรมเนียมทหารทำให้เกิดความเบลอ (blur) ในเรื่องของการใช้และควบคุมกำลังทหารในระดับยุทธศาสตร์ของชาติ ส่งผลเสียสำคัญให้ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายทหารสามารถเร้นกายเอาตัวรอด อ้างว่าตนไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบในการสั่งใช้ทหารออกมาสลายมวลชนอย่างผิดหลักการได้ นายกฯ ออกมาอ้างว่าเป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องแก้ไขสถานการณ์ตามการควบคุมของ ศอฉ. ฝ่ายผู้บังคับบัญชาทหารก็อ้างว่าทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ. ที่รัฐบาลเป็นผู้สั่งจัดตั้ง ไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชอบอย่างแน่ชัดในการสูญเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมากในครั้งนี้ มันเป็นความผิดชอบประชาชนเองที่มาตายในเหตุการณ์นี้ ดังนั้น ประชาชนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้อย่างตัวใครตัวมัน อย่ามาถามหาอะไรให้เป็นที่ก่อกวนสร้างความรำคาญขัดขวางการหาเสียงของนักการเมือง


ผมก็คิดได้เท่านี้แหละครับ แต่อยากจะถามทุกฝ่ายรวมทั้งประชาชนในชาติว่า มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องปฏิวัติกองทัพและออกกฎหมายให้แน่ชัดในเรื่องการควบคุมและการใช้กำลังทหารของชาติให้เหมือนกับที่ชาติศิวิไลซ์เขาปฏิบัติกันเสียที อย่างน้อยที่สุดมันอาจจะทำให้นักการเมืองและพวกอาชีพทหารไม่สามารถเร้นกายออกไปจากการเข่นฆ่าประชาชนด้วยกำลังทหารได้ ซึ่งจะช่วยส่งผลให้ผู้ที่จะใช้กำลังทหารออกมาประจันหน้ากับประชาชนผู้เป็นเจ้าของกองทัพอย่างแท้จริงต้องหยุดคิดถึงอนาคตของผลกรรมจากการกระทำของตนเองมากขึ้น


อดุล อุบล

พลเอก, ทหารราบ

22 มิ.ย. 54


นี่คือบทความบางตอน ในหนังสือ “ฝากไว้...ให้ตราตรึง” อนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพ พล.อ.อดุล อุบล


ประวัติการศึกษา พล.อ.อดุล อุบล บางส่วน : โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 11 (พ.ศ. 2511), โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 22 (พ.ศ. 2513), หลักสูตรภาษาอังกฤษกองทัพอากาศออสเตรเลีย (พ.ศ. 2525), หลักสูตรชั้นนายพันทหารราบ กองทัพบกออสเตรเลีย (พ.ศ. 2525) , หลักสูตรชั้นนายพันทหารราบ กองทัพบกสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2527), หลักสูตรหลักประจำโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง ชุดที่ 64 (สอบได้ที่ 1) พ.ศ. 2528, หลักสูตรภาษาอังกฤษแบบออสเตรเลีย (สอบได้ที่ 1) พ.ศ. 2528, โรงเรียนเสนาธิการทหารบก กองทัพบกสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2530), หลักสูตรการบริหารทรัพยากรทางทหาร กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2531), วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 48 (พ.ศ. 2548)


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์

#ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม