ณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ : ครบรอบ #12ปีพฤษภา53
ในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วีรชน
ณ ศาลาการเปรียญ วัดเสมียนนารี
นมัสการพระคุณเจ้า
พี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์ พี่น้องคนเสื้อแดงที่เคารพครับ ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนทุกท่านที่ได้กรุณาเดินทางมาร่วมในภารกิจสำคัญของเรา
ซึ่งเราทำต่อเนื่องกันมาปีนี้เป็นปีที่ 12
ไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองหรือการเมืองจะเป็นอย่างไร เราก็หวังใจว่าความรักความผูกพัน
ความห่วงหาอาลัยที่เรามีให้กันตราบจนวันนี้ จะส่งถึงดวงวิญญาณของเพื่อนผู้จากไป
แล้วก็จะส่งเป็นขวัญกำลังให้กับครอบครัว
ให้กับญาติมิตรของเพื่อนเราทุกชีวิตที่สูญเสีย
เรายังคงมีกันและกันเสมอนะครับ
ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว ที่เรายืนหยัดต่อสู้ในนามของคนเสื้อแดง
และภาระหน้าที่ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
แม้ว่าคนหนุ่มสาวเขาจะยืดอกและใช้สองบ่าแบกรับภาระหนี้อยู่ในปัจจุบัน
แต่ผมมั่นใจว่าพวกเราทั้งหมดก็ไม่เคยละวางความรับผิดชอบต่อหลักการที่ถูกต้อง
ไม่ได้ละวางภารกิจในการที่จะส่งเสริมการต่อสู้ของคนหนุ่มสาวรุ่นนี้ให้เดินไปข้างหน้าในทิศทางที่ถูกต้อง
ให้เดินไปข้างหน้าด้วยความปลอดภัย ด้วยความสะดวกและอบอุ่นจากความรักห่วงใจและปรารถนาดีของคนเสื้อแดง
ผมขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กันและกันเสมอ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์วิกฤตคับขัน
หรือสถานการณ์ที่เราได้มีโอกาสสัมผัสความสุขแม้เพียงชั่วครู่ชั่วครั้งในระหว่างทางการต่อสู้
หันไปรอบตัวเมื่อไหร่ คนเสื้อแดงก็จะยังคงมีกันและกันตลอดมาเหมือนเช่นวันนี้
ว่าไปแล้วไม่ใช่ว่าพี่น้องมาให้กำลังใจพวกผมเสียฝ่ายเดียว
ตลอดมาพวกผมก็ส่งกำลังใจให้พี่น้อง และพูดกันให้ถึงที่สุดก็ใช่ว่าเราจะส่งกำลังใจให้กันเฉพาะคนที่รู้จัก
คนที่เห็นหน้า แต่กำลังใจของคนเสื้อแดงมันส่งมอบถึงกันไม่ว่าเราจะรู้จักกันในทางส่วนตัวหรือไม่
ไม่ว่าเราจะพบหน้าค่าตากันในสนามของการต่อสู้หรือไม่ เมื่อเป็นเสื้อแดงก็รู้ว่าเราต่อสู้ในหลักการและจุดยืนเดียวกัน
กำลังใจของเราส่งถึงกันเสมอ
ตลอดเวลา
10 กว่าปี เรายืนหยัดมาได้ด้วยสิ่งนี้ครับ เรายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง
เราจึงไม่ล้มลง เรามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเคียงข้าง
เราจึงไม่โซเซ เรามีเรี่ยวแรงของเพื่อนมิตรที่ร่วมต่อสู้ เป็นเหมือนลมใต้ปีก
เราจึงขยับตัวไปข้างหน้าตลอดเวลา เรามีอ้อมกอดที่อบอุ่นของพี่น้องที่เจ็บด้วยกัน
เหนื่อยด้วยกัน ยากลำบากผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน
ทำให้เรายังคงอบอุ่นและเชื่อมั่นในกันและกันอยู่เสมอ
เท่าที่ผมดูแทบ
100% ที่ใส่เสื้อสีแดงมา เป็นเสื้อสีแดงตัวเก่า
เพราะผมรู้ว่าถึงมีเสื้อสีแดงตัวใหม่ ๆ แต่มางานวันแบบนี้
พี่น้องก็คงล้วงเข้าไปลึกสุดตู้เพื่อเอาเสื้อตัวสีแดงเครื่องแบบตัวเดิมของเราสวมใส่มาเพื่อรำลึกถึงเพื่อนร่วมอุดมการณ์
ผมมีเสื้อสีแดงตัวเก่ายุคนั้นเหลืออยู่ตัวสองตัวเท่านั้นนะครับ เพราะว่าให้เขาหมด
เวลาเขาจัดกิจกรรมประมูล เวลาเขามาขอไปทำกิจกรรมที่มันจะเกิดประโยชน์กับกลุ่มต่าง
ๆ ก็ให้ไป ๆ ปรากฏว่าพอไปเปิดค้นดูก็ใจหายว่า รองเท้า นาฬิกาเมื่อปี 53 นะครับ ประมูลให้เขาไปหมดแล้ว เหลือเสื้อคอกลมอยู่สักตัวละมั้งที่ตั้งใจว่าปี
53 แน่ ส่วนที่เหลือมันไม่รู้จะ 54 หรือ
55 แต่ว่าพอได้มาเห็นแบบนี้ ผมมั่นใจว่าเสื้อหลายตัวที่พี่น้องใส่อยู่
มันสนามรบปี 53 มันคือเครื่องแบบ มันคือเกียรติยศ
มันคือความภาคภูมิใจ นี่เป็นเสื้อตัวที่ 12
ปีที่แล้วเราอาจจะซื้อมาในราคา 120 บาท
แต่น่าจะเป็นเสื้อตัวเดียวในชีวิตที่เราจะไม่ให้มันสูญหายไปจากเราเด็ดขาด
ผมเคยเจอพี่น้องเราคนหนึ่ง
เขามาร่วมชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถานเมื่อปี 2556 แล้วเขาเดินระหว่างทางกลับบ้านยามดึก
ถูกกลุ่มวัยรุ่นชายฉกรรจ์มาดักรออยู่ระหว่างทาง แล้วโดนเตะต่อยทุบตี
บังคับให้เขาถอดเสื้อสีแดงตัวนั้น เขาโดนทำร้ายนะครับ โดนเตะ โดนถีบ โดนต่อย
เจ็บตัวมาไม่ใช่น้อย แต่ในวินาทีที่เขาเล่าเรื่องนี้ เขาบอกผมว่าพี่รู้มั้ย
ที่ผมเจ็บที่สุด ที่ผมแค้นที่สุด ที่ผมเสียใจที่สุด ไม่ใช่ตอนถูกเขาเตะเขาตีนะครับ
เขาเจ็บที่สุดตอนถูกบังคับให้ถอดเสื้อสีแดงตัวนั้น เพราะเขาบอกว่านั้นคือชีวิตเขา
นั่นคือเกียรติยศของเขา ผมได้ฟังก็ มันก็จุกนะครับ มันก็สุดในหัวใจ
แล้วถ้าใครไม่เคยผ่านเหตุการณ์มาด้วยกันแบบพวกเรา ฟังแล้วเขาก็อาจจะไม่เข้าใจ
แต่สำหรับเรา เรารู้สึกเสียใจ สำหรับเรา เราลืมวันเวลาแบบนั้นไม่ได้ และสำหรับเรา
ไม่ว่าใครจะมองเราแบบไหน แต่เมื่อเรามองกันและกัน สำหรับผม คนเสื้อแดงยิ่งใหญ่เสมอ
สำหรับผม คนเสื้อแดงสง่างามเสมอ แล้วสำหรับผม
คนเสื้อแดงควรค่าแก่การรำลึกถึงและการคารวะในจิตวิญญาณของการต่อสู้เสมอ
เราอกหักมาหลายครั้งนะครับ
เพราะสู้แล้วเหมือนจะชนะ แต่ในที่สุดเขาก็ใช้กำลังมาทำให้เราเจ็บอย่างบอบช้ำ
แต่ว่าให้พี่น้องได้มั่นใจนะครับ ไอ้ความรู้สึกอกหักที่มันเกิดขึ้นเพราะถูกกระทำในการต่อสู้
เพราะรู้สึกว่ามันไม่ถึงชัยชนะ แต่ความรู้สึกหลังหักเพราะถูกหักหลังมันจะไม่เกิดขึ้น
อย่างน้อยที่สุดก็จากพวกเราที่ยืนหยัดต่อสู้กันมาตรงนี้
ความรู้สึกว่าถูกลวงล่อทรยศก็จะไม่เกิดขึ้นสำหรับคนที่เชื่อมั่นในจิตวิญญาณร่วมกันจนถึงเวลานี้
มันหักหลังกันไม่ได้นะครับคนเสื้อแดง เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่หักหลังกัน
มันเท่ากับทรยศต่อตัวเอง
แล้วคนที่ทรยศต่อตัวเองมันก็ไม่มีค่าของความเป็นคนเหมือนกัน
ดังนั้น
ผมขอส่งความอาลัย ขอส่งความรำลึกถึง ขอส่งความคารวะสดุดีแก่ดวงวิญญาณคนเสื้อแดงผู้วายชนม์อีกครั้ง
แล้วก็ขอขอบคุณพี่น้องนะครับ มั่นใจว่าพูดยาวไป
ถ้าเป็นวันอื่นพี่น้องก็อาจจะมีเวลาฟัง วันนี้ผมประเมินแล้วหลายคนก็มีธุระไปที่อื่นต่อ
เข้าใจกัน ๆ วัยรุ่นก็อย่าใจร้อน ที่พวกเราไม่ได้จัดกิจกรรมในเชิงมวลชนในวันนี้แล้วก็หลายปีที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่จะจัดวันที่ 10เมษา เพราะเราเห็นว่าประวัติศาสตร์การต่อสู้นี้มันเป็นการหล่อหลอมหัวใจด้วยกันของคนหลายกลุ่ม
นปช. แน่นอนเป็นองค์กรนำหลัก แต่ยังมีกลุ่มพี่น้องเสื้อแดงหลากหลาย
แม้กระทั่งพี่น้องที่รู้สึกว่าไม่ได้มาตามการนำของกลุ่มใด
แต่มาตามเสียงหัวใจของตัวเองก็ไม่ใช่น้อย ดังนั้น การมีหลาย ๆ
กลุ่มแสดงตัวเป็นเจ้าภาพนัดหมายจัดกิจกรรม ผมคิดว่าเป็นความงามของวันประวัติศาสตร์นี้
มันจะได้แสดงและอธิบายต่อคนรุ่นหลัง ว่าเมษาพฤษภา53 มันมีคนหลายกลุ่ม
มันมีเสื้อแดงที่เรียกตัวเองหลากหลายรวมใจอยู่ด้วยกัน นปช.ก็แน่ล่ะ
แต่ว่ายังมีกลุ่มอื่นอีก แล้วเท่าที่ทราบวันนี้หลาย ๆ กลุ่มเขาก็จะแสดงการรำลึกกัน
รวมทั้งคนหนุ่มสาวที่เขากำลังออกมาต่อสู้ เขาก็จะได้มายืนเคียงข้างเรา
วันนี้ใครไปเดินอยู่ราชประสงค์ก็ประเมินกำลังตัวเองกันด้วยนะครับ
ไม่ใช่ว่าอะไรยังไงก็จะออกตัววิ่งเหมือน 12 ปีที่แล้ว มันผ่านมา 12 ปีแล้วนะครับเราน่ะ
บางคนอยู่บ้านเวลาเดินข้อต่อลั่นอย่างกับบานพับประตูเป็นสนิม
เพราะฉะนั้นวันนี้ก็พอหอมปากหอมคอนะครับ แต่ผมก็เชื่ออีกนะ เตือนกันได้ก็แค่ตรงนี้
พอลงสนาม เด็กก็เด็กเถอะ ไม่ทันเรา แล้วก็ถ้าเกิดว่าไปแถว ๆ
นั้นแล้วมีบางเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่เขาออกมาประกาศ ออกมาแสดงตัว
อาจจะมาทำอะไรที่มันอาจจะขัดอกขัดใจบ้าง ก็อย่าไปด่าเขาให้รุนแรง
เอาแค่พอให้เข้าใจว่าประชาชนไม่ได้มาสร้างความเสียหาย เขามารำลึกผู้สูญเสีย
เสร็จแล้วก็กลับบ้าน ทุกอย่างจะเกิดขึ้นและจบลงโดยสงบตามเจตนารมณ์ของคนจัดงานและตามความมุ่งหมายของคนที่ไปร่วมงาน
ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น ขอบคุณครับ
#คนเสื้อแดง #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์