#12ปีพฤษภา53 ตอนที่ 2
จากบทบรรยาย
"ยุทธการยิงนกในกรง"
(เหตุการณ์หลัง 10 เมษายน 2553 – 20 พฤษภาคม 2553)
ยุทธการกระชับวงล้อมราชประสงค์
– ปฏิบัติการขั้นที่ 1
ปฏิบัติการขั้นที่
1 เริ่มต้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 แต่ในความเป็นจริง ปฏิบัติการยุทธการกระชับวงล้อมของรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่
12 พฤษภาคม 2553 เพราะนายอภิสิทธิ์ได้สั่งการในที่ประชุม
ศอฉ. ให้ฝ่ายทหารเริ่มปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้ เพื่อยุติการชุมนุม จนมาถึงวันที่
13 พฤษภาคม 2553 ได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความรุนแรงฉบับที่
2 จากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
โดยเริ่มมาตรการระงับบริการสาธารณะและปิดล้อมแยกราชประสงค์อย่างสมบูรณ์ และชี้แจงมาตรการจากเบาไปหาหนัก
และรวมถึงการใช้กระสุนจริงในการปราบปรามประชาชนด้วย
7
ชั่วโมงเศษหลังจากการแถลงของ ศอฉ. ความสูญเสียศพแรกของยุทธการกระชับวงล้อมจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เริ่มขึ้น
นั่นคือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ซึ่งถูกยิงด้วยสไนเปอร์ขณะกำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
กระสุนพุ่งเข้าใส่หน้าผากขวาของเสธ.แดงกดทะลุท้ายทอย ซึ่งก็ยืนยันได้ว่าถูกยิงจากที่สูง
ซึ่งนั่นก็หมายถึงหน่วยสไนเปอร์ของกองกำลังทหารนั่นเอง การตายของเสธ.แดงนั้น ในยุทธศาสตร์ของทหารได้ให้ความสำคัญว่า
เสธ.แดงเป็นตัวจักรสำคัญทางด้านการวางแผน การดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้ชุมนุมเสื้อแดง
การปลิดชีพเสธ.แดงได้นั้น ทหารถือว่าเป็นการโค่นผู้นำทางทหารของคนเสื้อแดง รายละเอียดการเสียชีวิตของเสธ.แดงนั้นระบุว่า
ขณะที่ เสธ.แดง กำลังเดินตรวจแนวการ์ดนปช. บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาถูกซักถามโดยนักข่าว
โดยในเวลานั้นมีนักข่าวหรือช่างภาพไม่ทราบสังกัดคนหนึ่งเปิดไฟแฟลชเป็นระยะ
ราวกับกำลังชี้เป้าให้มือสังหาร และมีการหน่วงเหนี่ยว เสธ.แดง ด้วยการพูดคุยนานจนผิดปกติ
โดยกระสุนที่สังหาร เสธ.แดง นั้น เป็นกระสุนยี่ห้อลาปัว ขนาด.308 จากอาวุธปืนไรเฟิลแรงสูงเข้าที่ศีรษะและบริเวณเสื้อเกราะที่หน้าอกอีก 1
นัด และเสียชีวิตด้วยอาการไตวายในวันที่ 17 พฤษภาคม
2553
นอกจากการตายของ
เสธ.แดง แล้ว อีก 1
ศพของวีรชนคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากยุทธการกระชับวงล้อมของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์คือ
นายชาติชาย ชาเหลา ในเวลา 22.50 น. บริเวณปากซอยศาลาแดง 1
ซึ่งถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ศีรษะ สมองฉีกขาด กะโหลกแตกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงถึงความโหดร้ายของปฏิบัติการนี้ตั้งแต่เริ่มต้น
#คนเสื้อแดง #ยุติธรรมไม่มี12ปีเราไม่ลืม
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์