วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

“พิธา” ยื่นประกันตัว “ตะวัน” ครั้งที่ 2 มองปัญหาด้านสุขภาพควรสำคัญกว่าเรื่องเอกสาร เชื่อวันนี้ได้ข่าวดี

 


“พิธา” ยื่นประกันตัว “ตะวัน” ครั้งที่ 2 มองปัญหาด้านสุขภาพควรสำคัญกว่าเรื่องเอกสาร เชื่อวันนี้ได้ข่าวดี


วันนี้ (20 พ.ค. 65) ที่ศาลอาญา รัชดา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาเพื่อใช้ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นหลักประกัน ในการขอประกันตัว ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ “ตะวัน” นักกิจกรรมวัย 20 ปี ในคดีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งถูกกล่าวหาจากการไลฟ์สดก่อนมีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 65 โดยการขอประกันตัวในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว 


โดย “พิธา” เน้นย้ำในหลักสากล ICCPR ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะได้รับการไต่สวน สำหรับ “ตะวัน” นั้น เป็นห่วงในวิกฤตด้านสุขภาพ เนื่องจากได้อดอาหารมาเป็นเวลา 30 วันแล้ว ขณะที่การยื่นขอประกันครั้งที่แล้วไม่สำเร็จนั้น ตนก็เพิ่งทราบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับเอกสาร แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้าเงื่อนไขในด้านเอกสารที่ไม่ครบจริง แปลว่าวันนี้ก็อาจจะได้ข่าวดี ที่ “ตะวัน” อาจจะได้รับการประกันตัวชั่วคราว


“ผมไม่แน่ใจว่าการเรียงลำดับความสำคัญระหว่างเรื่องหลักการนิติรัฐ นิติธรรม ซึ่งเป็นหลักสากล เรื่องของสิทธิมนุษยชน ในการปล่อยตัวผู้ต้องหาให้ออกมาสู้คดี และเรื่องของวิกฤตสุขภาพ มันควรจะไล่ลำดับมาอย่างนั้น ระบบ คน สิทธิมนุษยชน แล้วค่อยเป็นเรื่องเอกสาร” พิธา กล่าว

 

“พิธา” กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเอกสารนั้น ตนไม่ได้ไร้เดียงสาจนจะไม่รู้ว่ามีความแตกต่างระหว่างหนังสือรับรองเงินเดือนและสลิปเงินเดือน อีกทั้งทนายของตนยังบอกว่าเอกสารเหล่านี้สามารถจัดส่งได้ แต่ตนมองว่าข้อแตกต่างนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเรื่องของสุขภาพนั้นสำคัญกว่า แต่ถ้าศาลคิดว่าเป็นประเด็นสำคัญจริง วันนี้เราคงได้ฟังข่าวดี


ในส่วนของผู้ต้องหาทางการเมืองคนอื่น ๆ ที่ถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ ทางส.ส.ของพรรคก้าวไกล ได้เตรียมรายชื่อผู้ต้องหาเหล่านั้นไว้แล้ว และจะทำตามหน้าที่ในการยื่นขอประกันตัว และรอให้มีการแก้ไขกฎหมาย เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน 5 ฉบับ ที่เคยเสนอไป รวมถึงประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย แต่ยังไม่แน่ใจว่า สภาจะบรรจุเข้าวาระการประชุมเมื่อใด เพราะขณะนี้กฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนของไทยยังคงมีปัญหาอยู่ “พิธา” กล่าว


“การที่คุณจะฝากขังบุคคลอายุ 20 ปี คนหนึ่งให้ถูกลิดรอนเสรีภาพไปโดยไม่มีการไต่สวน ไม่มีการเบิกพยานใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องใช้ดุลยพินิจเยอะ คนคนเดียวคงไม่พอ ถ้าเป็นต่างประเทศต้องใช้หลายลายเซ็น เป็นเรื่องที่ผมได้ฝาก ส.ส. ด้านกฎหมาย ให้ช่วยดูว่าการฝากขัง ไม่ควรจะใช้ดุลพินิจของคนแค่คนเดียว เป็นสิ่งที่ผมอยากพัฒนาให้เป็นสากลมากขึ้น” พิธา กล่าวในที่สุด


#ตะวัน #มาตรา112

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์