ธิดา
ถาวรเศรษฐ :
เมื่อ “ประยุทธ์” ยกตนเป็น “พระราม” !!!
แลไปข้างหน้า กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.82
สวัสดีค่ะ
วันนี้ความเป็นจริงเป็นช่วงเวลาที่เราอยู่ในวิกฤติหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์ของความเสี่ยงที่จะมีสงครามโลกครั้งใหม่เกิดขึ้นก็ได้
แต่อย่างน้อยที่สุดแม้นจะไม่เป็นสงครามโลก
ปัญหาระหว่างประเทศก็จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจที่กระทบกระเทือนทั้งโลก
ในประเทศไทยเรามีวิกฤติในเรื่องโควิดอยู่แล้ว
เรามีวิกฤติเศรษฐกิจอยู่แล้ว
และเรามีวิกฤติการเมืองเรื้อรังมานับจากการทำรัฐประหารครั้งหลังยาวนานอยู่แล้ว
ดังนั้นมันจึงเป็นวิกฤติซ้อนวิกฤติ วิกฤติโลกซ้อนวิกฤติการเมือง การปกครอง
และเศรษฐกิจไทย
ท่ามกลางปัญหาที่หนักหนาสาหัส
วันนี้ที่ดิฉันอยากจะพูดก็คือ พูดถึงวิกฤติผู้นำ มันอาจจะเป็นเรื่องเบา
วันนี้ก็ขอคุยเรื่องเบา ๆ ก็คือ
เมื่อประยุทธ์ยกตนเป็นพระราม!!!
ฟังดูมันก็จะเป็นเรื่องตลก
แต่จริง ๆ ดิฉันอยากจะถามฝ่ายจารีตนิยมทั้งหลาย ซึ่งเป็นเครือข่ายในการสนับสนุน
พล.อ.ประยุทธ์ฯ ให้ทำรัฐประหาร มาจนกระทั่งถึงบัดนี้ จะว่าไปก็เป็นเครือข่ายที่สนับสนุนให้มีการกวาดล้างจัดการรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเป็นยุคคุณทักษิณ, คุณยิ่งลักษณ์ มาจนกระทั่งทำรัฐประหาร 2 รอบ
และมาจนกระทั่งบัดนี้
เครือข่ายเหล่านี้ไม่รู้สึกอะไรหรือในการที่คุณประยุทธ์บอกว่าจะเป็น “พระราม”
เพราะว่าถ้าคุณเป็นฝั่งจารีตนิยมจริง ๆ คุณต้องเข้าใจว่า “พระราม”
ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในรามเกียรติ์และมาจากรามายณะ
นั่นก็คือเรื่องราวของวรรณะกษัตริย์ที่เป็นจักรพรรดิราช ซึ่งถือว่าเป็น “อริยกะ”
หรือ “อริยชน” แล้วรุกรานเชื้อชาติ ชนชาติที่ด้อยกว่า
มันจึงเป็นตัวละครพระรามกับทศกัณฐ์ แต่ทศกัณฐ์ก็เป็นกษัตริย์นะคะ
พระรามก็เป็นกษัตริย์
ดังนั้น
การยกตนเป็น “พระราม” ควรจะเข้าใจว่ารามายณะกับรามเกียรติ์มีที่มาที่ไปอย่างไร?
และทำไมเขาถึงเขียนขึ้นมา? ทำไมมันถึงอยู่ยาวนานสืบทอดมาได้?
แล้วดิฉันก็ยังไม่เคยเห็นว่ามีใครที่กล้าบอกว่าตัวเองจะเป็น “พระราม” เมื่อคุณประยุทธ์บอกว่าจะเป็น
“พระราม” ดิฉันก็คิดว่าอันนี้มันก็เป็นวิกฤตินะ ก็คือถ้าเข้าใจว่า “พระราม”
ก็คือตัวแทนธรรมะ ตัวแทนความชอบธรรม ตัวแทนของผู้นำที่เป็นกษัตริย์
ที่สามารถทำสงครามรุกรานจัดการกับแว่นแคว้นอื่น
หรือจะเป็นพลพรรคของกลุ่มที่เป็นพวกด้อยกว่า
ถ้าดูตามนี้
ถ้าเป็นภาษาโบราณเขาอาจจะใช้คำว่า “ยกตน” แต่ว่ากันจริง ๆ นี่คือ “เหิมเกริม”
เลยล่ะ
คุณเหิมเกริมถึงขนาดยกตัวเองเป็นกษัตริย์ที่เป็นจักรพรรดิที่มีความชอบธรรมในการไปกวาดล้างไปฆ่าพวกที่ต่ำชั้นกว่า
ขนาดนี้เชียวหรือ? ดิฉันว่ามันก็มีเส้นบาง ๆ ระหว่างความเป็นเผด็จการที่มีลักษณะทางบ้าคลั่ง
หรือถ้าในโบราณเขาก็เทียบจักรพรรดิเนโร (Nero)
ซึ่งมีความสนุกโดยการเผาเมือง หรือว่าเผด็จการที่หลงตัวเองว่ามีความชอบธรรม
สามารถที่จะจัดการกับใครก็ได้ ดิฉันไม่เห็นพวกจารีตนิยมคนไหนออกมาพูดเลย
เป็นอะไรไป? ถูกสาปหมดเลยเหรอ? ไม่รู้เหรอว่ารามเกียรติ์ รามายณะ บอกอะไรกับโลก
แล้วทำไมมันถึงเกิดมหากาพย์ยิ่งใหญ่
“รามายณะ”
มาคู่กันกับ “มหาภารตะยุทธ” ซึ่งเป็นมหากาพย์สำคัญของอินเดียแล้วก็ถือว่ามีฤาษีวาลมีกิเป็นผู้เล่าเรื่อง
แต่ว่า “รามายณะ” ก็เป็นต้นธารของวัฒนธรรมของจักรพรรดิในการที่จะ
ถ้าว่าไปเป็นการตีความซึ่งค่อนข้างตรงกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ดิฉันพูดคนเดียว
ก็คือความชอบธรรมของชนชาติอริยกะในการยกกองทัพมาจัดการกับคนที่ด้อยกว่า
ซึ่งได้แก่พวกกลุ่ม “ดราวิเดียน” หรือเราเรียกเป็นไทยว่า “ทราวิฑ”
หรือแม้กระทั่งกลุ่มอารยะชนที่น้อยกว่าในภาคใต้ พูดง่าย ๆ
ก็คืออารยันในการยกกองทัพเข้ามายึดพื้นที่แล้วก็ปราบปรามกลุ่มชนพื้นเมือง
ซึ่งกลายเป็นพวกของทศกัณฐ์ในการที่จะรุกราน แล้วก็เกิดมหากาพย์ว่าชอบธรรมอย่างไร?
ทำไมถึงรุกราน? ก็เกิดตัวละครสีดาขึ้นมา แล้วตัว “พระราม”
ความชอบธรรมในฐานะจักรพรรดิราชก็ถือว่าเป็นนารายณ์อวตารมา
ส่วนเรื่องของทศกัณฐ์
เรื่องนนทก เรื่องอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ดิฉันก็อยากจะเรียนอีกว่า ต้นธาร “รามายณะ”
นั้นไม่เหมือนกับ “รามเกียรติ์ไทย” เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจว่า “รามายณะ” นั้น
แน่นอนมีตัวละครใหญ่เหมือนกัน มีพระราม มีนางสีดา มีพระลักษณ์ แล้วก็มีทศกัณฐ์
เพราะว่าเขาเขียนเป็นโศลก (คําประพันธ์ในวรรณคดีสันสกฤต 4 บาท เป็น 1 บท
ตามปรกติมีบาทละ 8 พยางค์ เรียกว่า โศลกหนึ่ง) แล้วก็มีการลักพาตัวสีดาเหมือนกัน
บางคนก็บอกไปเทียบกับมหากาพย์ของทางยุโรปคืออีเลียด อันได้แก่สงครามเมืองทรอย
นั่นก็คือไปลักพาตัวมาเหมือนกัน ตัวที่เป็นเฮเลน ตัวนางเอกว่างั้นเถอะ เพราะฉะนั้น
ก็มีความใกล้เคียงกัน คือปัญหาความชอบธรรมในการบุกรุกอีกแคว้นหนึ่ง และความไม่ชอบธรรมของแคว้นที่ถูกบุกรุกก็คือ
ไปลักขโมยภรรยาของเจ้าเมืองอีกเมืองหนึ่ง อันนั้นก็คือ “รามายณะ”
คือความชอบธรรมในการมารุกราน
และความชอบธรรมในฐานะจักรพรรดิราชที่เชื่อมโยงกับเทพ ซึ่งก็คือพระนารายณ์
เพราะฉะนั้นทั้งหมดมันมีเรื่องเชื่อมโยงกับเทพเจ้า ก็คล้าย ๆ ในยุโรปเหมือนกัน
ดิฉันขอเลี้ยวมาประเทศไทย คือเอาโดยตรงเลย
รามเกียรติ์ประเทศไทยนั้นเป็นงานเขียนขึ้นมาทีหลัง ที่เป็นบทละครชัดเจนก็คือในสมัย
ร.1 และ ร.2 แต่ถามว่ารามเกียรติ์มันเกิดขึ้นมาในประเทศไทย
ถ้าเราเห็นชัดเจนประจักษ์พยานเลยก็คือ เราจะพบว่าเหมืองหลวงของไทยซึ่งเป็นเมืองหลวงที่อยู่ในอิทธิพลของ
“รามายณะ” หรือ “รามเกียรติ์” เต็มที่เลยก็คือเมืองหลวงอยุธยา อโยธยา
มันเหมือนในมหากาพย์ แล้วพระเจ้าแผ่นดินก็คือ “พระราม”
เพราะฉะนั้น
เราจะเห็นว่าสมเด็จพระรามาธิบดี ตั้งแต่ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 คือ พระเจ้าอู่ทอง
กษัตริย์พระองค์แรกแห่งกรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์อู่ทอง) นี่คือการสร้างบ้านแปลงเมือง
ก็คือต้องการให้คนยอมรับ พูดตรง ๆ ว่าข้าพเจ้าคือพระราม ข้าพเจ้ามาจากพระนารายณ์
เมืองก็ต้องเป็นเมืองแบบเดียวกันก็คือชื่ออโยธยา หรืออยุธยา
อันนี้เป็นการตั้งชื่อเพื่อที่จะให้ชัดเจน
แต่แน่นอน ความหมายหลังจากนั้นก็ถือว่าพระราม ลูกหลานพระรามหมด ทีนี้ราชวงศ์สุพรรณภูมิ
ก็คือ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พอมีการเปลี่ยนราชวงศ์เพื่อให้การยอมรับ
นี่ก็เป็นพระรามอีกเหมือนกัน
สมเด็จพระรามาธิบดีที่
3 ที่มาตั้งและเน้นก็คือ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์องค์ที่ 27
แห่งกรุงศรีอยุธยา (ราชวงศ์ปราสาททอง) เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
เพราะว่าสมัยพระนารายณ์นั้นพูดตรง ๆ ว่าพี่น้องฆ่ากันมาก มีการปราบดาภิเษก
ทีนี้พอมาขึ้นราชวงศ์จักรี
ก็กลายเป็น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4 หรือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พอมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ก็เป็นพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5
อย่าลืมว่าการเขียนเรื่องรามเกียรติ์ที่เป็นบทละครชัดเจนที่มีพิมพ์ก็คือในสมัย ร.1
กับ ร.2 แห่งราชวงศ์จักรีนี้เอง แล้วก็ตามด้วย ร.3 ก็คือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6
หรือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพราะฉะนั้น
เราจะเห็นชัดว่าราชวงศ์จักรี ซึ่งเป็นราชวงศ์ใหม่ ตั้งใจจะแสดงตัวในฐานะ “พระราม”
คุณประยุทธ์ถ้าฟังมาถึงตรงนี้นะ ถ้าฟังนะ สยองบ้างมั้ย? แล้วคุณจะเป็น “รามาธิบดี”
ด้วยเหรอ? หรือยังไง? บอกจะเป็น “พระราม” อ่ะ
คำนำพระรามของ
“รามาธิบดี” ก็ใช้มาตลอด พอมาสมัย ร.4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ก็มีการเปลี่ยนและตั้งชื่อขึ้นมาใหม่หมด (เริ่มจากต้นราชวงศ์) ความจริงก็เรียกมาหมด
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 4 หรือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5 หรือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6 หรือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่
7, พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 8, พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 9,
พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 10 รามาธิบดีหมด!
คุณดูสะพานหรือถนนซิ! พระราม
1, พระราม 2, พระราม 3, พระราม 4
ความหมายก็รู้ว่าหมายถึงสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ทั้งนั้น พระราม5, พระราม 6,
พระราม 7, พระราม 8, พระราม 9 ดิฉันยังไม่แน่ใจว่าขณะนี้มีถนนหรือสะพานพระราม 10
หรือเปล่า? ก็หมายถึงพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน เวลาเราพูดในภาษาอังกฤษ อ.ธิดา
ก็ไม่ใช่เป็นคนที่ภาษาเก่งกาจอะไร แต่เวลาเราเล่าประวัติศาสตร์เราก็จะ Rama
1, Rama 2 ก็คือเรียกตามนี้ ก็คือเป็นพระรามหมด
อันนี้พูดง่าย
ๆ เขาถือสัญลักษณ์ “พระราม” ที่ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่บางคนก็บอกว่า
“พ่อขุนรามคำแหง” ก็ “พระราม” เหมือนกัน แปลว่าสุโขทัยก็มี “พระราม” คือเรารับ
“รามายณะ” มาจาก “ขอม” อันนี้น่าจะแน่นอน แล้วการแสดงของ “รามายณะ” ของเราก็ส่งให้
“พม่า” ส่วนลาว, กัมพูชา แถบนี้ก็ถือว่าใกล้ “ขอม”
เพราะว่าอาณาจักรสุโขทัยกับอาณาจักรอยุธยานั้น อยู่ในช่วงเวลาของอาณาจักรขอม
ซึ่งอยู่ในเวลาเดียวกันแต่เป็นนครรัฐต่างหาก จนกระทั่งอาณาจักรขอมเสื่อม
เมื่ออยุธยามีความสามารถไปตีได้ ตีแตก จนกระทั่งต่อมาต้องย้ายเมืองหลวงไปพนมเปญ
เพราะฉะนั้น วัฒนธรรมขอม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการแสดง ในเรื่องของความเชื่อ
เรื่องของพราหมณ์ เรื่องของภาษา
ทุกอย่างของอาณาจักรขอมก็มาอยู่อยุธยาเต็มรูปแบบเลย หลังจากที่เรา พูดตรง ๆ ว่า
กวาดล้างขอมไปได้ จนกระทั่งหลายคนก็บอกว่า “ขอม” ไม่มีแล้ว
คำว่าอาณาจักรขอมมันหมายถึงราชวงศ์และพวกสมณะพราหมณ์ พวกข้าราชการ ขุนนาง
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนสักเท่าไหร่ คือความเจริญมันจะอยู่ในราชสำนัก
แล้วก็มีวัง มีศาสนสถาน แต่ว่าประชาชนก็คือข้าทาส เป็นทาส
ในยุคก่อนมีแต่ทาสกับขุนนาง กับเจ้า แต่ในราชวงศ์จักรี คือขุนนางมีไพร่ ก็มีไพร่สม
ไพร่หลวง
มาถึงตอนนี้ดิฉันอยากจะบอกว่า
“รามายณะ” ที่มาอยู่กับไทยนั้น อยู่ยาวนาน แล้วมันได้แปลง
อย่าไปคิดว่ามันเหมือนกันนะ ที่เขาเขียนเป็นโศลก
ของที่ฤาษีวาลมีกิเขียนเอาไว้มันประมาณ 7 ชุดใหญ่
แต่ของเรามาแต่งหมดให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย เช่น หนุมานเจ้าชู้ มันไม่มีหรอกของ
“รามายณะ” แต่ของไทยนี่เจ้าชู้มาก จะต้องมีเมียเยอะแยะเต็มไปหมด อะไรต่าง ๆ
เหล่านี้เป็นต้น
คำว่า
“รามเกียรติ์” ก็คือการเทิดเกียรติพระราม ก็คือการเทิดเกียรติพระราชา ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่ว่าเมื่อมีการขึ้นราชวงศ์ใหม่
มีการขึ้นเมืองหลวงใหม่ สมัยพระเจ้ากรุงธนก็พยายามจะทำ (เขียนเรื่องรามเกียรติ์)
แต่ว่าเนื่องจากเวลาสั้น พอมาราชวงศ์จักรี ขึ้นราชวงศ์ใหม่ มีเมืองหลวงใหม่
ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเขียนเรื่องรามเกียรติ์เพื่อเทิดพระเกียรติ
“เกียรติ์” อีกส่วนหนึ่งก็คือ “เกียรติ” ก็คือเทิดเกียรติพระราม
ก็คือเทิดเกียรติกษัตริย์
ดิฉันพูดมายาวนานทั้งหมดเพื่อไล่ให้คนบางส่วนที่เหิมเกริมว่าตัวเองเป็น
“พระราม” จะได้รู้ที่มาที่ไปว่ามันเป็นการเทิดพระเกียรติ ถ้าเป็น “รามายณะ” ก็คือจักรพรรดิราชที่จะรุกรานและก็ฆ่าฟันพวกที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า
อ้างตัวเองเกี่ยวข้องกับเทพเจ้า ก็คือพระนารายณ์ นอกจากนั้นก็คืออ้างความชอบธรรม
ประหนึ่งว่าเป็นจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรม และฝั่งทศกัณฐ์ก็เป็นกษัตริย์เหมือนกัน
แต่เป็นกษัตริย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์ยักษ์ ถ้าเป็นทางอินเดียเขาไม่เรียกว่ายักษ์
เขาเรียกรากษส ก็สุดแล้วแต่ว่าจะออกเสียงกันขนาดไหน ของเรานั้นถือเป็นยักษ์ไปเลย
ก็ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า ซึ่งก็ประหนึ่ง “อารยัน” รบกับพวก “ดราวิเดียน”
หรือ “ทราวิฑ” แล้วกลุ่มเหล่านี้ก็คือตีจากเหนือลงไป (จนถึงลังกา)
แต่พอมาในประเทศไทย
เรื่องนี้ก็คือเป็นการเทิดพระเกียรติกษัตริย์
พร้อมกันนั้นก็ถือว่าผู้ที่มาครองอำนาจนี้เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในฐานะ “พระราม”
ซึ่ง “พระนารายณ์” อวตารมา และนอกจากนั้นยังเป็นฝ่ายที่ชอบธรรม เพราะฉะนั้นคำว่า
“รามาธิบดี” จึงถูกใช้ในราชวงศ์จักรี ร.1 คือพระรามที่ 1 จนมาถึง ร.10
ก็คือพระรามที่ 10
แล้วคุณจะเป็นพระรามได้ยังไง?
เพราะว่าโดยจุดมุ่งหมายดิฉันไม่เคยได้ยินใครบอกว่าเป็นตัวพระราม
นอกจากวรรณะกษัตริย์ แล้วอินเดียเขาเน้นเรื่องวรรณะมาก
คนที่จะบอกว่าตัวเองเป็นพระรามต้องเป็นวรรณะกษัตริย์ ต้องมีธรรมะ
มีความชอบธรรมที่จะจัดการกับคนอื่น
ดิฉันถามว่า...เมื่อคุณประยุทธ์บอกว่าเป็นพระราม
วิกฤติมั้ย วิกฤติแล้ว ถามว่าถ้ารู้จริงในฐานะตัวคุณเป็นจารีตนิยม คำหนึ่งก็ชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ 20 คำก็ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คนอื่นโดน 112 หมด เอ๊ะ! อยากเป็นพระราม
อย่างนี้ไม่ใช่ 112 บ้างหรือไง? ห๊ะ!
ตำแหน่งพระรามเขามีไว้ให้กับกษัตริย์เท่านั้น แล้วทำไมทีเด็ก ๆ ไปใส่ชุดสั้น ๆ
เขาเรียกว่าครอปท็อป หรือว่าแต่งชุดอะไรนั่นโดน 112 แต่คนที่บอกว่าข้าคือพระราม
คุณอยู่ได้ยังไง? มันเป็นความบังอาจ ความเหิมเกริม ดิฉันพูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่ากษัตริย์
(เป็นเทพเจ้า) ถ้าในยุคสมัยใหม่ต้องถือว่ามันเป็นสิ่งที่ได้รับการเคารพก็คือประเพณีที่ได้สืบทอดกันมา
แต่ว่าโดยคติของคนยุคปัจจุบันก็คือเท่าเทียมกัน
แต่เรามีการยกเว้นว่าประเพณีที่สืบทอดกันมา ถ้าไม่ขัดขวางความเจริญ ถ้าไม่ทำให้สังคมเสียหาย
ประเพณีเหล่านั้นก็ยังคงเอาไว้ แต่มันก็ต้องรู้ที่มาที่ไป พอมาเจองานนี้
คุณประยุทธ์ ซึ่งพร่ำเพ้อ แล้วก็พูดถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
แล้วก็เอาเรื่องการจงรักภักดีต่าง ๆ มาตีคนอื่นหมด แต่ตัวเองบอกว่าเป็น “พระราม”
แปลว่าอะไร? คุณอยู่ในวรรณะไหน? แล้วคุณคิดว่าคุณชอบธรรมที่จัดการใครก็ได้
อันนี้มันยิ่งกว่าเผด็จการนะคะ.
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์
ขอบคุณภาพประกอบจาก : มติชนออนไลน์, บ้านเมือง