วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

โลกระทึก! รัสเซียบุกยูเครน 4 ทิศ ขณะที่ยูเครนประกาศเกณฑ์ทหารทั่วประเทศ พร้อมแจกอาวุธให้ประชาชนทุกคนเพื่อเตรียมสู้รบกับรัสเซีย

 


โลกระทึก! รัสเซียบุกยูเครน 4 ทิศ ขณะที่ยูเครนประกาศเกณฑ์ทหารทั่วประเทศ พร้อมแจกอาวุธให้ประชาชนทุกคนเพื่อเตรียมสู้รบกับรัสเซีย


เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 กองทัพรัสเซียได้เริ่มทำการบุกโจมตีประเทศยูเครนโดยเริ่มต้นจากการยิงขีปนาวุธและจรวดเพื่อทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเป้าหมายทางทหารอื่น ๆ ทั่วยูเครน ท่ามกลางเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศที่ดังระงมทั่วกรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศยูเครน และหัวเมืองใหญ่อื่น ๆ ทั่วประเทศ 


ก่อนหน้าที่จะมีการโจมตี ประธานาธิบดีปูตินได้แถลงการณ์ออกอากาศทางโทรทัศน์ของรัสเซียว่า จะมีปฏิบัติการทางทหารพิเศษเพื่อคุ้มครองสาธารณรัฐประชาชนดอเนียสค์และสาธารณรัฐประชาชนลูกังส์ ซึ่งเป็นสองแคว้นที่กลุ่มกบฏนิยมรัสเซียแยกตัวออกมาจากยูเครนตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยอ้างเหตุผลในการปฏิบัติการเพื่อป้องกันมิให้กลจักรสงครามขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ  (NATO) เคลื่อนเข้ามาประชิดรัสเซีย โดยองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) นำโดยสหรัฐอเมริกาและมีจุดประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อล้อมกรอบอดีตสหภาพโซเวียตและรัสเซียทางการทหารและก่อนหน้านี้ยูเครนแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) และเพื่อต่อต้านกลุ่ม  “ขวาจัด-นาซีใหม่” ในยูเครน ซึ่งปูตินอ้างว่าต้องการจะ “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ผู้ที่พูดภาษารัสเซียในยูเครน


หลังจากนั้นรัสเซียได้ส่งกำลังทหารบุกผ่านพรมแดนระหว่างรัสเซียกับยูเครนหลายด้าน โดยมีผู้คาดการณ์ว่ารัสเซียตระเตรียมกำลังทหารในครั้งนี้ถึง 190,000 นาย และทำการบุกจาก 4 ทิศทาง 


ทิศทางแรกคือจากตอนเหนือของยูเครนผ่านทางเบลารุส รุกเข้าสู่กรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนโดยตรง กองกำลังรัสเซียสามารถยึดซากเตาปฏิกรณ์ปรมาณูเชอร์โนบีล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน 130 กิโลเมตร และส่งกำลังเข้าควบคุมสนามบินนานาชาติอันโตนอฟ ณ ชานกรุงเคียฟ และห่างจากใจกลางเมืองหลวงเพียงแค่ 37 กิโลเมตรเท่านั้น โดยมีรายงานว่าเบลารุสส่งกำลังทหารเข้าร่วมและให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของรัสเซียอีกด้วย


ทิศทางที่สองคือทางตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีเป้าหมายรุกเข้าไปยังเมืองคาร์คีฟซึ่ งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการปกครองของยูเครนตะวันออก และมีประชากรที่พูดภาษารัสเซียร้อยละ 74 รัสเซียได้ใช้ขีปนาวุธโจมตีสนามบินคาร์คีฟและส่งกองกำลังข้ามแดนเข้ามา และกำลังปะทะกับกองทัพยูเครนบริเวณรอบนอกของเมืองคาร์คีฟ


ทิศทางที่สามคือทางตะวันออกโดยรัสเซียได้ใช้จรวดหลายลำกล้องระดมยิงจากบริเวณพื้นที่แคว้นลูกังส์และดอเนียสค์ เข้าไปพื้นที่ของยูเครน และคาดว่ามีเป้าหมายบุกไปยังเมืองมารียูโปล ซึ่งอยู่ริมทะเลอาซอฟและสามารถเชื่อมพื้นที่แคว้นลูกังส์และดอเนียสค์เข้ากับแหลมไครเมีย ซึ่งรัสเซียยึดครองอยู่แล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2558


ทิศทางที่สี่ คือทางใต้จากแหลมไครเมีย รัสเซียสามารถยึดเมืองเคอร์ซอนและสถานีไฟฟ้าพลังงานน้ำคาคอฟกาที่ปากแม่น้ำดนีเปอร์ ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญของยูเครน โดยมีเป้าหมายเพื่อที่จะยึดแหล่งพลังงานและน้ำจืดที่ป้อนให้แหลมไครเมีย ซึ่งรัสเซียยึดจากยูเครนตั้งแต่ ค.ศ. 2014 และเตรียมการขยายแนวรบไปถึงเมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมต่อเรือของยูเครน


ล่าสุดทางการยูเครนออกมาแถลงข่าวว่ายังมีการสู้รบต่อเนื่อง มีทหารยูเครนเสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 56 นาย พร้อมทั้งประกาศเกณฑ์ทหารทั่วประเทศ รวมถึงแจกอาวุธให้ประชาชนทุกคนเพื่อเตรียมสู้รบกับรัสเซีย และสามารถยิงเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินขับไล่ และเครื่องบินลำเลียงของรัสเซียตก


ส่วนทางรัสเซียยังไม่มีแถลงการณ์ในเรื่องขอบเขตของปฏิบัติการณ์และความเสียหายแต่อย่างใด ในขณะที่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ประกาศเตรียมเพิ่มกำลังทหารในประเทศที่อยู่ติดกับยูเครนเช่นโปแลนด์ โรมาเนียและเพิ่มกิจกรรมทางทหาร แต่ยังไม่มีการส่งกำลังทหารขององค์การดังกล่าวเข้าไปในยูเครน


#รัสเซีย #ยูเครน

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์


ขอบคุณภาพประกอบจากสื่อออนไลน์