วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

 


ศาลเลื่อนอ่านฎีกา “ธาริตกับพวก” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาสุเทพ-อภิสิทธิ์ คดีสั่งฆ่าประชาชน เหตุ “ธาริต” ชักเกร็ง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล


วันนี้ (10 ก.พ. 65) เวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำที่อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง


กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ฐานสั่งฆ่าประชาชน  ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ. ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ  จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี


คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด โจทก์ทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์ต่อ ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย


ต่อมาศาลอุทธรณ์ เห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดจริงจึง พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี  ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ต่อมาจำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา


โดยก่อนหน้านี้ศาลนัดอ่านฎีกาคดีนี้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2564 แต่มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาเนื่องจากจำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้ส่งหมายไม่ได้


โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลย 3-4 และในฐานะ ผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่ 1-2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้งสี่มาศาล


ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มา ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แจ้งว่าเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2565 จำเลย ที่ 1 มีอาการชักเกร็งและหมดสติเป็นเวลากว่า 5 นาที หลังได้สติมีอาการแขนขาข้างซ้ายอ่อนแรง ขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ซึ่งแพทย์วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองอุดตันเฉียบพลัน ต้องได้รับการรักษาเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และต้องเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน รายละเอียดปรากฏตามคำร้องฉบับลงวันที่ 9 ก.พ. 2565 พร้อมใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง สำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีให้ของจำเลยที่ 1ให้ทนายโจทก์ที่ 1และทนายโจทก์ที่ 2แล้วแถลงไม่คัดค้านอาการเจ็บป่วยของจำเลยที่ 1 แต่ในการเลื่อนคดีขอให้อยู่ดุลพินิจของศาล


พิเคราะห์แล้วเห็นว่าทนายจำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าจำเลยที่ 1 มีอาการ เจ็บป่วยโดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง กรณีมีเหตุสมควรจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาในวันที่ 21 เม.ย. 2565 หมายศาลแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบโดยส่งไปที่บ้านจำเลยที่ 1 ที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา การส่งไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด ซึ่งเป็นที่อยู่ที่ทนายจำเลยที่ 1แถลงต่อศาลว่าขอให้ส่งหมายให้จำเลยที่ 1 ตามที่อยู่ดังกล่าว และให้ประกาศแจ้งวัน นัดให้จำเลยที่ 1 ทราบ ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อีกทางหนึ่ง

 

ภายหลังนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความนายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นครั้งที่ 2 ในวันนี้ ปรากฏว่าทนายความของนายธาริต จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องต่อศาลพร้อมใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลพญาไท 2 ว่านายธาริตเป็นลม เกิดอาการชักเกร็งหมดสตินาน 5 นาที พอรู้สึกตัวแขนและขาอ่อนแรง ขณะนี้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ศาลจึงอนุญาตให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งวันที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งคดีเหตุจำเป็นที่จะต้องเลื่อนออกไป ส่วนในนัดหน้าก็ต้องดูอีกทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น


เมื่อถามว่าในนัดหน้าจะสามารถอ่านคำพิพากษาได้หรือไม่ นายสวัสดิ์ กล่าวว่า ศาลนัดอ่านคำพิพากษาทุกนัด แต่จะอ่านได้หรือไม่นั้น ต้องดูพฤติการณ์และข้อเท็จจริงของจำเลยว่าในวันนั้นมีเหตุจำเป็นอะไรหรือไม่ ซึ่งไม่อาจจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เมื่อจำเลยมีใบรับรองแพทย์ฝ่ายโจทก์เราก็ต้องให้เกียรติและเคารพกัน ทั้งนี้ก็มีภาพถ่ายมาด้วยว่าจำเลยที่ 1 นอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ส่วนประเด็นที่สื่อถามว่าจะหลบหนีหรือไม่นั้น ตอนนี้คงยังไม่มี เพราะจำเลยมีอาการป่วย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์