แลไปข้างหน้า
กับ ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.57 ตอน ความเข้มแข็งทางการเมืองของผู้ชุมนุมและความชอบธรรม จะนำไปสู่ชัยชนะ
ขณะนี้
ปัจจุบันนี้ สถานการณ์การต่อสู้ของประชาชนดูเหมือนว่าในรูปแบบต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นคาร์ม็อบ หรือรูปแบบการชุมนุมใหญ่ ๆ มันน่าจะถูกจำกัดด้วยเรื่องราวของโควิด
คือโควิดมันก็เป็นทั้งด้านดีในแง่ที่ว่ามันสามารถเปิดโปงความเลวร้ายของการบริหารงานของรัฐบาลได้
แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นอุปสรรคที่สำคัญยิ่งสำหรับประชาชนในการออกมา
มันไม่ใช่แต่เป็นปัญหาพ.ร.ก. แต่มันเป็นปัญหาว่าขณะนี้คนจนเมืองส่วนใหญ่
หรือแม้กระทั่งคนชั้นกลางส่วนใหญ่ก็เป็นห่วงสถานการณ์โควิด
เพราะมันเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง เพราะว่าขณะนี้การระบาดโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ
และในเมืองต่าง ๆ ในต่างจังหวัดนั้น เป็นการระบาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
แล้วรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ซึ่งเราจะใช้เวลาต่อไปในการพูดคุยในปัญหานี้ว่า
แม้กระทั่งเวลานี้มีบทเรียนมากมาย รัฐบาลก็ยังมีจุดอ่อนอีกมากมาย
เราเตือนมาเท่าไรก็ไม่ทำ แล้วที่เตือนมันจริงทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัคซีน
เรื่องการฉีดวัคซีน เรื่อง Rapid Test เพิ่งมาทำตอนนี้ แต่ก็ยังแก้ไม่หมด
เมื่อหันมาดูในสถานการณ์ตอนนี้เราก็พบว่า
ขณะนี้ปัญหาสนามสู้รบและการแสดงการต่อสู้ของประชาชนที่ไม่พอใจทางการเมืองและต้องการขับไล่ผู้นำรัฐบาล
ไปปรากฏอยู่ที่ดินแดง มันกลายเป็นเวทีการต่อสู้ประจำ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่
อันนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในสถานการณ์โควิด ซึ่งมีความจำกัดในการที่ผู้ชุมนุมจะมีการเคลื่อนชุมนุมใหญ่อย่างแบบปี
62-63 ก็เรียกว่ายากที่จะทำได้ ไม่ว่าจะมีแม่เหล็กแบบไหนก็ตาม
เรายังไม่พูดว่าแม่เหล็กส่วนหนึ่งก็ไปอยู่ในเรือนจำแล้วก็ตาม
แต่ปรากฏการณ์ใหม่อันนี้มันได้แสดงให้เห็นถึงเยาวชนของคนมวลชนพื้นฐาน
เราอาจจะเรียกว่าเป็นเยาวชนของคนจนเมือง
คือขณะที่เยาวชนของปัญญาชนมีขีดจำกัดในการจัดการชุมนุม
แต่เยาวชนของคนจนเมืองเขายังสามารถมีเวทีการต่อสู้ได้ แล้วก็ยืนหยัดการต่อสู้มา
จนกระทั่งสามารถสร้างความสนใจให้กับประชาชนทั่วไป
แล้วก็เป็นการบอกอะไรบางอย่างให้กับปัญญาชนและคนที่มีฐานะในชนชั้นต่าง ๆ
ที่ไม่ใช่คนจนเมือง ดังนั้น
เวทีที่ดินแดงนั้นคือเวทีของเยาวชนคนจนเมืองอย่างชัดเจน
ถ้าหากว่าท่านผู้ชมได้ติดตามในสิ่งที่ดิฉันได้เขียนและได้พูดเอาไว้
ก็คือ เราไม่ควรจะโดดเดี่ยว
นั่นก็คือการชุมนุมของกลุ่มเหล่านี้เป็นการชุมนุมทางการเมือง หรือเป็นการก่อกวน
ซึ่งดิฉันก็ตัดสินไปแล้วว่านี่คือการชุมนุมทางการเมือง เพราะว่าลองประเมินดูว่า
นี่ถ้ารัฐบาลนี้ยุติ นายกฯ ไม่อยู่ เขาก็จบ เขาไม่ต้องต่อสู้ แต่การที่เขาต่อสู้
กลุ่มของเขาต่อสู้ ก็คือเขายังยืนหยัด
นี่เป็นการแสดงลักษณะและตัวตนของกลุ่มเยาวชนคนจนเมือง ซึ่งถ้าเรามองด้วยทัศนะชนชั้นเราจะเข้าใจว่าการยืนหยัดของเขานั้นมันมาจากสภาพของการถูกกดขี่ทางชนชั้นอย่างถึงที่สุด
ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
แล้วการยืนหยัดนี้มันมีมากกว่าชนชั้นกลางและปัญญาชน
เพราะฉะนั้น
นี่คือมุมที่ดีที่เป็นการให้แง่คิดกับคนกลุ่มต่าง ๆ แล้วแทนที่จะไปดูถูกดูหมิ่นว่านี่เป็นพวกชอบความรุนแรง
เป็นพวกเด็กแว้น เป็นพวกไม่มีวินัย ปรากฎว่าเขามีวินัยยิ่งกว่า ก็คือ มาตามเวลา
แล้วก็ยืนหยัดในการต่อสู้
ดิฉันก็อยากจะมีแง่คิดในการต่อสู้เหล่านี้
คือทำอย่างไรให้การต่อสู้เหล่านี้นำไปสู่ในทิศทางที่ทำให้ได้ชัยชนะ นั่นก็คือ
ทำให้เกิดความเข้มแข็งของผู้ชุมนุมทางการเมือง แล้วก็มีความชอบธรรม
ความชอบธรรมของการต่อสู้นี้ก็จะสามารถนำไปสู่ชัยชนะได้
ในเรื่องของความเข้มแข็ง
ประการแรกเลยที่เขาได้แสดงออก คือความเข้มแข็งทางการเมือง
คือต้องยืนหยัดเป้าหมายและอุดมการณ์ เขาพูดสั้น ๆ ว่าเขาต้องการไล่ พล.อ.ประยุทธ์
ความหมายก็คือถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ เขาก็หยุด
ดังนั้น
การที่แสดงความเข้มแข็งทางการเมืองเพื่อจะบอกให้รู้ว่าตัวตนนั้นเป็นผู้ชุมนุมทางการเมืองนะ
ไม่ใช่พวกก่อกวน ไม่ใช่มาเพราะไม่ชอบหน้า คฝ.
มาเพราะอยากแก้แค้นตำรวจ เกลียดชังตำรวจ
แต่ว่าถ้ามาเพราะมีเป้าหมายทางการเมือง
แสดงตัวตนในการที่ต้องการขับไล่ผู้นำรัฐบาลที่ไร้ความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์
จนกระทั่งทำให้ประเทศชาติพังทลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “คนจน”
เป็นภาวะที่ยากลำบากอย่างที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเสี่ยงต่อโรคมากว่าคนกลุ่มอื่น
ยากลำบากทางเศรษฐกิจ ทางสังคม
ดังนั้น
เขาต้องการก้าวข้ามความทุกข์ยากอันนี้
เพราะฉะนั้นวิธีคิดก็คือต้องเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตัวนี้ต้องยืนหยัด
ดิฉันก็คิดว่าเขาก็ทำได้ดีพอสมควร ความเข้มแข็งทางการเมืองคือหนึ่ง
ยืนหยัดทางอุดมการณ์
ประการที่สองก็คือต้องมีการจัดตั้ง
ในโลกสมัยก่อนนั้นมันเป็นการจัดตั้งโดยองค์กรเดียว แต่ว่าในภาวะปัจจุบันนั้น
ดิฉันคิดว่าความเข้มแข็งในเชิงอุดมการณ์ทางการเมืองสำคัญที่สุด
เพราะว่ากระบวนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่มันไม่เหมือนคนรุ่นเก่า
มันไม่ใช่ประเภทที่มีการจัดตั้งองค์กรเดียว แล้วก็ต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน
มันไม่ใช่การรวมศูนย์การนำ แต่มันเป็นการที่แต่ละกลุ่มมีความคิดเห็นร่วมกัน
แล้วก็มีความเป็นอิสระระดับหนึ่ง
แต่ด้วยความเข้มแข็งทางการเมือง
จึงสามารถจัดให้เกิดก้าวย่างที่พร้อมเพรียง ที่เป็นระบบระเบียบได้
ที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ สิ่งที่เป็นคุณคือสื่อ การสื่อสาร ซึ่งไว
มันไวกว่าระบบจัดตั้งโบราณอีก
ดังนั้น
ถ้าใครคิดแบบเก่าว่าจะต้องมีการจัดตั้งที่เข้มแข็งอย่างเต็มที่
บางทีมันก็ไม่จำเป็น เพราะว่าการสื่อสารอย่างรวดเร็ว และการที่มีคณะกลุ่มต่าง ๆ
ซึ่งดูเหมือนมันแตกแยกกัน แต่ถ้าเป้าหมายชัดเจนร่วมกัน สามารถทำให้ก้าวย่างไปด้วยกันได้
อย่างในกรณีของในดินแดง ก็คือกลายเป็นแบบอย่างที่ว่า พอถึงเวลาเขาก็ไป
ถ้าฝั่งรัฐบาลทำความรุนแรงอย่างมาก เหตุการณ์มันก็ยกระดับความรุนแรง
มาถึงในขณะนี้ในข้อความเข้มแข็งทางการเมือง
มันได้แสดงออกให้กับสังคมพอควรว่า เขาไม่ใช่เด็กแว้น เขาไม่ใช่พวกก่อกวนนะ
ระบบที่มาตามเวลา แล้วเลิก แล้วมาใหม่ แล้วยืนหยัด อันนี้ก็เป็นระบบทางการเมือง
ไม่ใช่ระบบของแก๊งก่อกวน เพราะฉะนั้น ดิฉันก็คิดว่าเขาก็ทำกันได้ดีพอสมควร
แต่ก็ต้องให้ดีกว่านี้
และอีกอย่างหนึ่งก็คือ
ความเข้มแข็งอันนี้มันก็ควรจะเกิดขึ้นโดยดังที่ดิฉันได้พูดแล้วว่า
ประชาชนไม่ควรจะโดดเดี่ยว ควรที่จะร่วมด้วยช่วยกันในทิศทางการเมืองที่ถูกต้อง
เพราะว่ามันจะนำไปสู่ข้อ 2 ที่จะทำให้ได้รับชัยชนะ ก็คือ ความชอบธรรม
ความชอบธรรม
ดังที่เราได้พูดแล้วก็คือ คุณต้องแสดงออกก่อนว่าเป็นผู้ชุมนุมทางการเมือง
คุณต้องแสดงออกก่อนว่านี่เป็นปัญหาผลประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว
ไม่ใช่เรื่องก่อกวน เกลียดขี้หน้า แต่ว่ามันจะนำมาสู่ความชอบธรรม
และทำให้คนมาผนึกกำลังมากขึ้น มีคนเห็นด้วยมากขึ้น ดังที่ปัจจุบันนี้ผู้คนในแฟลตดินแดงและบริเวณย่านแถวนั้นมองเห็นแล้วว่า
กลุ่มคนที่มาเป็นเด็ก ๆ เป็นเยาวชน ไม่มีอาวุธ แต่ว่าถูกกระทำอย่างรุนแรง
คือเยาวชนเป็นส่วนใหญ่
มีกระทั่งดังที่ดิฉันได้เคยพูดไว้ 10 ขวบก็มี 12 ก็มี และเป็นเยาวชนเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ฝั่งของเจ้าหน้าที่รัฐนั้นอ้างว่าจะต้องรักษากติกา
ก็จะพยายามทำทุกอย่าง คุณพูดรักษากติกา กติกาอะไรของคุณ? เวลาเขามีรัฐบาล
เวลามีคนมาทำรัฐประหาร อันนั้นน่ะผิดรัฐธรรมนูญ เป็นกบฏ
นั่นแหละคือกติกาใหญ่!
กติกาใหญ่ไม่รักษา
แต่มาจัดการจะรักษากติกาย่อย ๆ
แล้วกติกาย่อย ๆ เพื่อรักษาอะไร? รักษาอำนาจที่ไม่ชอบธรรมเช่นนั้นหรือ?
ดังนั้น
ในข้อ 2 ที่อยากจะฝากไว้คือ ปัญหาความชอบธรรม ก็คือ นอกจากความชอบธรรมทางการเมือง
นอกจากอุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว
ต้องสร้างความชอบธรรมให้เห็นว่ากระบวนการของการเมืองเหล่านี้
ผู้ชุมนุมทางการเมืองเหล่านี้ไม่ใช่กองกำลังอาวุธในการที่จะมารบราฆ่าฟัน
เพราะว่ากลุ่มของพวกเขาประมาณว่าสู้กันตามมีตามเกิด
มีอะไรก็เท่าที่ดิฉันเห็นดังที่เคยพูดมาแล้วก็เป็นพลุ
หรือมิฉะนั้นอย่างมากก็หาอะไรมาสุมไฟเผาเพื่อให้มันเกิดควัน
จะได้เมื่อยิงกระสุนยาง ยิงอะไรต่าง ๆ มันจะได้พลาดเป้า
แต่ในขณะเดียวกันฝั่งคฝ.
หรือฝั่งรัฐบาล มันกำลังสร้างความไม่ชอบธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ฉะนั้นตรงนี้ต้องรักษาความชอบธรรม
ในทัศนะของดิฉันที่เยาวชนเหล่านี้ทำอยู่
ดิฉันไม่ได้ถือว่านี่เป็นการต่อสู้แบบไม่สันติวิธีและใช้ความรุนแรง
เพราะเขาไม่ได้มีกองกำลังอาวุธ เขาก็เพียงแต่ไปรอดู จอดรถดู
มันอาจจะมีบ้างที่มีการจุดพลุ หรือว่าเป็นประทัด หรืออะไรที่อาจเกิดอันตรายได้บ้าง
ซึ่งดิฉันเองก็ไม่ได้สันทัดในเรื่องเหล่านี้
แต่อาจจะมีแสงมีสีหรือว่าทำให้ตกใจเป็นเสียงเหมือนระเบิดอะไรประมาณนี้
อันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยอาวุธนะ!
การต่อสู้ด้วยอาวุธมันต้องใช้อาวุธจริงและเป็นกองกำลัง
เพราะฉะนั้น
ถ้ารักษาความชอบธรรมตรงนี้ว่าเรายังสู้อยู่ในหนทางของประชาชนที่ไม่ได้มีการจัดตั้งกองกำลังอาวุธในการสู้รบ
เราไปชุมนุมเพื่อที่จะบอกให้รู้ว่าเราไม่พอใจรัฐบาลนี้
ไม่ต้องการให้รัฐบาลนี้ทำงานต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกฯ
ซึ่งแน่นอนการต่อสู้ในรัฐสภาก็เห็นได้ชัดว่าล้มไม่ได้ 3ป
ก็ยังอยู่เหมือนเดิม
แต่ประชาชน
โดยเฉพาะคนที่ทุกข์ยาก และคนที่เป็นคนรุ่นใหม่ของผู้ทุกข์ยากเหล่านี้
ยังยืนหยัดว่าไม่ต้องการ เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้คนส่วนใหญ่เห็นชอบ
อย่าได้ทำให้ถูกประณามในการใช้ความรุนแรงแบบที่ไม่ชอบธรรม
เพราะฉะนั้นรักษาอุดมการณ์ทางการเมือง
มีความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะผู้ชุมนุม ไม่ใช่เรื่องราวส่วนตัว
ไม่ใช่เรื่องผู้ก่อกวน ไม่ใช่เด็กแว้น เพราะฉะนั้นอุดมการณ์ทางการเมือง
ทิศทางทางการเมือง และวิธีการที่ทำ เราเห็นชัดว่าประชาชนพยายามจะช่วยเหลือ
และประชาชนก็ส่งเสียงประณามตำรวจว่าเขาเป็นเด็ก ๆ เขาไม่มีอะไร
ทำไมต้องมาใช้ความรุนแรง อันนี้ดิฉันก็ ถ้าหากว่าถ้าท่านผู้ชุมติดตามกลุ่มต่าง ๆ
ก็จะเห็นว่า ที่ทำ Facebook
Live และไปสัมภาษณ์ชาวบ้าน ก็จะพบความจริงอันนี้
ก็ขอให้ยืนหยัดในทิศทางการเมืองที่ถูกต้อง
ยืนหยัดในการต่อสู้เพื่อเป็นแบบอย่าง
แล้วก็ยืนหยัดในการใช้วิธีการที่ทำให้เกิดความชอบธรรมทางการเมือง
ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการแก้แค้น
การต่อสู้อันนี้ก็จะอยู่ในเส้นทางที่นำไปสู่ชัยชนะได้ค่ะ
ขอให้เยาวชนทั้งหลาย
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะเยาวชนของคนจนเมือง หรือเยาวชนของปัญญาชน ชนชั้นกลางต่าง ๆ
ก็ตาม ได้มองเห็นว่าเส้นทางในการต่อสู้นั้นทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตามค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์