วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

ราษมัม และ “แม่ไผ่-แม่ไมค์-พ่ออานนท์-พ่อบอย” พร้อมด้วยอาจารย์ยื่นหนังสือถึงสถานทูตสหรัฐฯ ขอให้ช่วยสังเกตการณ์คดี ม.112 และเรื่องการประกันตัว

 


ราษมัม และ “แม่ไผ่-แม่ไมค์-พ่ออานนท์-พ่อบอย” พร้อมด้วยอาจารย์ยื่นหนังสือถึงสถานทูตสหรัฐฯ ขอให้ช่วยสังเกตการณ์คดี ม.112 และเรื่องการประกันตัว

 

วันนี้ (24 ก.ย. 64) เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่มราษมัม และ แม่ “ไผ่ จตุภัทร์” แม่ “ไมค์ ภาณุพงศ์” พ่อ “อานนท์ นำภา” และ พ่อ “บอย ธัชพงศ์” รวมทั้งอาจารย์ได้เดินทางไปหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือให้ทางสถานทูตสหรัฐฯ ให้ความสนใจสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนและการแจ้งข้อกล่าวหาต่อเยาวชนและประชาชนผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยประสงค์ให้ทางสถานทูตเข้าสังเกตุการณ์ในการดำเนินคดีในศาล รวมถึงการไม่ให้สิทธิ์ประกันตัว ทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับในการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม


ด้านแม่ “ไผ่ จตุภัทร์” กล่าวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของสถานทูตสหรัฐฯ ที่ออกมารับเรื่องว่า “ประเทศสหรัฐฯ เป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เรื่องสิทธิมนุษยชนมีความสำคัญอย่างยิ่ง จึงอยากให้เห็นความสำคัญของการที่เด็ก ๆ ในประเทศไทยถูกกระทำในการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการประกันตัวและแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งขณะเยาวชนและประชาชนถูกดำเนินคดีมากมาย โดยเฉพาะ ม.112 สุดท้ายขอตั้งความหวังว่าจะได้เห็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของสหรัฐฯ ให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการไปร่วมสังเกตุการณ์ในคดีความดังกล่าวที่ศาลหรือกรณีที่เยาวชนและประชาชนไทยถูกละเมินสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ด้วย”


โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของสถานทูตสหรัฐฯ ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้วจะส่งเรื่องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป 


นางพริ้ม บุญภัทรรักษา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เรามีกติการะหว่างประเทศที่ไทยให้สัตยาบันไว้ในเรื่องสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง เราก็อยากมายื่นหนังสือเพื่อให้สถานทูตฯ ไปสังเกตุการณ์ในคดีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือการแจ้งข้อกล่าวหาโดยที่ไม่เป็นธรรมกับนักกิจกรรมผู้เห็นต่าง โดยเฉพาะช่วงนี้มีการใช้กฎหมายเหล่านี้จำนวนมากและเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ


เราคิดว่าการที่รัฐบาลสืบทอดอำนาจมาเป็นเวลา 7-8 ปี ทำให้สิทธิพลเมืองของประชาชนและนักกิจกรรมถดถอยไป อยากให้สถานทูตไปร่วมสังเกตุการณ์ ไม่ควรปล่อยให้รัฐเผด็จการทำกับนักกิจกรรมเหล่านี้ และขอความเป็นธรรมว่าการละเมิดกติกาหรือการจำกัดสิทธิมนุษยชนของนักกิจกรรม นักศึกษา แม้กระทั่งเยาวชน มีการแจ้งข้อกล่าวหา ทำให้การแสดงออกทางความคิดของเยาวชนเหล่านี้ได้รับผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายรวมทั้งถูกดำเนินคดีด้วย ทั้ง ๆ ที่เยาวชนเหล่านี้คิดและแสดงออกเพื่อสร้างสรรค์ให้ประเทศชาติมีความน่าอยู่ ไม่ใช่ว่าคนมีอายุจะเห็นว่าตนมีอำนาจและใช้อำนาจกดขี่เยาวชนเพื่อไม่ให้เยาวชนแสดงความคิดเห็นหรือเห็นต่างจากผู้มีอำนาจ


นางพริ้ม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเป็นโลกทรรศน์ใบใหม่แล้ว ไม่ควรมีการจำกัดสิทธิเสรีภาพ เราต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลเพื่อพัฒนาประเทศให้อยู่ร่วมกันได้ทุกชนชั้น ความเป็นคนต้องเท่ากัน สิ่งที่เยาวชนเหล่านี้แสดงออกและส่งเสียงควรจะมาคุยกันว่าจะพัฒนาไปอย่างไร ไม่ใช่ใช้อำนาจเล่นงาน ใช้กฎหมายเป็นอาวุธ ซึ่งทำให้เยาวชนที่จะมีอนาคตที่ดีกลับต้องสะดุดกับอนาคตของตัวเอง โดยที่ผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจกระทำต่อเด็กและเยาวชน ควรจะมีความสมดุลในการเจรจาพูดคุยกันเพื่อให้ประเทศพัฒนาไปด้วยกัน มีสังคมสงบสุข ทุกคดีควรให้สิทธิ์ในการประกันตัวเพื่อแก้ข้อกล่าวหาและต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมซึ่งสิทธิ์ในการประกันตัวเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน

.

ต่อมา แม่ “ไมค์ ภาณุพงศ์” กล่าวว่า “เมื่อวานที่ไมค์ถูกฟ้องและไม่ได้รับการประกันตัว รู้สึกตกใจ แม่ก็ไม่รู้ตัว ไมค์ก็ไม่รู้ตัวว่าจะโดนสั่งฟ้องเมื่อวาน แต่ก็ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่าน่าจะโดนคดีอีก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาคดีไหนมาเล่นงานไมค์ และทุกคดีทางการเมืองเหล่านี้มันไม่ใช่ไปฆ่าใครให้เสียชีวิต แม่คิดว่าใช้กฎหมายปิดปากเด็ก ๆ มากกว่า ไม่ต้องพูด ไม่ต้องรู้ ไม่ต้องเห็น ประมาณนั้น ครั้งนี้ไมค์ออกมาได้แค่ 7-8 วันก็เอาเข้าไปอีกเช่นเดิม ก็ต้องสู้กันต่อไป”

 

ด้านพ่อ “อานนท์ นำภา” กล่าวว่ารู้สึกเป็นห่วงลูกชาย 40 กว่าวันแล้วที่อยู่ในเรือนจำ ตอนนี้ทางครอบครัวก็คิดถึงและเป็นห่วงมากแต่ไม่สามารถเยี่ยมได้


แม่ “ไผ่ จตุภัทร์” กล่าวเสริมว่า “เพราะทางเรือนจำแจ้งว่าอยู่ในช่วงโควิด ทนายความก็ต้องมีใบแต่งทนายไปเยี่ยม ขั้นตอนเหล่านี้เป็นการละเมิดสิทธิ์อีกชั้นหนึ่ง ในเมื่อจับคนเข้าไปแล้วไม่ให้สิทธิ์ประกันตัว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะพบทนายและพ่อแม่ได้”

 

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์