วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2564

แนวร่วม มธ. ผนึกกลุ่มทะลุฟ้า ยึดราชประสงค์ จัดปราศรัยเดือดไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ด้านลูกนัทขอสมัครเป็นลูกหลานคนเสื้อแดง

 


แนวร่วม มธ. ผนึกกลุ่มทะลุฟ้า ยึดราชประสงค์  จัดปราศรัยเดือดไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ด้านลูกนัทขอสมัครเป็นลูกหลานคนเสื้อแดง


วันนี้ (3 ก.ย. 64) ที่บริเวณแยกราชประสงค์ สืบเนื่องจาก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และ กลุ่มทะลุฟ้า ประกาศนัดหมายจัดกิจกรรมชุมนุม #ยืนยันดันเพดาน "ราษฎรไม่ไว้วางใจมึง" เวลา 16.00 น. คู่ขนานการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร  นั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. มีการนำหุ่นศพจำลองประมาณ 20 ตัว มาแขวนไว้บริเวณสะพานลอยหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมวางป้ายผ้าเพื่อให้ประชาชนเขียนแสดงความเห็นในหัวข้อ "รัฐธรรมนูญที่ต้องการ"


อีกทั้งยังมีกิจกรรมปาสีใส่ภาพคล้ายใบหน้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกร้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ปิดสวิตซ์ 250 สว. และปฏิรูปสถาบัน


ส่วนผู้ที่ขึ้นปราศรัยได้แก่ นางสาววรรณวลี ธรรมสัตยา หรือ "ตี้ พะเยา" แกนนำกลุ่มราษฎรเอ้ย, ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ หรือ เป๋า iLaw, นายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจ ทะลุฟ้า, นางสาวเบนจา อะปัญ, ศรีไพร นนทรีย์ ผู้ที่ต่อสู้เพื่อแรงงาน จากเครือข่ายแรงงาน, นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท, Big เกียรติชัย, บอล-ชนินทร์ วงษ์ศรี และ ครูใหญ่ อรรถพล


ด้านนายทรงพล สนธิรักษ์ หรือ "ยาใจ ทะลุฟ้า" กล่าวปราศรัยใจความตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ประยุทธ์ยึดไม่ได้คืออำนาจของประชาชน จะไม่ยอมเข้าสู่ปีที่ 8 ของความล้มเหลวอีกต่อไป ตอนนี้ประยุทธ์จนตรอก ไม่เห็นหนทาง พบกับศึกทุกเส้น หันไปทางไหนก็มีคนขับไล่ ในสภาก็มีการเปิดโปงการคอร์รัปชั่นของประยุทธ์ และ 5 หน่อ


"เราต้องการวัคซีนที่มีคุณภาพ กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ตามความฝันที่เราเคยมี แต่ทุกวันนี้เราต้องมาลงท้องถนน เพราะเรามีความฝันร่วมกันในตอนนี้ คือขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา โปรดรับรู้ความต้องการ เจตจำนงของประชาชนว่าไม่เอาผู้นำแบบประยุทธ์อีกต่อไป เราไม่ต้องการให้ระบบประยุทธ์กดขี่ สร้างความเดือดร้อนอีกต่อไปแล้ว” นายทรงพลกล่าว 


จากนั้น น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา กล่าวปราศรัยความตอนหนึ่งถึงการชุมนุมเมื่อวานนี้ (2 ก.ย.) ว่า เป็นการย้อนกลับไปบรรยากาศการชุมนุม ปี 53 คำที่สงสัยมาตลอด "คนเสื้อแดงไม่มีวันตาย" เป็นความจริง ถ้าไม่มีการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ก็จะไม่มีตน และการต่อสู้ในวันนี้ ก่อนกล่าวขอบคุณคนเสื้อแดง


ขณะที่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ลูกนัท สมัครเป็นคนเสื้อแดง โดยนายธนัตย์กล่าวว่า


"เมื่อคืนหลังพี่เต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อปราศรัยจบที่แยกอโศก ผมน้ำตาคลอเบ้า ไหลจากตาข้างขวา กว่าจะรู้สึกก็ลงมาถึงแก้ม จึงเลือกใส่เสื้อแดงวันนี้ ขอเป็นลูกหลานคนเสื้อแดง ขอสมัครเป็นควายแดงอีกคน ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้พูดว่า ซาบซึ้งถึงความเสียสละของคนเสื้อแดงขนาดไหน การเสียดวงตา เทียบไม่ได้กับการเสียสละของคนเสื้อแดงและครอบครัว"


ด้านยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ilaw)  กล่าวว่า วันนี้และตลอดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีพี่น้องอีกจำนวนไม่น้อยที่เขาเริ่มเลือกวิธีการต่อสู้อีกแนวทางหนึ่งและไปรวมตัวกันที่สมรภูมิดินแดงอย่างต่อเนื่อง เราจำเป็นต้องคิดให้ละเอียดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องของเราที่ดินแดง วันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกแนวทางหนึ่งเป็นของเขาเอง เขาใช้ร่างกายของเขา ใช้กำลังของเขาแล้วเลือกที่จะเอาเข้าไปแลกกับการใช้กำลังของตำรวจ


เราต้องยอมรับว่า ระบบกฎหมาย ระบบศาลและระบบยุติธรรมของเราล้มเหลวไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า หวังพึ่งได้ และระบบกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐของเราก็ล้มเหลวเพราะกรรมการในองค์กรต่าง ๆ ล้วนมาจากการคัดเลือกของระบบคสช. จึงไม่แปลกอะไรที่พอมาถึงวันหนึ่ง พี่น้องของเราหลายร้อยชีวิตเขารู้สึกเขาไม่สามารถต่อสู้ด้วยเกมของกฎหมายในระบบได้ เขาคิดค้นวิธีใหม่ของเขาขึ้นเอง น้องที่ไปสู้ที่ดินแดง เขาไม่ได้อยากทำร้ายตำรวจให้บาดเจ็บล้มตาย เขาไม่ได้อยากจะเผาทรัพย์สิน เขาไม่ได้อยากจะเผารถ แต่จริง ๆ แล้วความต้องการที่อยู่เบื้องหลังของการแสดงออกมาทั้งหมด คือ เขาต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและพวกพ้องลงจากอำนาจ เขาต้องการแค่นั้น ถ้าไม่เชื่อ คุณประยุทธ์ลองลาออกดู ดินแดงสงบ ไม่มีใครปาของ ไม่มีใครไปทำอะไรตำรวจแล้ว ตำรวจก็ไม่ต้องออกมา ทุกคนกลับบ้านนอนได้เลย พวกเขายังมีความฝันที่อยากจะอยู่ในประเทศที่มีสวัสดิการคุ้มครองดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แน่นอนว่า เขาอยากจะเห็นสังคมที่ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง นายยิ่งชัพกล่าว


จากนั้น ครูใหญ่-อรรถพล บัวพัฒน์ กล่าวว่า ประเทศนี้ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตั้งคำถามกับบุคคลสาธารณะ สถาบันกษัตริย์ถือเป็นบุคคลสาธารณะเพราะใช้ภาษีและทรัพยากรของชาติ แต่เมื่อประชาชนพูดถึงบุคคลสาธารณะก็อาจถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 การคุ้มครอง ประมุขของรัฐเป็นสิทธิอันชอบธรรมอยู่แล้วในรัฐที่มีประมุข ทุกประเทศมีประมุขไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีหรือกษัตริย์เพราะตามรัฐธรรมนูญระบุว่า กษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ ซึ่งเกี่ยวพันกับหลัก The King Can Do No Wrong 


ครูใหญ่ย้ำว่า เมื่อพูดถึงสถาบันกษัตริย์เขาหมายถึงองคาพยพ ไม่ได้หมายถึงตัวองค์พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทน เขายังกล่าวถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งไม่ได้ถูกใช้เพื่อความมั่นคงของรัฐ ทั้งที่อยู่ในหมวดความมั่นคงของรัฐ ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะการบอกว่า การวิจารณ์กษัตริย์เป็นเรื่องความมั่นคงของรัฐแสดงว่า รัฐนี้ไม่ได้เป็นของประชาชนหรืออย่างไร


ขณะที่นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา พ่อของไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา กล่าวว่า เมื่อเช้าเขาไปเยี่ยมไผ่ ดาวดินที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยรวมลูกชายของเขามีสุขภาพกายและจิตที่ "โคตรแข็งแรง" และสิ่งที่อยากจะบอกต่อประชาชนคือ เขาฝากบอกว่า ไม่ต้องห่วงเขาแต่เขาเป็นห่วงพี่น้องที่อยู่ข้างนอก "ผมก็เลยงงว่า ตกลงนี่กูไปเยี่ยมมึง ให้กำลังใจมึงหรือพวกมึงให้กำลังใจพวกกู"


ด้านเบนจา อะปัญ จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ขึ้นปราศรัย โดยเริ่มจากไล่รายชื่อ 7 นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ยังไม่ได้รับการประกันตัว


เบนจากล่าวว่า "ความฝันที่เราอยากเห็นหลังจากการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราอยากให้พรุ่งนี้มีรัฐบาลใหม่ที่รับฟังเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง และพูดถึงการปฏิรูปทุกสถาบัน รวมถึง การคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับคนไทย"


ถึงแม้ความฝันดังกล่าวจะไม่สำเร็จ ก็ขอยืนยันต่อสู้ต่อ เรามาไกลเกินกลับไปนับหนึ่งแล้ว ต่อให้พรุ่งนี้ประยุทธ์ยังไม่ออกไป เราก็จะสู้กันต่อไป เบนจากล่าวทิ้งท้าย


โดยเวลา 19.30 น. กลุ่มทะลุฟ้าได้ทำการเผาหุ่นศพจำลองพร้อมกระดาษที่มีรูปหน้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และกระดาษที่มีข้อความวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เช่น รัฐล้มเหลว ประชาชนล้มตาย เปลวไฟลุกโชติช่วง ประชาชนร่วมชูสามนิ้ว  และตะโกนร้องเพลงอยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ของวงสามัญชน และบทเพลงต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตย อาทิ เพลงเพื่อมวลชน ของจิ้น กรรมาชน, เราคือเพื่อนกัน  โดยมีนางสาวเบนจา อะปัญ, กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดานายจตุภัทร์ หรือไผ่ ร่วมร่วม ขับร้อง จากนั้น นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง และนางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ขึ้นเวทีสมทบโดยชูสามนิ้วแสดงสัญลักษณ์


ต่อมา 19.50 น. นายพชร ธรรมล หรือฟลุค เดอะสตาร์ ร้องเพลง "เพื่อดาวดวงนั้น" ซึ่งเป็นเพลงประจำรายการเดอะสตาร์ 


นายพชร กล่าวว่า ตนดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้ร้องเพลงซึ่งไม่เชิญให้ตนไปร้องร่วมกับคนอื่น แต่วันนี้ได้มาร้องกับทุกคนในที่นี้ซึ่งมีจุดยืนเดียวกัน นั่นคือจุดยืนบนความถูกต้อง ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกัน

จากนั้น ได้ขับร้องเพลง 1 2 3 4 5 ไอเลิฟยู ของแอมมี่ เดอะบอททอมบลู โดยผู้ชุมนุมพากันขับร้องและเต้นตามอย่างคึกคัก


ทั้งนี้ เวลา 20.00 น. ทางกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้ประกาศยุติการชุมนุม ด้วยความเรียบร้อย 


#ม็อบ3กันยา #แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม #ทะลุฟ้า #UDDnews #ยูดีดีนิวส์