วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564

สภานักศึกษาธรรมศาสตร์ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามความล้มเหลวของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องนิสิต-นักศึกษารวมพลังขับไล่

 


สภานักศึกษาธรรมศาสตร์ร่วมกับสภานักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ออกแถลงการณ์ประณามความล้มเหลวของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องนิสิต-นักศึกษารวมพลังขับไล่


วันนี้ (1 ก.ย. 64) เวลา 12.30 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย นายชนินทร์ วงษ์ศรี, นายเกียรติชัย ตั้งภรณ์พรรณ, น.ส.เบนจา อะปัญ สมาชิกสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อ่านแถลงการณ์ผู้แทนนิสิตและนักศึกษาทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สภานิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร, สภานักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, สภานักศึกษา องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, สภานักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น, สภาผู้แทนนิสิตองค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เรียกร้องให้นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศออกมาไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า 


การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ายึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ประเทศไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลประยุทธ์ ในฐานะรัฐบาลจากการยึดอำนาจ และผู้สืบทอดอำนาจจากการร่างรัฐธรรมนูญ จึงพบแต่ความฉิบหาย ทั้งในมิติของสังคม เศรษฐกิจ รวมไปถึงสิ่งแวดล้อม 


ประการแรก รัฐบาลเผด็จการแต่งตั้งพวกพ้องซึ่งไร้ศักยภาพ และความรู้ในการดูแลประชาชน ดำรงตำแหน่งที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ การกระทำนี้ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตน และพวกพ้อง โดยมิได้แยแสชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแม้แต่น้อย ดังที่ปรากฏให้เห็นอย่างประจักษ์ชัดอาทิการจัดหาวัคซีน AstraZeneca ซึ่งเอื้อผลประโยชน์ทางการเมืองต่อสถาบันกษัตริย์ทำให้การจัดหาวัคซีนเป็นไปอย่างได้ล่าช้า มากไปกว่านั้น รัฐบาลยังนำเข้าวัคซีนราคาสูงแต่คุณภาพต่ำอย่าง Sinovac ให้แก่ประชาชน ทั้งยังมิได้มีการวางแผนการจัดหาวัคซีนคุณภาพสูงให้แก่ประชาชน จนทำให้เกิดความสูญเสียเป็นจำนวนมาก, เศรษฐกิจไทยมีแต่ถอยหลัง เกษตรกร ธุรกิจภาคครัวเรือนไปจนถึงผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลกระทบทำให้ต้องปิดกิจการ, อัตราการว่างงานสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงกลุ่มทุนใหญ่ใกล้ชิดกับรัฐบาลเท่านั้นที่ได้รับผลประโยชน์ 


ประการต่อมา รัฐบาลเผด็จการละเมิดและมิได้เคารพต่อสิทธิมนุษยชน อาทิ การเข้ายึดพื้นที่ จากโครงการทวงคืนผืนป่า โดยสนใจเพียงแค่ตัวเลข มิได้สนใจในมิติของสังคมและวิถีชีวิตของชาวบ้าน,การดำเนินการทางกฎหมายโดยการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ล้าหลังและไร้ซึ่งสิทธิมนุษยชน, อีกทั้งยังมีการสลายการชุมนุมอย่างโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ขัดกับหลักสากล จนทำให้มีผู้สูญเสียอวัยวะ โดยอ้างว่าเป็นการสลายการชุมนุมตามหลักสากล


ประการสุดท้าย รัฐบาลเผด็จการมิสามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้เลย แม้แต่โครงการคลองโอ่งอ่างซึ่งแท้จริงมิใช่โครงการของตน หากแต่เป็นของส่วนปกครองกรุงเทพฯ แต่รัฐบาลเผด็จการ กลับอ้างผลงานอันไร้ประโยชน์เพื่อเชิดหน้าชูตาแก่ตน โดยเหตุผลมิใช่เพราะไร้สติปัญญา แต่ปัจจัยสำคัญคือรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลอันมิชอบธรรมจากการรัฐประหาร สืบทอดอำนาจผ่านการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งร่างภายใต้การประกาศใช้มาตรา 44 อีกทั้งการเลือกตั้งยังพบข้อครหาในเรื่องของความโปร่งใส ปัจจัยดังกล่าวทำให้เห็นชัดว่ารัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้มีการบริหารประเทศที่ยึดโยงกับประชาชน ผลงานของพวกเขามีเพียงแต่การปกป้องผลประโยชน์ชนชั้นนำและสถาบันกษัตริย์ 


ดังนั้น นักศึกษามหาวิทยาลัยจึงขอยืนหยัดเคียงข้างประชาชน โดยขอเสนอข้อเรียกร้อง ถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเปิดทางให้มีรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งต้องได้มาตามวิถีประชาธิปไตย มิใช่การรัฐประหารหรือการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจ มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปการเมืองให้ประเทศไทยก้าวหน้าขึ้นตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย 


ในการนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอร่วมต่อสู้และเป็นกำลังใจให้กับประชาชนในสถานการณ์ ที่บ้านเมืองพบแต่ความวิกฤติ ผู้นำมิได้มีปัญญาและความสามารถในการแก้ไขปัญหา ขอยืนเคียงข้างนักต่อสู้ที่ลุกขึ้นมาเรียกร้องเพื่อสิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และขอสดุดีแด่การต่อสู้ของประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง 


ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ 

ผู้แทนนิสิตและนักศึกษาทั้ง 7 แห่ง


โดย น.ส. เบนจา อะปัญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนคาดหวังว่าจะเกิดการรวมกันของเครือข่ายสภานักศึกษาหรือกลุ่มที่ดูแลนักศึกษา เกิดการร่วมมือกันขับเคลื่อนขบวนการประชาธิปไตย ไม่ใช่แก่การขับเคลื่อนอยู่ในมหาวิทยาลัย และอยากให้เกิดการร่วมมือกันขับเคลื่อนประชาธิปไตยภายนอกมหาวิทยาลัยด้วย สาเหตุที่พวกตนออกมาแถลงการณ์ในครั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าสภานักศึกษาไม่ได้มีหน้าที่แค่อยู่ในสภาหรือว่านั่งรับรองในมติต่างๆ ตนรู้สึกว่าด้วยความที่เราเป็นผู้แทนนักศึกษา เราต้องออกมากระทำการ Take Action มากกว่าการนั่งอยู่ในสภา การเป็นนักศึกษาสามารถเคลื่อนไหวได้มากกว่านี้ โดยขอเชิญชวนให้สถานศึกษาทั่วประเทศไทยมาร่วมกันขับไล่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเราทำอะไรได้มากกว่าการเรียนอยู่ในห้องแน่นอน


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์