วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564

#ป้อมค่ายแยกอโศก ณัฐวุฒิ นัดพรุ่งนี้ 4 โมง จัดปราศรัยที่เวที ไม่มีคาร์ม็อบ ชี้มองแววตาปชช.ไม่ใช่แค่มาฟังปราศรัย แต่มาฟังใจของกันและกันว่า ‘ยังสู้อยู่’ มาฟังเสียงปรับทุกข์ เราไม่ได้สู้เพียงลำพัง แต่มีกันและกันเสมอ - ด้านบก.ลายจุด อัดประยุทธ์ไร้ความสามารถในทุกมิติ ไม่ยอมรับความจริง

 


#ป้อมค่ายแยกอโศก ณัฐวุฒิ นัดพรุ่งนี้ 4 โมง จัดปราศรัยที่เวที ไม่มีคาร์ม็อบ ชี้มองแววตาปชช.ไม่ใช่แค่มาฟังปราศรัย แต่มาฟังใจของกันและกันว่า ‘ยังสู้อยู่’ มาฟังเสียงปรับทุกข์  เราไม่ได้สู้เพียงลำพัง แต่มีกันและกันเสมอ - ด้านบก.ลายจุด อัดประยุทธ์ไร้ความสามารถในทุกมิติ ไม่ยอมรับความจริง


วันนี้(7 ก.ย. 64)  สืบเนื่อง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คนทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ริเริ่มกิจกรรมคาร์ม็อบ ได้นัดหมายชุมนุมไล่ประยุทธ์ ที่แยกอโศกมนตรี เขตคลองเตย กรุงเทพฯ (ป้อมค่าย) ในเวลา 16.00 น. ซึ่งวันนี้นับเป็นครั้งที่ 4 นั้น


โดยในวันนี้นายณัฐวุฒิเรียกรวมพลชาว 2 ล้อที่แยกอโศกเป็นวันแรก


เวลา 16.15 น. ทีมงานของ นายณัฐวุฒิ ประกาศให้รถจักรยานยนต์ที่จะร่วมคาร์ม็อบ เคลื่อนมาจัดขบวนได้ที่หลังเวที โดยผู้ชุมนุมที่มีรถจักรยานยนต์ ทยอยขี่รถมาจอดตั้งแถวบริเวณแยกอโศกมนตรี พร้อมรับแจกสติกเกอร์ #ไล่ประยุทธ์ นำมาติดที่รถจักรยานยนต์ของตน ไปจนถึงติดป้ายทะเบียน


โดยมีสีสันผู้ชุมนุมบางส่วนได้สวมเสื้อสีแดง คาดผ้าที่ศรีษะ ความว่า "ไม่ต้องจ้างกูมาเอง" บางส่วนนำธง นปช. ธงชาติ ธงราษฎร ไปจนถึงธงรีเดม มาประดับรถ เตรียมเคลื่อนขบวน


โดยขบวนเคลื่อนผ่าน สวนเบญจกิติ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านพร้อมกำลังจำนวนหนึ่ง จากนั้นขบวนเคลื่อนผ่านแยกอโศก รอบที่ 1 มีการบีบแตรลากยาว โดยผู้ชุมนุมที่แยกอโศก ยืนชู 3 นิ้วส่งกำลังใจให้


ขบวนเคลื่อนต่อไปบนถนนสุขุมวิท ก่อนกลับรถที่ ใต้สถานีรถไฟฟ้า "นานา"


ต่อมาเวลา 17.30 น. ขบวนไบค์ม็อบ เคลื่อนผ่านจุดชุมนุมหลัก แยกอโศก รอบที่ 2 พร้อมกระหน่ำบีบแตร


จากนั้น เคลื่อนบนถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออก เป็นรอบที่ 2 มีการตะโกน "ตู่ออกไป" 


ในด้านของเวทีปราศรัย นายสมบัติ ขึ้นปราศรัยในประเด็นการตรวจโควิด โดยกล่าวว่า ในช่วงนี้มีการตรวจน้อยลง ทำให้เจอผู้ติดเชื้อน้อยลงรัฐบาลอ้างว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่าตัวเลขเท่าไรต้องมีการเพิ่มปริมาณการตรวจให้มากขึ้น รัฐบาลปิดยังยอดผู้ติดเชื้อ ควบคุมตัวเลขในการรายงาน ทำให้ไม่รู้ว่าตัวเลขจริง ๆ มีจำนวนเท่าไร และประชาชนไม่รู้ว่าตนเองได้รับเชื้อหรือไม่


ถ้าคุณยอมรับความจริงคุณก็จะแก้ปัญหานี้ได้ แต่คุณปิดกั้นเป็นเวลานาน ทำให้การควบคุมโควิดล้มเหลว รัฐบาลไทยกลัวว่าถ้าเจอคนติดโควิดตัวเลขจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไร้ความสามารถ นายสมบัติกล่าว


นายสมบัติกล่าวต่ออีกว่า การจัดซื้ออุปกรณ์ในการตรวจโควิดที่ไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถตรวจได้ในจำนวนที่มากพอ เมื่อประชาชนไปรอคิวตรวจก็เกิดความแออัด ทำให้อาจเกิดการติดเชื้อมากขึ้นไปอีก ส่วนประเด็นแรงงานต่างด้าว มีการลงทะเบียน 3 ล้านคน ยังไม่รวมแรงงานที่ยังไม่ลงทะเบียนอีกราว ๆ 2 ล้านคนต้องแอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีคนพาลักลอบเข้ามาเป็นขบวนการ


"เราคิดว่าปัญหาชายแดนนั้น ทหารอย่างพลเอกประยุทธ์น่าจะแก้ได้ สุดท้ายปล่อยให้แรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อเข้ามาในประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ซึ่งเป็นผู้นำทหารในอดีตไม่มีความสามารถในภารกิจความมั่นคง เรียกได้ว่าพลเอกประยุทธ์เป็นคนที่ไร้ความสามารถในทุกมิติ

ตอนเกิดโควิดใหม่ ๆ ที่เกิดปัญหาต้องล็อคดาวน์รัฐบาลสิงคโปร์เอาเงินออกมาแจกประชาชน เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน เพราะเงินในคลังรัฐบาลเขามีเยอะ แต่รัฐบาลไทย 7 ปีที่ผ่านมา ยอดการกู้เงินเพิ่มขี้นเรื่อย ๆ ทั้งหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน ผมบอกเลยว่าถ้าหมดปัญหาโควิดแล้วมันยังไม่จบ เราต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจอีก" นายสมบัติกล่าว


ต่อมาเวลา 18.40 น. นายณัฐวุฒิ ขึ้นปราศรัย กล่าวว่า ขบวนไบค์ม็อบ ตอนตั้งต้นมีฝนพอประมาณ แต่ก็ยังตั้งใจ ขอบคุณชาว 2 ล้อ มอเตอร์ไซค์ ที่ร่วมแสดงพลังอีกครั้ง เราจะมีภารกิจ "ฝากสติ๊กเกอร์ไล่ประยุทธ์" เอาไปติดตามชุมชน ละแวกบ้าน เพราะคนที่มาทุกวันนี้มาจากทั่วสารทิศ เมื่อแยกย้ายกลับไปจะได้แพร่กระจายความคิดของประชาชน


จากนั้นนายณัฐวุฒิ ได้กล่าวว่า มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์หลายคนติดต่อมา บอกว่าตัวไม่ได้มา ติดธุระ บางคนเป็นข้าราชการ ไม่สะดวกแสดงตัว บางคนบ้านอยู่ต่างจังหวัด มาไม่ได้ แต่อยากช่วย จึงถามเลขบัญชี จะโอนเงิน


เราจัดเวทีกันแบบธรรมชาติ ให้ง่ายที่สุด เคลื่อนย้ายง่าย ไม่มีอะไรเป็นภาระค่าใช้จ่ายมากมาย จึงไม่มีการเปิดบัญชี ไม่มีการตั้งตู้รับบริจาค ขอให้เก็บแรง เก็บหัวใจเอาไว้ หากอยากสนับสนุน ไม่เอาตังค์ แต่ใครจะให้เป็นของไม่ว่ากัน เช่น แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย เสื้อกันฝน เอามาให้กันเองถึงมือ ประชาชนดูแลประชาชน ทำได้ไม่ผิดกฎหมาย


นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวต่อไปอีกว่า ผมเปิดโครงการผู้ผลิต พบผู้บริโภค ให้ฝากร้านเข้ามา 09-2712-8989 ติดต่อเข้ามา บอกราคาต่อหน่วย ผู้มีเจตจำนงอยากสนับสนุน ก็จ่ายกันเอง อุดหนุนกันเอง ในยามเศรษฐกิจพินาศ ล่าสุด มีข้าวกะเพรา ข้าวราดแกงไข่ดาว 300 ชุดวันพรุ่งนี้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้รักประชาธิปไตย ร้านเต็นท์เขียวใกล้ ๆ นี้


จากนี้ จะเริ่มมีการปรับรูปแบบเพื่อให้สอดคล้องเป้าหมายการนัดชุมนุมครั้งใหญ่ ในอนาคตอันไม่ไกลนี้ เรากำลังจะพบกับการชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ของประชาชน ทั้งรถใหญ่ รถจักรยานยนต์ และประชาชนแน่นถนน แต่ขออุบรูปแบบเอาไว้ก่อน นายณัฐวุฒิกล่าว


นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ตนซึ้งในหัวใจ เพราะสภาพตอนนี้ไม่ใช่ง่าย ต้อง สู้ให้รอดจากโควิด และพิษเศรษฐกิจสายตัวแทบขาด แต่ยังสละเรี่ยวแรงออกมาสู้ร่วมกันที่นี่ บางคนบอกว่า ที่ออกมาชนะเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าออกมา จะเห็นแววตาประชาชนนักสู้ด้วยกัน ไม่ใช่แค่มาปราศรัย แต่มาฟังใจของกันและกันว่า ‘ยังสู้อยู่’ มาฟังเสียงปรับทุกข์ ผูกมิตรของกันและกัน มาเพื่อให้มั่นใจว่า เราไม่ได้สู้เพียงลำพัง แต่มีกันและกันเสมอ


ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย "ทะลุฟ้า" จัดชุมนุม เอาผ้าขนาดใหญ่คลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เอาไปคลุมได้อย่างไร ในเมื่อประยุทธ์เอาถุงดำคลุมประชาธิปไตย ตั้งแต่ ปี 2557


ที่แยกดินแดง แม้เป็นแนวทางที่ห่วงใย กังวลความปลอดภัย เพราะเจ้าหน้าที่เร่งความเข้มข้นในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา แต่ในความจริง น้อง ๆ กลุ่มนั้นเลือกแนวทางการต่อสู้ ก็ต้องเคารพกัน และส่งความห่วงใยไปจากเวทีนี้ ประชาชนไล่ประยุทธ์กันทุกมุมเมือง


ไม่เคยเห็นว่านายกคนไหน ที่ประชาชน ต่างกลุ่ม ต่างจัด แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ #ประยุทธ์ออกไป


นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวต่อไปว่าประยุทธ์ทำท่าไหน ให้เด็กตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โตทันมาไล่ประยุทธ์ได้ นายกคนนี้ยังได้ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากที่ไม่เคยสนใจการเมือง ไม่เคยออกมาม็อบ กลายเป็นด่านหน้าในการไล่ประยุทธ์ หลายคนมีรักครั้งแรก แตกต่างช่วงวัย แต่ประยุทธ์รู้ไหม คุณคือ "เกลียดครั้งแรก" ของประชาชน แม้วันนี้จะยังไม่ชนะ แต่ผมมั่นใจว่ายังไม่แพ้เช่นกัน เชื่อมั่นด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้มาเพราะประยุทธ์ หรือ บก.ลายจุดเป็นแกนนำ แต่มาเพราะ "ใจสั่งมา" นายณัฐวุฒิกล่าว


เราออกมาเพื่อให้ผู้ร่วมชาติ และผู้มีอำนาจแลเห็น ดังนั้น เราจะเดินหน้าต่อไปด้วยความอดทน และมุ่งมั่น ถึงวันสำคัญต้องออกมาพร้อมเพรียงกัน ส่วน 2-3 วันนี้อุ่นเครื่อง ทดสอบกำลัง และรูปแบบ


บ้านเมืองมาถึงตรงนี้ ต้องมีคนคิดแก้ปัญหา แต่สิ่งที่ปรากฏ มีแต่คนสร้างปัญหา ประกาศล็อกดาวน์ แล้วกำลังจะคลายล็อก แต่จนตอนนี้ คนตายไปหมื่นกว่า  ซอยคาวบอยที่เคยสว่างไสว มืดมิดมาแล้วเป็นเดือนๆ ไม่เคยมีสัญญาณความรับผิดชอบ โง่แล้วอวดฉลาด อุบาทว์ แล้วประกาศคุณธรรมตลอดเวลา” นายณัฐวุฒิกล่าว


นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงพรุ่งนี้ (8 ก.ย.64) เวลา 16.00 น. จะมีการนัดหมายและปราศรัยที่แยกอโศกมนตรี ไม่มีคาร์ม็อบ เพื่อทดลองหารูปแบบกิจกรรมที่เหมาะสมก่อนวันนัดชุมนุมใหญ่


“บอกตัวเองว่า ชัยชนะของประชาชนต้องมาถึงในสักวัน ถ้าจิตวิญญาณยังสู้อยู่ มาสู้ด้วยกันที่นี่ เป็นแกนนำของตัวเอง เป็นผู้นำของตัวเอง นายณัฐวุฒิ และ สมบัติ จะไม่ประกาศตัวเป็นแกนนำของท่าน” นายณัฐวุฒิกล่าว และว่า ขอบคุณพี่น้องทุกคน


ก่อนยุติการชุมนุมในเวลา 19.10 น ท่ามกลางเม็ดฝนที่เริ่มหล่นลงมา


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ไล่ประยุทธ์ #ม็อบ7กันยา