วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564

"19กันยาขับรถยนต์ชนรถถัง"ถึงที่หมายอนุสาวรีย์ปชต.คลุมผ้าดำ"ผ่านแว่นฟ้า" บก.ลายจุด-ณัฐวุฒิ ลั่นชัยชนะต้องเป็นของปชช.หวังใจดวงวิญญาณ"ลุงนวมทอง"รับรู้การสู้นี้

 


"19กันยาขับรถยนต์ชนรถถัง" ถึงที่หมายอนุสาวรีย์ปชต.คลุมผ้าดำ "พานแว่นฟ้า" บก.ลายจุด-ณัฐวุฒิ ลั่นชัยชนะต้องเป็นของปชช.หวังใจดวงวิญญาณ "ลุงนวมทอง" รับรู้การสู้นี้


วันนี้ (19 ก.ย. 64) บรรยากาศกิจกรรมคาร์ม็อบ "ขับรถยนต์ชนรถถัง" เริ่มต้นเคลื่อนขบวนที่แยกอโศกมนตรี เมื่อเวลา 15.00 น.โดยมีจุดมุ่งหมายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


เวลา 17.20 น.ขบวนเคลื่อนถึงแยกอรุณอมรินทร์ ก่อนข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า จากนั้นมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุด คือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


ขณะที่เวลา 17.25 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการนำผ้าดำขนาดใหญ่ คลุมพานแว่นฟ้า พร้อมติดภาพ ใบหน้า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีข้อความประกาศจับ "wanted รัฐประหารคือกบฎ" และ "เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ"


เวลา 17.30 น. นายณัฐวุฒิเดินทางมาถึง กล่าวถึง 15 ปี แห่งความเจ็บปวด ล้าหลัง ประเทศพัง แต่เผด็จการยังไม่พอใจ การต่อสู้ก็จะยังอยู่ ด้านหลังของเรา กลุ่มทะลุฟ้ากำลังจะสร้างงานประติมากรรม (คลุมผ้าดำ)


จากนั้น นายณัฐวุฒิ ทำการขับขาน 1 บทเพลง ซึ่งมีเนื้อร้องที่เนื้อร้องที่ขึ้นต้นด้วยว่า "เหนื่อยไหมหัวใจดวงน้อยเฝ้าคอยประชาธิปไตย ฝันที่เคยวาดไว้ ยังหวานไหมคนดีเสื้อแดง"


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทำไมประชาชนจะเต้นเยาะเย้ยเผด็จการไม่ได้ จากนั้นนายณัฐวุฒิโยกย้ายส่ายสะโพก โดยผู้ชุมนุมต่างปรบมือ ส่งเสียงเฮ และเต้นตามจังหวะ


"เพลงเมื่อสักครู่ ชื่อเพลง "กันและกัน" แต่งเมื่อคราวติดคุกปี 53 แต่หลังจากนี้ ทุกเพลงที่จะแต่ง ไม่จำเป็นต้องแต่งในเรือนจำอีกแล้ว เพราะชัยชนะจะเป็นของประชาชน เราออกมาเพื่อพิสูจน์ให้เผด็จการได้เห็นว่า เขายังไม่ชนะ และเรายังไม่ยอมแพ้ มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน" นายณัฐวุฒิ กล่าว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนหนึ่ง นายณัฐวุฒิ ตะโกนว่า "ได้ยินไหมลุงนวมทอง ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไหม?" จากนั้นชวนให้ผู้ชุมนุมร่วมกันโห่ร้องส่งเสียงถึงดวงวิญญาณ นายนวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่ต้านรัฐประหาร


จากนั้น นายสมบัติ กล่าวว่า เมื่อปี 49 ตนยืนอยู่ตรงนี้ มาจาก ม.ธรรมศาสตร์ แช่มชื่นที่อย่างน้อย ยังมีประชาชนร่วมต่อสู้ ไม่เอาเผด็จการในเวลานั้น หลายคนมองว่า การยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณ เป็นความชั่วร้ายที่จำเป็น ซึ่งก็มีการโต้เถียงว่า ถูกต้องหรือไม่


ผมขอทบทวน การขอให้ทหารมายึดอำนาจ ขอให้ประชาชนทบทวนว่า 15 ปีมานี้ ทักษิณยังอยู่หรือไม่ แต่การต่อต้านรัฐประหารยังคงอยู่ ประชาธิปไตยยังคงเรียกร้องพร้อมความตื่นตัวของประชาชน การรัฐประหารทั้ง 2 ครั้งสำคัญมาก เพราะคือการเปิดประตู ให้ทหารเข้าสู่ระบบการเมืองไทย จนวันนี้ นายกฯ สืบทอดอำนาจมาจนปัจจุบัน นี่คือความล้มเหลวของสังคม นายสมบัติ กล่าว


นายสมบัติกล่าวต่อว่า ถ้ารัฐประหารดี ต้องจับต้องได้ แต่ 15 ปี ที่เราใช้วิธีการนี้แก้ไขความขัดแย้ง กลับเป็นวิธีให้ประเทศไทยถอยหลัง และวิบัติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าเราไม่ตาบอด หูหนวก ที่สำคัญ ปัญญาไม่ดับ เราย่อมต้องถอดบทเรียนได้ว่า การกระทำเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ได้สืบเนื่องมาจนวันนี้ ใครที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหาร คาดหวังว่า จะได้บทเรียน และไม่ออกมาสนับสนุนอีก หากเกิดวิกฤตในประเทศ ขอให้มีความอดทน แก้ปัญหาด้วยวิถีประชาธิปไตย คือบทเรียนที่อยากฝาก ถึงทุกคนในสังคมไทย


ต่อมานายณัฐวุฒิ ได้กล่าวต่อว่า 15 ปี ที่ผ่านมา ต้องแลกอะไรมาบ้าง ก่อนประยุทธ์จะขึ้นนั่งเก้าอี้นายก 15 ปี มีการยึดอำนาจ 2 ครั้ง บอยคอตการเลือกตั้ง 2 หน ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ใส่ร้ายประชาชน สนับสนุนขบวนการยึดสนามบิน ขัดขวางการเลือกตั้ง กระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน มีการจับกุม ไล่ล่า อุ้มหาย ลี้ภัย ทั้งหลายเพื่อให้ประยุทธ์ได้เป็นนายกในวันนี้ นี่คือความอัปยศที่สุดในแผ่นดิน


ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ มีความรู้สึกเดียวกันคือ #ประยุทธ์ออกไป เราไม่มีอะไร จะประกาศศักดานุภาพ เท่ากับเสียงของประชาชน เสียงตะโกนก้องด้วยความเจ็บปวด 


ทุกถ้อยประกาศ ทุกตัวบทกฎหมาย และคำสั่งของเผด็จการ หาใช่บทบัญญัติที้ชอบด้วยหลักนิติธรรม ที่จะทำให้ประชาชนเคารพได้ เอะอะบอกให้ประชาชนเคารพกฎหมาย พวกคุณฉีกกฎหมายสุงสุด และนิรโทษกรรมตัวเอง ในประเทศไทย ไม่มีใครกลุ่มไหน ปฏิเสธ และย่ำยีการมีอยู่ของกฎหมาย เท่าประยุทธ์อีกแล้ว นายวุฒิกล่าว


จากนั้นได้กล่าวถึงการแก้โควิดผิดพลาด ถ้าเราจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน ชาวบ้านยังตายไม่เสร็จ ก็คิดนิรโทษกรรมตัวเองแล้ว ดังนั้น ในวาระอันสำคัญ ครบรอบรัฐประหาร 15 ปี ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลายเป็น "ศาลาคนเศร้า" ของคนรักประชาธิปไตย เจ็บปวด ถูกฆ่าตาย ก็ตรงนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอาจไม่มีคนจำนวนมากอยู่ทุกวัน แต่จิตวิญญาณประชาชนอยู่ที่นี่ทุกวัน ชั่วนาตาปี


"ผมอยากจะบอกไปยังฝ่ายสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าจนถึงวันนี้พวกคุณยังไม่สำนึก ไม่รู้ว่าได้นำพาประเทศถอยหลัง พินาศ วอดวายเพียงใด เพราะบรรดากองเชียร์ รัฐประหารและอุ้มสม เราไม่ติดใจในทางส่วนตัว แต่ในทางการเมือง ฉิบหายมา 15 ปี ประชาชนคนไหนยังเชียร์ประยุทธ์ ถือว่าเราขาดกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทางใคร ทางมัน ประเทศเดียวกัน สองความคิด และชัยชนะจะต้องเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย ที่มั่นใจเช่นนี้ เพราะถ้าแพ้ แพ้ไปนานแล้ว ตั้งแต่ 14 - 16 ตุลา, พฤษภาคม 35, ปี 53 หรือครั้งคนหนุ่มสาวถูกจับกุมคุมขัง แต่แท้จริง เราต่างหากที่สะสมชัยชนะ และเขา สั่งสมความพ่ายแพ้อยู่ทุกวัน


นอกจากนี้การแสดงพลังวันนี้ ได้ให้กลุ่มทะลุฟ้าจัดการสัญลักษณ์ ในการคลุมผ้าดำที่อนุสาวรีย์ฯ เปรียบเหมือนพลเอกประยุทธ์ คลุมประชาธิปไตยของคนไทย ดังนั้นประชาชนต้องร่วมมือกันสู้ต่อไป วันนี้เตรียมการหลายอย่าง มีธงแจก ขับรถชนรถถัง คลุมถุงดำ เสียดายที่ฝนตก แต่ฝนไม่ตรงตลอดทานเหมือนกับเผด็จการที่จะไม่อยู่ตลอดไปและคนที่อยู่ตลอดกาลคือประชาชน เพราะประเทศนี้เป็นของประชาชน


หลังจากวันนี้ได้โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่อ ตอนนี้ทดสอบการเคลื่อนไหวของมวลชน ภายใต้สถานการณ์โควิด ซึ่ง"คาร์ม็อบ"ยังตอบโจทย์ได้สูงสุด เข้าใจว่าประชาชน ไม่สามารถก้าวข้ามโควิด-19 มาต่อสู้ได้ตลอด จึงต้องคำนึงถึงความจริงของสถานการณ์ หากไม่คำนึงจะเกิดความอ่อนแอ ดังนั้นขอให้ตนได้ปรึกษาหารือกับคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกาศการต่อสู้ต่อไป ทั้งนี้ขอให้เก็บเรี่ยวแรง การต่อสู้ยังอีกยาวนาน เพื่อแสดงให้เห็นบอกประชาชนรักษาคำพูด ไม่เคยตลบแตลงเหมือนพลเอกประยุทธ์ วันนี้ตนขอบคุณทุกคนด้วยหัวใจ


ธงที่แจกวันนี้ จอให้เก็บไว้ เป็นสัญญาใจ เพื่อร่วมกันชูธงประชาธิปไตย เผด็จการเลวร้ายกว่าขยะเปียกทุกกอง


วันนี้เราตั้งชื่องานว่า คารม็อบ "ขับรถยนต์ชนรถถัง" ผมใส่เครื่องแบบแท็กซี่ รำลึกความอาจหาญของ ลุงนวมทอง ไพรวัลย์ ที่ไม่ได้ใหญ่โต และอาจไม่มีคนในสังคมไทย สังคมโลกได้รู้จัก แต่ชายผู้นี้ตัวเล็ก หัวใจยิ่งใหญ่กว่าผู้กุมอำนาจในรัฐบาล รถถังที่ใช้ยึดอำนาจ เป็นเพียงเศษเหล็กเท่านั้น เมื่อเทียบกับแท็กซี่ ลุงนวมทอง ผู้ประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ยังไม่กล้าขับรถถังออกมาเอง หวังใจว่าหากดวงวิญาณลุงนวมทองได้ยิน คงรับรู้" นายณัฐวุฒิกล่าว


ต่อมานายณัฐวุฒิ ได้ประกาศยุติ การชุมนุมในเวลา 18.05 น. โดยระบุทิ้งท้ายว่า วันนี้ถือว่าได้จัดกิจกรรมบรรลุจุดประสงค์ และขอให้เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ และรอฟังการนัดหมายต่อไป พร้อมกับร้องเพลง "เราคือเพื่อนกัน" จากนั้นมวลชนได้ทยอยเดินทางกลับ


จากนั้นนายณัฐวุฒิ กล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งว่า ยุติการชุมนุมคาร์ม็อบ "ขับรถยนต์ ชนรถถัง" แล้ว


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ19กันยา #ไล่ประยุทธ์ #15ปีแล้วนะไอ้สัส