วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564

กลุ่มพลเมืองโต้กลับ "ยืนหยุดขัง" เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัว - แม่เพนกวินร่วมด้วย เปิดใจปมลูกชายถูกผลัก ด้านมวลชนมอบดอกกุหลาบกำลังใจ

 


กลุ่มพลเมืองโต้กลับ "ยืนหยุดขัง" เรียกร้องคืนสิทธิประกันตัว - แม่เพนกวินร่วมด้วย เปิดใจปมลูกชายถูกผลัก ด้านมวลชนมอบดอกกุหลาบกำลังใจ


วันนี้ (11 ก.ย. 64) ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินกลาง เขตพระนคร กรุงเทพฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดย นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือ พ่อน้องเฌอ ทำกิจกรรม "ยืน หยุดขัง" เป็นเวลา 1.12 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นวันที่ 27 แล้ว พร้อมห้อยป้ายข้อความ #ปล่อยเพื่อนเรา เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมที่ถูกคุมขัง 


ซึ่งได้แก่ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า แกนนำราษฎรมูเตลู, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, นายธัชพงศ์ แกดำ หรือบอย, นายณัฐชนน ไพโรจน์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน  และนายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งแต่ละรายถูกคุมขังเป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว และเกือบทุกคนติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำ


โดยวันนี้มี นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ร่วมทำกิจกรรมด้วย 


ทั้งนี้เริ่มยืนในเวลา 17.00 น. กระทั่งเวลา 18.12 น. ครบกำหนด 1.12 ชั่วโมง


นายพันธ์ศักดิ์กล่าวว่า แม้วันนี้ เพื่อนทั้ง 5 คนไม่ได้การประกันตัว แต่เราจะยังเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้นักกิจกรรมทั้ง 7 และอีก 1 รายที่ขอความเป็นส่วนตัวไม่ประสงค์เอ่ยชื่อ


นายพันธ์ศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ขอให้ศาลพิจารณาตามมาตรา 29 ของรัฐธรรมนูญ 60 ที่ว่า หากไม่มีคำตัดสิน ไม่สามารถกระทำเสมือนเป็นผู้ทำผิดได้ จึงยืนหยัด "ยืน หยุดขัง" ต่อไป


จากนั้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมหันหน้าเข้าหาอาคารศาลฎีกา ชู 3 นิ้วด้วยมือข้างซ้าย และตะโกนพร้อมกัน 3 ครั้งว่า "ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว"


ต่อมาผู้ร่วมกิจกรรมนำดอกกุหลาบมามอบให้กับนางสุรีรัตน์ หนึ่งในนั้นบอกว่าตนมาจากเยาวรุ่นทะลุแก๊ซ ซึ่งนางสุรีย์รัตน์ กล่าวขอบคุณแบะบอกเป็นกำลังใจให้ รวมถึงดูแลตัวเองด้วย จากนั้นนางสุรีย์รัตน์กล่าวว่า เด็ก คงดีใจ ถ้าเขาได้รู้ ขอให้ทุกคนสู้ไปด้วยกัน


จากนั้นนางสุรีย์รัตน์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีศาลธัญบุรีไม่ให้ประกันตัวบุตรชายว่า ไม่ควรมีการจับตั้งแต่แรก และเชื่อว่าเด็ก ๆ จะประกันตัวได้เพราะไม่ใช่คดีหนักหนาสาหัส ถึงได้เริ่มตั้งคำถามว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่กับกระบวนการยุติธรรม จึงไม่ได้รับการประกันตัว


“นิติศาสตร์ไม่ต้องเรียน เรียนไปทำไม เมื่อยังไม่เปิดหลักฐานว่า เธอไม่ได้ทำผิด แต่กลับตัดสินว่าเธอผิด


ไม่มีแล้ว สิ้นแล้วความยุติธรรม สิ้นแล้วจริง ๆ การกระทำกับเด็กตอนที่นำตัวไป เพนกวินแว่นกระจาย รองเท้าหาย เมื่อวานนี้เขาทำอย่างนั้นกับเพนกวินอีก


เพนกวินบอกว่า "ขาทำเหมือนที่ธัญบุรีเลยมี๊" เมื่อวานนี้เพนกวินไม่ได้ขัดขืนที่จะไปเรือนจำธัญบุรี แค่ขอทานข้าวก่อนได้หรือไม่ และขอให้ทนายเยี่ยมก่อน เพราะรออยู่ข้างหน้า เพนกวินเล่าให้ฟัง เขามาเลย 10 คน รุมเพนกวินคนเดียว พูดจาหยาบคาย จึงสงสัยว่าทำไมเฉพาะเจาะจงกับเพนกวิน บอย (ชาติชาย แกดำ) ก็พยายามช่วย”


เกิดความสงสัยว่าทำไมเฉพาะเจาะจงกับเพนกวิน ก็นึกได้ว่า วันพฤหัสบดีที่ไปเยี่ยม เห็นเพนกวินบอกว่า ค้นพบอะไรสักอย่างที่ไม่ชอบมาพากล อาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น แต่เรายังไม่ได้คุยรายละเอียด เพนกวินบอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ (10 ก.ย.) คุยรายละเอียด เขายังไม่ได้เปิดเผยที่ไหน เช้ารุ่งขึ้นมีการพยายามพาเพนกวินกลับไปเรือนจำโดยเร็ว โดยไม่ให้พบใคร และพยายามปิดปาก ข่มขู่ให้เพนกวินหวาดกลัว


เพนกวินบอกว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ และเขาทำกับเพนกวินในวอร์ดผู้ป่วย ลองกลับไปคิดดูสิว่า ถ้าเด็กอยู่ในเรือนจำ ที่ไม่มีใคร ทนายไม่สามารถเยี่ยมได้ อ้างโควิด แล้วทำอย่างนี้จะไปป่าวประกาศใครได้ นางสุรีย์รัตน์กล่าว


เมื่อถามถึงกรณี คดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนางสุรีย์รัตน์


นางสุรีย์รัตน์กล่าวว่า เพิ่งได้รับหมายเมื่อวานนี้ ตอนแรกนึกว่า ตร.ส่งหมายเพนกวิน แต่ไม่ใช่ เป็นหมายแม่ คุณศรีสุวรรณ จรรยา ฟ้อง


ไม่เป็นไร ถือว่าทำบุญ เขาจะได้เงิน ได้มีงานทำ บุญนี้ อาจจะส่งผลให้ระบบยุติธรรมตาสว่าง ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่ถูกต้อง อานิสงส์นี้อาจส่งผลถึงลูก ถ้ามีหมายมา เราก็ไป เพราะเราไม่ได้ทำอะไร ปราศรัยก็ไม่ได้ปราศรัย ส่วนคดี ยังไม่ได้คุยกับทนาย เพราะกระชั้นชิดมาก


พร้อมถามกลับว่า จะรังแก ทั้งครอบครัวเลยหรือ เราแค่ไปให้กำลังใจเด็กเท่านั้น


นางสุรีย์รัตน์ยังกล่าวถึงการยื่นขอประกันตัวบุตรชายที่ศาลจังหวัดธัญบุรีอีกว่า กำลังใจไม่เคยหมด เพนกวินไม่ได้ทำอะไรผิด เขาทำเพื่อช่วยประเทศชาติ จึงไม่มีเหตุผลจะปล่อยมือ คนที่มาร่วมยืนหยุดขัง ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ยังมาร่วม


ส่วนการมาร่วมยืนหยุดขังในวันนี้ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรที่จะช่วยลูก เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เดินมาเป็นกิโล พยายามออกมาต่อสู้ จะมายืนหยุดขังให้มากที่สุดเท่าที่มาได้ ไม่เคยหมดกำลังใจ อย่าคิดว่าจะทำร้ายเราด้วยการออกหมาย หรือด้วยอะไรให้เราหมดพลังใจหรือกลัว เพราะคุณรู้จักเราน้อยไป ทำกับเราไม่ว่า ทำกับลูก เรารับไม่ได้ ไม่มีใครทนได้ ที่อยู่ ๆ ปล่อยให้ใครมาตีหัวลูก


ถ้าไม่ออกมาเรียกร้อง ก็จะถูกรังแกไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่ที่อาจจะพลั้งมือถึงชีวิต เกิดการสูญเสีย จะมาขอโทษ จะมาโบ้ย มันไม่ใช่ จึงต้องออกมาพูด ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ในนั้นเสี่ยงทุกนาที ทุกวัน แต่ผลการรักษา จะขอดูยังไม่ให้ดู จนบัดนี้ยังไม่เคยเห็น ผลปอด ผลเลือดเป็นอย่างไร มีแต่เขาบอกว่า "ดีครับ ดีครับ"นางสุรีย์รัตน์กล่าว 


พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่า ขอให้ร่วมจับตาดู อย่าทิ้งเด็กในนั้น


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #คืนสิทธิประกันตัว