แลไปข้างหน้ากับ
อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.89
ประเด็น
: เสวนาประชาชนจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.
[ทำนายอนาคตพรรคการเมือง]
วันนี้ดิฉันจะคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เรามีการทำ
UDD news
Forum เป็นเสวนาประชาชนเรื่องของผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และส.ก.
เพื่อที่จะทำนายอนาคตของการพรรคการเมือง (การเมืองไทย)
ดิฉันอยากจะเรียนว่า
แม้นว่าการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดงจะไม่ได้มีลักษณะเป็นองค์กร
แต่ว่าดังที่ได้กล่าวแล้วว่าคนเสื้อแดงยังอยู่ และคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมันมีจิตวิญญาณของผู้รักประชาธิปไตยและรักความยุติธรรม
แล้วก็ทำการต่อสู้สันติวิธี แม้นจะประสบชะตากรรมติดคุกติดตะรางและถูกฆ่า
ซึ่งเราไม่ได้นิ่งเฉย
ซึ่งดิฉันจะมีบทความอีกต่างหากเกี่ยวกับเรื่องการทวงความยุติธรรม
โดยเฉพาะการทำความจริงให้ปรากฎ ซึ่งเราได้ทำเต็มที่ตั้งแต่มีการเสียชีวิต
นั่นก็คือการที่เราส่งตัวแทนของเราไปชันสูตรพลิกศพ เรื่องนี้เราค่อยพูดกันทีหลัง
แต่ดิฉันต้องการจะเท้าความให้ได้เห็นว่า คนเสื้อแดงมีความอดทนอย่างยิ่ง
อดทนแม้นจะถูกฆ่า ถูกจับกุมคุมขัง มีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้น แม้กระทั่งคดีแพ่ง
คดีอาญากับแกนนำ แต่ว่าก็ยังอดทนในการใช้สันติวิธี และแม้จะมีคนจำนวนมากก็ตาม
แต่ว่าก็ไม่ได้ลำพองใจว่าคนเสื้อแดงเป็นคนส่วนใหญ่ แต่ดิฉันบอกได้ว่ายังอยู่
และยังมีจิตวิญญาณของผู้รักประชาธิปไตยเต็มที่ ดังนั้น
การเสวนาของภาคประชาชนก็เพื่อที่จะรับฟังแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน
ดังที่ยูดีดีนิวส์และเพจของดิฉันได้ลงข่าวไปแล้วจำนวนหนึ่ง
ดิฉันก็คงจะสรุป
ในการพูดคุยกันเรามี 2 ภาค
ภาคหนึ่งก็เป็นการให้ข้อมูลซึ่งเป็นตัวเลขที่เราหามาให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้เข้าใจความเป็นจริงจากข้อมูลตัวเลขที่เป็นผลการเลือกตั้ง
ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.หรือส.ก.
อีกส่วนหนึ่งก็คือประสบการณ์ตรงของประชาชนที่อยู่ตามเขตต่าง ๆ
เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้
ดิฉันก็จะนำส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนมาเล่าให้พวกเราได้รับทราบ
เป็นลักษณะเชิงสรุป เพราะว่าเราคุยกันยาวมาก ตั้งแต่บ่ายโมงไปจนกระทั่งถึงห้าโมงเย็น
ก็เรียกว่า 4 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นเราจะย่นย่อให้เหลือประมาณไม่เกินครึ่งชั่วโมง
ประเด็นแรกก็คือมีการเปลี่ยนแปลงเห็นชัดเจนของประชาชน
นั่นก็คือทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ภาพรวมของการเลือกตั้งผู้ว่า
เมื่อนำคะแนนเสียงของคุณชัชชาติ ซึ่งทุกคนก็รู้ว่า 1,386,215 คะแนน บวกกับคะแนนของการเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯ
ของพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล 253,851 คะแนน เพื่อไทยไม่มี บวกกับไทยสร้างไทย
73,720 คะแนน ก็ได้ 1,713,786 คะแนน คิดเป็น 67% ซึ่งถือว่ามากที่สุด
นี่คือการเปลี่ยนแปลง
แล้วฝั่งที่เป็นแนวคิดอนุรักษ์นิยมอันประกอบไปด้วยประชาธิปัตย์ ในการเลือกผู้ว่าฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ สกลธี คุณอัศวิน คุณรสนา รวมเป็น 778,787 คะแนน คิดเป็น 30% ดังนั้น เลือกผู้ว่าฯ กทม. เมื่อรวมคะแนนของคุณชัชชาติกับเลือกผู้ว่าฯ พรรคก้าวไกล แล้วก็ไทยสร้างไทยซึ่งมีนิดหน่อย คิดเป็น 67% เกือบ 70% อันนี้เป็นมิติที่แสดงให้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งอาจจะมีคนบอกว่าเมื่อก่อนนี้คุณสุขุมพันธุ์ก็ได้ล้านกว่า โอเคใช่ คุณสุขุมพันธุ์ได้ล้านกว่า แต่ว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยนำเสนอมันก็ได้ระดับล้านเหมือนกัน แต่มันไม่เหมือนกับเที่ยวนี้ซึ่งทิ้งขาดทุกเขต ทิ้งห่างผู้สมัครคนอื่น ๆ ทั้งหมด ก่อนหน้านี้ก็ล้านกว่ากับหนึ่งล้าน มันประมาณเรียกว่าคู่แข่ง ชนะกันไม่มาก แต่ครั้งนี้เป็นแลนด์สไลด์
ดังนั้น
จึงถือว่าเป็นเคราะห์ดีของกกต.นะคะที่รับรอง
เพราะว่าดิฉันคิดว่าถ้ากกต.ไม่รับรองเที่ยวนี้นะ
ก็อาจจะกลายเป็นโอกาสของประชาชนจำนวนหนึ่งซึ่งมีความไม่พอใจรัฐบาลเป็นทุนอยู่แล้ว
ถ้ากกต.ขานรับคุณศรีสุวรรณซึ่งเป็นนักร้อง แล้วก็เกิดให้ใบแดง ดูไม่จืดเลยค่ะ
สนุกแน่ แต่ว่าที่เราคุยวันนั้น กกต.ยังไม่ได้รับรอง
แล้วตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่าจะไม่รับรอง แต่ว่าพอวันเวลาผ่านไป
ประชาชนก็เริ่มอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น เริ่มเดือด จากร้อน ๆ ๆ จนเป็นเดือด
เพราะฉะนั้นก็ถือว่า
กกต.ซึ่งสร้างผลงานเสียหาย ดิฉันได้พูดมาแล้วว่าวีรกรรมที่ทำให้มีทำให้รัฐบาลสามารถที่จะชนะได้
เสียงได้ แล้วมีพรรคเล็ก ๆ เข้ามา เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่ในทัศนะดิฉัน “น่าอัปยศ”
เพราะมันไม่ได้เข้ากันได้ทางคณิตศาสตร์และไม่เข้ากับทางกฎหมายแต่ประการใด
นี่ยังไม่พูดเรื่องอื่นที่เลอะเทอะของกกต.อีก
หมายความว่าตอนนี้สรุปได้ว่า
กระแสของฝ่ายถ้าเรามองว่าผู้ที่รักประชาธิปไตยพากันมาเลือกตั้ง
แล้วเลือกคุณชัชชาติ รวมทั้งผู้สมัครในนามพรรคมากมาย ก็เกือบ 70%
ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงแนวทางความคิดของประชาชนระดับหนึ่ง
แต่แน่นอนดังที่ดิฉันได้พูดแล้วว่า
ปัจจัยแห่งชัยชนะมาจากต้นทุนส่วนตัวของคุณชัชชาติไม่น้อยเลย
แต่ว่าเมื่อเวลาเราหันมามองการเลือกส.ก.
เราก็พบว่าผลเลือกตั้งส.ก.พบว่าฝ่ายพรรคการเมืองที่ถือว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย
ไม่ว่าเพื่อไทย บวกก้าวไกล บวกไทยสร้างไทย คิดเป็น 58% ได้
1,347,814 คะแนน ก็ต่างกันอยู่ประมาณ 4 แสนคะแนน แต่ตรงนี้น่าสนใจก็คือมีตัวเลขหนึ่ง
ก็คือว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,357,097 คน ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 2,635,283 คน
แต่ปรากฏว่าไม่ประสงค์จะลงคะแนนส.ก.ตั้ง 240,739 คน แปลว่าพวกนี้มาเลือกผู้ว่าฯ
กทม. ไม่เลือกส.ก. ให้เราเดา? เราก็เดาว่าน่าจะมาเลือกคุณชัชชาติด้วย
เพราะฉะนั้นตัวนี้เราก็จะเห็นว่า พอมาเลือกส.ก. คะแนนฝ่ายประชาธิปไตยลดลงมาเหลือ 58% ไม่ใช่ 67% แล้วคะแนนฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็คือพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้มากขึ้น ก็คือ 37% มันก็มีความต่างกับเลือกผู้ว่าฯ กทม.
เพราะฉะนั้นในจำนวนนี้เราก็มองได้ว่า
ในฝ่ายประชาธิปไตยเองที่ส่งคนมาสมัครผู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นก้าวไกล
ไม่ว่าจะเป็นไทยสร้างไทย อันนี้ไม่นับเพื่อไทยเพราะไม่ส่ง
ก็มีคนที่มาเลือกคุณชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ กทม. อยู่จำนวนมาก ก็เรียกว่านับแสนคน
เพราะว่าถ้าเราดูคะแนนเราจะพบว่าผู้สมัครแต่ละคนได้คะแนนประมาณ 2.5 แสน
แต่ว่าคะแนนของเลือกส.ก. ยกตัวอย่างเช่น ไทยสร้างไทย ได้ 241,975 คะแนน ก้าวไกล
ได้ 485,830 คะแนน พรรคเพื่อไทย ได้ 620,009 คะแนน แต่ว่าคะแนนของผู้ว่าฯ
ของไทยสร้างไทย 73,720 คะแนน แปลว่าคนอีกแสนกว่าไปเลือกคุณชัชชาติ
หรือว่าของพรรคก้าวไกล จาก 485,830 คะแนน เลือกคุณวิโรจน์ก็ประมาณครึ่งเดียว ดังนั้น
คนประมาณสามแสนกว่าเป็นการเลือกแบบยุทธศาสตร์ ก็คือเลือกคุณชัชชาติ
รวมทั้งได้คะแนนของคนที่ไม่ประสงค์จะเลือกพรรคการเมือง ส.ก. แต่มาเลือกคุณชัชชาติ
พูดง่าย ๆ ว่าเราได้จากพวกสวิงโหวต พวกอนุรักษ์นิยมมาด้วยจำนวนหนึ่ง
ตรงนี้แม้นการเลือกตั้งมีพลวัตร
ดูมีอนาคตของฝ่ายประชาธิปไตย
แต่ว่าเราก็จะเห็นว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมนั้นตัวเลขก็ไม่น้อย ก็คือ 37%
อาจจะพูดถึงสวิงไป 40% ก็ได้
แต่เดิมที่ดิฉันเคยประเมินมักจะเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ส่วนตรงกลางถ้าสวิงไปทางไหน
สวิงไปทางอนุรักษ์นิยม อนุรักษ์นิยมก็จะชนะ ถ้าสวิงมาทางฝ่ายเสรีนิยม
เสรีนิยมก็จะชนะ แต่กรุงเทพฯ เป็นเมืองของฝ่ายอนุรักษ์นิยมมาช้านาน
ดังนั้นในครั้งนี้ต้องถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเลือกส.ก.
เลือกผู้ว่าฯ
ทำให้ฝ่ายเสรีนิยมและฝ่ายรักประชาธิปไตยนั้นได้คะแนนเสียงมากและชนะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ประเด็นต่อมาพิจารณาการเลือกส.ก.
คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย ส.ก.ได้ถึง 20 ที่นั่ง พรรคก้าวไกลก็ได้ถึง 14 ที่นั่ง
แม้นพรรคไทยสร้างไทยอาจจะได้น้อย แต่ว่าอันนั้นก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเราจะโฟกัส
เราก็จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล ในครั้งนี้มีกระแสสูง
ในการแลกเปลี่ยนนั้นมีการพูดคุยกัน พี่น้องในพื้นที่พูดเรื่องกระแส
พูดเรื่องกระสุน และพูดถึงทุนของผู้สมัคร ต้นทุนของผู้สมัคร ซึ่งน่าสนใจก็คือ
เอาข้อมูลกันก่อนก็ได้ว่าหากเรามองไปยังอนาคต พรรคก้าวไกลน่าสนใจมาก ครั้งนี้ได้
14 เขต แต่ได้ที่สอง 24 เขต ที่สองมันก็มีโอกาสจะสวิงขึ้นมาที่หนึ่งได้ ดังนั้น
ดิฉันก็พูดไปเลยถึงเรื่องว่าตัวเลขทำนายอนาคต “ก้าวไกล” มีความน่าสนใจมาก
สำหรับ “เพื่อไทย” ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ซึ่งไม่ได้ส.ก.ในพื้นทีเหล่านี้ ไม่ได้ส.ส.ในพื้นที่เหล่านี้ แต่กลับได้ ก็น่าสนใจ เพื่อไทยที่ได้ที่สอง 9 เขต แต่ได้ที่หนึ่ง 20 เขต 9 เขตนี้ก็มีโอกาสที่จะได้รับชัยชนะได้ แม้นว่าเขตนี้อาจจะไม่เหมือนกับเขตส.ส. แต่เราหมายถึงจำนวนประชาชนที่สนับสนุน
ส่วนพรรค
“ประชาธิปัตย์” ก็คือ ที่ได้อยู่แล้ว 9 เขต ได้ที่สอง 7 เขต แต่ว่าประชาธิปัตย์
ดิฉันอยากจะเรียนว่าถ้าเทียบต้นทุนซึ่งก็แลกเปลี่ยนกันกับพี่น้อง
ครั้งนี้ที่ได้ก็คือเป็นเขตที่เขาเคยได้ส.ก.มาก่อน แน่นอนครั้งที่แล้วส.ส.ไม่ได้เลยสักคน
ที่ได้เที่ยวนี้ก็คือต้นทุนของคนเดิมที่เคยเป็นส.ก.มาก่อนทั้งหมดเลย
ส่วนที่สองก็น่าสนใจว่ามีถึง 7 เขต แต่ว่าสำหรับครั้งนี้ที่ได้รับชัยชนะนั้น
พรรคก้าวไกลได้รับชัยชนะในพื้นที่ที่ตัวเองไม่มีส.ส. แล้วก็ไม่มีส.ก.มาก เช่น เขตจตุจักร
บางซื่อ พระนคร 7 เขตที่ ส่วนเพื่อไทยได้ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีส.ส.และส.ก. 6 ที่
ต้องถือว่าเป็นความสำเร็จของสองพรรคนี้
ก็คือได้ส.ก.ในพื้นที่ที่ไม่เคยมีส.ส.ครั้งที่แล้ว แล้วก็ไม่ได้ส.ก.ครั้งที่แล้ว
ประเด็นที่
3 ดูตัวเลขผลการเลือกส.ก. ที่ 1 และที่ 2 เพื่อประเมินอนาคตสรุปกับพี่น้องประชาชน
เราจะเห็นว่าเพื่อไทยกับก้าวไกลกระแสสูงขึ้น
จึงทำให้ได้ในพื้นที่ที่ไม่ได้ส.ส.มาก่อน แล้วก็ไม่ได้ส.ก.มาก่อน
กระแสอันนี้จะเป็นจากที่มีการทำครอบครัวเพื่อไทย มีคุณอุ๊งอิ้งมาช่วยมากหรือเปล่า
เราถามเขา เขาก็บอกว่าก็ได้อยู่ ได้มากพอควร การที่พยายามจะมีการฟื้นฟูโครงสร้างใหม่
ๆ รวมทั้งความเชื่อมั่นในบุคคล อันนี้ก็เป็นกระแส
ส่วนก้าวไกลนั้นก็เป็นกระแสที่เรียกว่าไม่ต้องใช้กระสุนเลย จนกระทั่งพี่น้องประชาชนที่เป็นผู้สนับสนุนก็พากันบ่น เพราะฉะนั้น ตรงประเด็นเหล่านี้เมื่อดูตัวเลข แสดงว่า ไม่ต้องพูดถึงคุณชัชชาตินะคะ เอาว่าพรรคการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ฝ่ายที่เป็นเสรีนิยม จะเป็นเพื่อไทย หรือก้าวไกล ชัดเจนว่ามีอนาคต ดังนั้นตัวเลขของเพื่อไทย 20 แล้วบวกที่สองอีก 7 ที่ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ
สำหรับพรรคก้าวไกลนั้นมีความหวังมาก
เพราะได้ที่สองถึง 24 เขต แล้วก็ตอนนี้มีอยู่ 14 เขต เพราะฉะนั้นถ้า 24
ถ้าขึ้นไปได้อีกสักครึ่งหนึ่ง นั่นก็แปลว่าใน 50 เขต 14 + 12 หรือ 13 หรือ 14
ก็แปลว่ามีโอกาสได้เกินครึ่ง นี่ก็คือเป็นการทำนายอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้ว่าดูเหมือนว่าพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยสามารถทำนายได้ว่าถ้ามีการเลือกตั้งอันใกล้
สองพรรคนี้จะมาได้ดี แต่ว่าก็ประมาทไม่ได้
เพราะว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยมถ้าเลือกส.ก.เสียงประมาณ 37%
ไม่ใช่น้อย คน 37% ที่เป็นอนุรักษ์นิยม
แล้วถ้าเดิมนั้นเกินครึ่งนะคะ จากในอดีตที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ
ที่มาเลือกตั้งประมาณครึ่งหนึ่ง ไม่ต่ำกว่า 50% แต่ถ้ารวมหลายพรรคแล้วอาจจะเกิน
50% เป็นฝั่งอนุรักษ์นิยม
เมื่อแข่งกับพรรคเพื่อไทยก็ใกล้เคียงกัน ล้านกว่ากับ 1 ล้านเศษ ๆ ประมาณนี้
แต่พอฝ่ายอนุรักษ์นิยมแตกเป็นจำนวนมากหลายพรรค แล้วฝายเสรีนิยมในผู้ว่าฯ โดดเด่น 1
คน แต่ว่าผู้สมัครผู้ว่าฯ ในพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็โดดเด่นอยู่ 2-3 คน
ก็เรียกว่าตัวหารมันน้อยกว่า แต่ว่าก็ประมาทไม่ได้
ถ้าหากว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง
ดังนั้น
ที่คุยกันก็คือกระแสในหมู่พี่น้องประชาชน กระแสของพรรคมีผลสูงมาก
เหมือนกับกระแสคุณชัชชชาติ กระสุนพี่น้องก็แลกเปลี่ยนว่ามีผลน้อย ถามว่ามีมั้ย? มี!!!
ในบางเขตซึ่งน่าจะพูดถึงว่าน่าจะเป็นเขตบางเขตที่เคยได้รับการเลือกตั้ง
ก็ทุ่มเต็มที่ เพราะฉะนั้นกระสุนมีอิทธิพลน้อยกว่ากระแส
แต่พรรคที่ฟื้นตัวมาได้ก็คือมีต้นทุนบุคคล เช่น เป็นอดีตส.ก.
พี่น้องที่มาคุยกันแลกเปลี่ยนกันรวมทั้งข้อมูลก็มีความยินดีที่ดูเหมือนว่าอนาคตฝ่ายประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยจะดูสดใสมากขึ้น
แต่ดังที่ดิฉันได้บอกว่า ต้นทุนส่วนบุคคลของผู้สมัครแต่ละพรรคการเมืองก็สำคัญ
ถ้าต่อให้คุณเอากระแส คุณมีกระแส สมมติอย่างเป็นพรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพรรคก้าวไกล
หรือไทยสร้างไทย อย่างไทยสร้างไทยอาจจะดูกระแสไม่สูง
แต่ถ้ามีบุคลากรที่ดีก็อาจจะตีตื้นขึ้น หรือเพื่อไทยกับก้าวไกล
คิดว่ากระแสสูงก็ส่งคนแบบไหนก็ได้
เมื่อเข้าไปเทียบในพื้นที่กับบุคคลที่มีคุณสมบัติสูง อันนี้ก็กระแสอย่างเดียวไม่พอ
เพราะฉะนั้นสำหรับฝ่ายประชาธิปไตย
กระแสทางการเมือง ความสามารถ วิสัยทัศน์ของพรรค
บทบาทของพรรคการเมืองนั้นมีบทบาทสำคัญ
แต่ว่าบุคคลที่จะเป็นตัวแทนในพื้นที่ก็มีความสำคัญไม่น้อย
อันนี้ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกัน
จากการเลือกตั้งครั้งนี้มันก็ทำให้ฝ่ายประชาชนก็พอจะยิ้มออกได้บ้าง
แล้วก็ความคิดที่เรียกว่าถ้าเกิดกกต.ไม่รับรองคุณชัชชาติ
หลายคนก็อยากจะให้ไม่รับนะ ก็คิดว่าจะสนุก แต่ดิฉันว่ารับแหละดีกว่า
เพราะว่ามันยังไม่ถึงเวลา เพราะว่าคุณชัชชาติพูดเองว่า
การต่อสู้หรือการแก้แค้นนั้น คือแนวคุณชัชชาติอาจจะไม่เสริฟอาหารจานร้อน ก็เสริฟอาหารที่เย็นสักหน่อย
ก็คือมีเหตุผล ได้ประโยชน์ การขับเคลื่อน มีเหตุผล ได้ประโยชน์ รู้ประมาณ
วันนี้ขอจบเพียงแค่นี้ค่ะ
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์