วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2565

บุ้ง-ใบปอ ประกาศปฏิเสธการรักษาจากทางเรือนจำ ขณะแม่ส่งจม.ถึงลูก “แม่รอพี่บุ้งทุกครั้งที่มีการขอประกัน”

 


บุ้ง-ใบปอ ประกาศปฏิเสธการรักษาจากทางเรือนจำ ขณะแม่ส่งจม.ถึงลูก "แม่รอพี่บุ้งทุกครั้งที่มีการขอประกัน"


[จากบันทึกเยี่ยมของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 16 มิ.ย. 65]


16 มิ.ย. 2565 เราเยี่ยมบุ้งและใบปอเช่นเคย กลายเป็นกิจวัตรที่ไม่ควรจะเป็น ทั้งสองคนยังอยู่ในแดนแรกรับหลังจากออกศาลเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2565 และเป็นวันที่ 45 ของการถูกคุมขัง


ปกติในช่วงโควิดไม่ว่าจะอยู่ในฤดูอะไร เวลาเราเยี่ยมคนที่อยู่ในเรือนจำหญิง พวกเขาต้องใส่เสื้อคลุมฝน หน้ากากอนามัย และ face shield มาเสมอ ไม่ได้กันฝน แต่เพื่อป้องกันโควิด แต่เราสังเกตว่าทั้งสองไม่ได้ใส่เสื้อคลุมฝนหลายวันแล้ว


เมื่อวานใบปอบอกว่าสาเหตุที่ไม่ได้ใส่แล้ว เพราะวันก่อนหลังจากคุยกับทนายความ แค่เดินกลับเข้าห้องขัง พวกเขาก็แทบเป็นลมแล้ว เพราะอากาศร้อนมาก พวกเขาร่างกายไม่แข็งแรง พอต้องใส่ชุดคลุมก็แทบหายใจไม่ออก


เราเริ่มจากการแจ้งทั้งสองคนว่า ทีมทนายความได้ยื่นประกันพวกเขาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4 ทั้งสองคนดูตื่นเต้น แต่ก็ยังเผื่อใจว่าอาจจะไม่ได้ประกัน เราแจ้งถึงคดีของนักกิจกรรมที่มีนัดไต่สวนเพิกถอนประกัน ซึ่งเมื่อไต่สวนแล้วศาลเห็นว่านักกิจกรรมคนนั้นไม่ได้ผิดเงื่อนไขประกันตัว


แม้ว่าในวันเดียวกันนี้เองที่ตำรวจได้จับกุมหม่อมดิว นารา และหนูรัตน์จากโฆษณา Lazada ซึ่งเราเห็นว่าในเชิงเนื้อหาของการโฆษณานั้นไม่เป็นการดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาดมาดร้าย และยิ่งหากพิจารณาองค์ประกอบว่าพวกเขาแต่งกายแล้ว ยิ่งไม่เข้ามาตรา 112 เพราะมาตรานี้คุ้มครองเพียงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ทั้งสองคนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย แต่เราต่างรู้ดีว่าในทางปฏิบัติ หลักการและความเป็นจริงนั้นอาจต่างกัน ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงไม่ต้องอยู่ในเรือนจำขณะนี้


เราเล่าเรื่องลุงคนหนึ่งที่มายืนเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้บุ้งและใบปอหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ตั้งแต่วันจันทร์ และกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งสองรู้สึกขอบคุณ “เราได้รับรู้ว่าทุกคนกำลังสู้เพื่อเรา ขอบคุณมาก ๆ อยากให้ทุกคนดูแลตัวเอง เราก็จะดูแลตัวเองเท่าที่ได้”


จากนั้นเราได้อ่านจดหมายจากคนนอกเรือนจำที่เขียนส่งมาให้กำลังใจทั้งสองคน แต่ฉบับสำคัญที่สุดมาจากแม่ของบุ้ง


แม่เก็บของ เจอรูปพี่บุ้งสมัยที่ยังตัวน้อยแรกเกิด จากเด็กตัวน้อยในวันนั้นได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ ที่เดินทางมาจนเป็นนักกิจกรรม นักสู้”


พี่บุ้งเรียนเก่งตั้งแต่เล็ก ๆ เลย ฉลาด ทันคน จนคุณครูคุยกับแม่เสมอว่า ลูกสาวโตขึ้นน่าจะได้เป็นนักการเมือง เพราะเรื่องทุกเรื่องพี่บุ้งจัดการเองหมด รู้หมดทุกอย่างว่าจะแก้ปัญหาให้เพื่อน ๆ อย่างไร”


ตัวตนของพี่บุ้งเป็นคนที่จิตใจดีมาก แม่รู้ดี พี่บุ้งมักจะใจดีกับคนอื่นเสมอ คนภายนอกที่เห็นลูกของแม่เพียงผิวเผิน ก็วิจารณ์ต่าง ๆ นานา อย่าได้หวั่นไหว ให้มั่นใจในตัวเอง พี่บุ้งเกิดมาในครอบครัวที่ดี และแม่ก็มั่นใจว่าเรือนจำไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนของพี่บุ้งได้”


แม่ภูมิใจในตัวพี่บุ้งนะ ลูกของแม่เข้มแข็งมาก แม่รู้สิ แม่รู้จักพี่บุ้งดีที่สุด”


แม่รอพี่บุ้งทุกครั้งที่มีการขอประกัน เตรียมกับข้าวรอไว้ให้ทุกครั้ง แม่ยินดีต้อนรับน้องใบปอลูกสาวของแม่อีกคนนะลูก ภาวนาขอให้ลูกทั้งสองได้ออกมา กลับบ้านเรานะลูก


แม่เตรียมที่นอน ผ้าห่มหอม ๆ กับข้าวฝีมือแม่ที่อร่อยระดับ 5 ดาว เตรียม Bath Bomb ไว้เผื่อลูก ๆ แช่อ่างน้ำที่บ้านไว้ด้วยนะ จะได้ผ่อนคลายหายเครียดนะลูก แม่คิดว่าน้องใบปอน่าจะชอบ”


แม่รอลูกอยู่เสมอนะ รอพี่บุ้ง น้องใบปอ แม่รอลูกทุกวัน”


ฝากถึงน้องใบปอ บ้านแม่เล็ก ๆ นะลูก อ่างน้ำก็เล็ก แต่หนูจะอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข มาเติมพลังกันก่อนนะลูกนะ”


บุ้งเอามือปิดหน้า ขณะเราอ่านจดหมายให้ฟัง อ่านจบบุ้งต้องใช้เวลาสักครู่ กว่าจะเรียบเรียงคำพูดฝากถึงแม่


สิ่งที่บุ้งกังวลมาตลอดคือสุขภาพของแม่ บุ้งรู้ว่าน่าจะหนักสำหรับแม่กับการที่บุ้งต้องอยู่ในเรือนจำ แต่ขอให้แม่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย”


อย่างที่แม่บอกว่าเรือนจำทำอะไรบุ้งไม่ได้ แม้จะอดอาหารจนไม่มีไขมันให้เผาผลาญ เรือนจำก็ทำอะไรบุ้งไม่ได้ แม่เข้าใจถูกแล้ว รอให้บุ้งออกไป จะแนะนำให้รู้จักน้องสุดที่รัก ใบปอ เป็นเหมือน Sucre ใน Prison Break


สิ่งที่ช่วยปรับอารมณ์บุ้ง ในนี้คือ Harry Potter ที่บุ้งโตมากับมัน และความจริงแม่ก็เป็นคนแนะนำให้บุ้งอ่านเรื่องนี้ แต่นอกจาก Harry Potter แล้วบุ้งก็คิดถึงอาหารของแม่ อะไรมันคงดีกว่านี้ถ้าได้กินอาหารฝีมือแม่ บุ้งพยายามหาอาหารใต้กินในนี้ บุ้งหาได้ก็เป็นไตปลาแห้งที่ใกล้เคียงกับอาหารของแม่ที่สุด ก่อนหน้านี้ตอนที่กินอาหารได้ บุ้งกินไตปลาแห้งกับอาหารทุกอย่าง เพราะกินไตปลาแห้งทำให้รู้สึกว่าอยู่ใกล้ ๆ แม่”


หลังจากอ่านจดหมาย เราอัพเดทอาการของทั้งสองคน ทั้งสองคนบอกว่าวันนี้เกิดเรื่องขึ้น และอัพเดทว่า บุ้งน้ำหนักลดไปอีกเกือบหนึ่งกิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักที่ลดไปตั้งแต่ถูกขังรวม ๆ น่าจะประมาณ 10 กิโลกรัมแล้ว


บุ้งยังกินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำเปล่า แต่เมื่อวานใบปอมีอาการถ่ายเหลว ทางเรือนจำจึงให้ไปพบแพทย์ แต่ดูเหมือนการพบแพทย์ครั้งนี้ของทั้งสองคนจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี 


ใบปอเล่าว่าแพทย์คนนี้เคยเจอเป็นครั้งแรก แต่กลับถามเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยเลย และกล่าวว่าใบปอ “ทำไมดื้ออย่างนี้”  “ทำไมเรียนอยู่แค่ปีหนึ่งเอง ทำไมหัวรุนแรง”


หลังจากการพูดคุยไม่ประสบผลสำเร็จ แพทย์ยังบันทึกว่าทั้งสองคนไม่ต้องการความช่วยเหลือ เมื่อกลับมาจากสถานพยาบาลพวกเธอยังได้ทำบันทึกแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงทางเรือนจำ เรียกร้องความรับผิดชอบจากแพทย์และกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ใบปอยังฝากจดหมายออกมาสื่อสารเรื่องดังกล่าว


ข้อความนี้เป็นข้อเท็จจริงจากใบปอเองนะคะ


วันนี้ (16 มิ.ย. 65) ใบปอกับพี่บุ้งมีเรื่องอยากให้ทุกคนรับรู้และเป็นพยานว่าเราสองคนโดนความรุนแรงภายในเรือนจำโดยนายแพทย์ชาตรี หมอที่สถานพยาบาลประจำเรือนจำที่เป็นผู้ตรวจอาการเราสองคนวันนี้


ระหว่างที่ซักถามอาการเราสองคน หมอได้ใช้คำพูดข่มขู่ เสียดสี และคุกคามใบปอด้วยคำพูดว่า “ถ้ามีปืนก็คง…( ทำท่ามือเป็นปืนเอามาจ่อที่คาง)” พร้อมหัวเราะ และยังพูดข่มขู่ว่า “ต้องจับสองคนนี้แยกออกจากกัน” รวมถึงพูดซักถามประวัติส่วนตัวและวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับสุขภาพทางกายและอยู่นอกเหนือการรักษา ไม่ได้ให้คำแนะนำหรือความช่วยเหลือตามจรรยาบรรณของแพทย์ ในขณะที่มือถือหนังสือพุทธวัจนะอยู่ แต่กลับพูดเสียดสีความเป็นความตายของเราได้อย่างสนุกสนาน


หลังจากออกจากสถานพยาบาลใบปอได้เล่าให้พี่บุ้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นฟัง พี่บุ้งโกรธจนน้ำตาไหล จนอาเจียนเกือบเป็นลม และต้องนั่งรถเข็นกลับห้องขัง ความรุนแรงความกดดันในเรือนจำมีผลต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจมาก ๆ  การอยู่ในนี้ทุกวินาทีคือการต่อสู้จริง ๆ


เราต้องการส่งเสียงให้คนข้างนอกรับรู้สิ่งที่พวกเราเจอด้วยตัวเราเอง จึงเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา และขอประกาศว่าเราทั้งสองคนขอปฏิเสธการรักษาและการให้ยาทุกประเภทภายในเรือนจำนับจากนี้ไป


ข้อความในจดหมายนี้เป็นความจริงทุกประการไม่ใช่ข่าวที่ถูกบิดเบือนและถูกใส่สีจากบุคคลอื่น


ใบปอ ทะลุวัง


ทัณฑสถานหญิงกลาง

16 มิถุนายน 2565


วันที่ 45 ของการคุมขัง


วันที่ 15 ของการอดอาหาร


ที่มา : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน


#ปล่อยเพื่อนเรา #คืนสิทธิการประกันตัว

#มาตรา112

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์