บุ้ง-ใบปอ ประกาศปฏิเสธการรักษาจากทางเรือนจำ ขณะแม่ส่งจม.ถึงลูก "แม่รอพี่บุ้งทุกครั้งที่มีการขอประกัน"
[จากบันทึกเยี่ยมของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน 16 มิ.ย. 65]
16
มิ.ย. 2565 เราเยี่ยมบุ้งและใบปอเช่นเคย
กลายเป็นกิจวัตรที่ไม่ควรจะเป็น
ทั้งสองคนยังอยู่ในแดนแรกรับหลังจากออกศาลเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.
2565 และเป็นวันที่ 45 ของการถูกคุมขัง
ปกติในช่วงโควิดไม่ว่าจะอยู่ในฤดูอะไร
เวลาเราเยี่ยมคนที่อยู่ในเรือนจำหญิง พวกเขาต้องใส่เสื้อคลุมฝน หน้ากากอนามัย และ face shield มาเสมอ ไม่ได้กันฝน แต่เพื่อป้องกันโควิด
แต่เราสังเกตว่าทั้งสองไม่ได้ใส่เสื้อคลุมฝนหลายวันแล้ว
เมื่อวานใบปอบอกว่าสาเหตุที่ไม่ได้ใส่แล้ว
เพราะวันก่อนหลังจากคุยกับทนายความ แค่เดินกลับเข้าห้องขัง พวกเขาก็แทบเป็นลมแล้ว
เพราะอากาศร้อนมาก พวกเขาร่างกายไม่แข็งแรง พอต้องใส่ชุดคลุมก็แทบหายใจไม่ออก
เราเริ่มจากการแจ้งทั้งสองคนว่า
ทีมทนายความได้ยื่นประกันพวกเขาอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 4
ทั้งสองคนดูตื่นเต้น แต่ก็ยังเผื่อใจว่าอาจจะไม่ได้ประกัน
เราแจ้งถึงคดีของนักกิจกรรมที่มีนัดไต่สวนเพิกถอนประกัน
ซึ่งเมื่อไต่สวนแล้วศาลเห็นว่านักกิจกรรมคนนั้นไม่ได้ผิดเงื่อนไขประกันตัว
แม้ว่าในวันเดียวกันนี้เองที่ตำรวจได้จับกุมหม่อมดิว
นารา และหนูรัตน์จากโฆษณา Lazada
ซึ่งเราเห็นว่าในเชิงเนื้อหาของการโฆษณานั้นไม่เป็นการดูหมิ่น
หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาดมาดร้าย และยิ่งหากพิจารณาองค์ประกอบว่าพวกเขาแต่งกายแล้ว
ยิ่งไม่เข้ามาตรา 112
เพราะมาตรานี้คุ้มครองเพียงพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ทั้งสองคนก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย
แต่เราต่างรู้ดีว่าในทางปฏิบัติ หลักการและความเป็นจริงนั้นอาจต่างกัน
ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงไม่ต้องอยู่ในเรือนจำขณะนี้
เราเล่าเรื่องลุงคนหนึ่งที่มายืนเรียกร้องสิทธิประกันตัวให้บุ้งและใบปอหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ตั้งแต่วันจันทร์
และกิจกรรมอื่น ๆ ทั้งสองรู้สึกขอบคุณ “เราได้รับรู้ว่าทุกคนกำลังสู้เพื่อเรา
ขอบคุณมาก ๆ อยากให้ทุกคนดูแลตัวเอง เราก็จะดูแลตัวเองเท่าที่ได้”
จากนั้นเราได้อ่านจดหมายจากคนนอกเรือนจำที่เขียนส่งมาให้กำลังใจทั้งสองคน
แต่ฉบับสำคัญที่สุดมาจากแม่ของบุ้ง
“แม่เก็บของ เจอรูปพี่บุ้งสมัยที่ยังตัวน้อยแรกเกิด
จากเด็กตัวน้อยในวันนั้นได้กลายมาเป็นผู้ใหญ่ ที่เดินทางมาจนเป็นนักกิจกรรม นักสู้”
“พี่บุ้งเรียนเก่งตั้งแต่เล็ก ๆ เลย ฉลาด ทันคน จนคุณครูคุยกับแม่เสมอว่า
ลูกสาวโตขึ้นน่าจะได้เป็นนักการเมือง เพราะเรื่องทุกเรื่องพี่บุ้งจัดการเองหมด
รู้หมดทุกอย่างว่าจะแก้ปัญหาให้เพื่อน ๆ อย่างไร”
“ตัวตนของพี่บุ้งเป็นคนที่จิตใจดีมาก แม่รู้ดี
พี่บุ้งมักจะใจดีกับคนอื่นเสมอ คนภายนอกที่เห็นลูกของแม่เพียงผิวเผิน
ก็วิจารณ์ต่าง ๆ นานา อย่าได้หวั่นไหว ให้มั่นใจในตัวเอง พี่บุ้งเกิดมาในครอบครัวที่ดี
และแม่ก็มั่นใจว่าเรือนจำไม่สามารถเปลี่ยนตัวตนของพี่บุ้งได้”
“แม่ภูมิใจในตัวพี่บุ้งนะ ลูกของแม่เข้มแข็งมาก แม่รู้สิ
แม่รู้จักพี่บุ้งดีที่สุด”
“แม่รอพี่บุ้งทุกครั้งที่มีการขอประกัน เตรียมกับข้าวรอไว้ให้ทุกครั้ง
แม่ยินดีต้อนรับน้องใบปอลูกสาวของแม่อีกคนนะลูก ภาวนาขอให้ลูกทั้งสองได้ออกมา
กลับบ้านเรานะลูก
“แม่เตรียมที่นอน ผ้าห่มหอม ๆ กับข้าวฝีมือแม่ที่อร่อยระดับ 5 ดาว เตรียม Bath Bomb ไว้เผื่อลูก ๆ
แช่อ่างน้ำที่บ้านไว้ด้วยนะ จะได้ผ่อนคลายหายเครียดนะลูก
แม่คิดว่าน้องใบปอน่าจะชอบ”
“แม่รอลูกอยู่เสมอนะ รอพี่บุ้ง น้องใบปอ แม่รอลูกทุกวัน”
“ฝากถึงน้องใบปอ บ้านแม่เล็ก ๆ นะลูก อ่างน้ำก็เล็ก
แต่หนูจะอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข มาเติมพลังกันก่อนนะลูกนะ”
บุ้งเอามือปิดหน้า
ขณะเราอ่านจดหมายให้ฟัง อ่านจบบุ้งต้องใช้เวลาสักครู่
กว่าจะเรียบเรียงคำพูดฝากถึงแม่
“สิ่งที่บุ้งกังวลมาตลอดคือสุขภาพของแม่
บุ้งรู้ว่าน่าจะหนักสำหรับแม่กับการที่บุ้งต้องอยู่ในเรือนจำ
แต่ขอให้แม่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วย”
“อย่างที่แม่บอกว่าเรือนจำทำอะไรบุ้งไม่ได้
แม้จะอดอาหารจนไม่มีไขมันให้เผาผลาญ เรือนจำก็ทำอะไรบุ้งไม่ได้ แม่เข้าใจถูกแล้ว
รอให้บุ้งออกไป จะแนะนำให้รู้จักน้องสุดที่รัก ใบปอ เป็นเหมือน Sucre ใน Prison Break”
“สิ่งที่ช่วยปรับอารมณ์บุ้ง ในนี้คือ Harry Potter ที่บุ้งโตมากับมัน
และความจริงแม่ก็เป็นคนแนะนำให้บุ้งอ่านเรื่องนี้ แต่นอกจาก Harry Potter แล้วบุ้งก็คิดถึงอาหารของแม่ อะไรมันคงดีกว่านี้ถ้าได้กินอาหารฝีมือแม่
บุ้งพยายามหาอาหารใต้กินในนี้
บุ้งหาได้ก็เป็นไตปลาแห้งที่ใกล้เคียงกับอาหารของแม่ที่สุด
ก่อนหน้านี้ตอนที่กินอาหารได้ บุ้งกินไตปลาแห้งกับอาหารทุกอย่าง
เพราะกินไตปลาแห้งทำให้รู้สึกว่าอยู่ใกล้ ๆ แม่”
หลังจากอ่านจดหมาย
เราอัพเดทอาการของทั้งสองคน ทั้งสองคนบอกว่าวันนี้เกิดเรื่องขึ้น และอัพเดทว่า
บุ้งน้ำหนักลดไปอีกเกือบหนึ่งกิโลกรัม ตอนนี้น้ำหนักที่ลดไปตั้งแต่ถูกขังรวม ๆ
น่าจะประมาณ 10 กิโลกรัมแล้ว
บุ้งยังกินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำเปล่า
แต่เมื่อวานใบปอมีอาการถ่ายเหลว ทางเรือนจำจึงให้ไปพบแพทย์
แต่ดูเหมือนการพบแพทย์ครั้งนี้ของทั้งสองคนจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดี
ใบปอเล่าว่าแพทย์คนนี้เคยเจอเป็นครั้งแรก
แต่กลับถามเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องอาการป่วยเลย และกล่าวว่าใบปอ
“ทำไมดื้ออย่างนี้” “ทำไมเรียนอยู่แค่ปีหนึ่งเอง
ทำไมหัวรุนแรง”
หลังจากการพูดคุยไม่ประสบผลสำเร็จ
แพทย์ยังบันทึกว่าทั้งสองคนไม่ต้องการความช่วยเหลือ
เมื่อกลับมาจากสถานพยาบาลพวกเธอยังได้ทำบันทึกแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงทางเรือนจำ
เรียกร้องความรับผิดชอบจากแพทย์และกรมราชทัณฑ์ นอกจากนี้ใบปอยังฝากจดหมายออกมาสื่อสารเรื่องดังกล่าว
ข้อความนี้เป็นข้อเท็จจริงจากใบปอเองนะคะ
วันนี้
(16 มิ.ย. 65) ใบปอกับพี่บุ้งมีเรื่องอยากให้ทุกคนรับรู้และเป็นพยานว่าเราสองคนโดนความรุนแรงภายในเรือนจำโดยนายแพทย์ชาตรี
หมอที่สถานพยาบาลประจำเรือนจำที่เป็นผู้ตรวจอาการเราสองคนวันนี้
ระหว่างที่ซักถามอาการเราสองคน
หมอได้ใช้คำพูดข่มขู่ เสียดสี และคุกคามใบปอด้วยคำพูดว่า “ถ้ามีปืนก็คง…(
ทำท่ามือเป็นปืนเอามาจ่อที่คาง)” พร้อมหัวเราะ และยังพูดข่มขู่ว่า
“ต้องจับสองคนนี้แยกออกจากกัน” รวมถึงพูดซักถามประวัติส่วนตัวและวิพากษ์วิจารณ์
ซึ่งไม่เกี่ยวกับสุขภาพทางกายและอยู่นอกเหนือการรักษา
ไม่ได้ให้คำแนะนำหรือความช่วยเหลือตามจรรยาบรรณของแพทย์
ในขณะที่มือถือหนังสือพุทธวัจนะอยู่
แต่กลับพูดเสียดสีความเป็นความตายของเราได้อย่างสนุกสนาน
หลังจากออกจากสถานพยาบาลใบปอได้เล่าให้พี่บุ้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นฟัง
พี่บุ้งโกรธจนน้ำตาไหล จนอาเจียนเกือบเป็นลม และต้องนั่งรถเข็นกลับห้องขัง
ความรุนแรงความกดดันในเรือนจำมีผลต่อทั้งสภาพร่างกายและจิตใจมาก ๆ การอยู่ในนี้ทุกวินาทีคือการต่อสู้จริง ๆ
เราต้องการส่งเสียงให้คนข้างนอกรับรู้สิ่งที่พวกเราเจอด้วยตัวเราเอง
จึงเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา
และขอประกาศว่าเราทั้งสองคนขอปฏิเสธการรักษาและการให้ยาทุกประเภทภายในเรือนจำนับจากนี้ไป
ข้อความในจดหมายนี้เป็นความจริงทุกประการไม่ใช่ข่าวที่ถูกบิดเบือนและถูกใส่สีจากบุคคลอื่น
ใบปอ
ทะลุวัง
ทัณฑสถานหญิงกลาง
16 มิถุนายน 2565
วันที่
45 ของการคุมขัง
วันที่
15 ของการอดอาหาร
ที่มา
: ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
#ปล่อยเพื่อนเรา #คืนสิทธิการประกันตัว
#มาตรา112
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์