แลไปข้างหน้ากับ
ธิดา ถาวรเศรษฐ EP.90
ประเด็น
: ปรากฏการณ์ชัชชาติ ทุบทำลายสัญลักษณ์คนดีของจารีตอำนาจนิยมไทย
สวัสดีค่ะ
วันนี้ดิฉันอยากจะคุยเรื่องปรากฎการณ์คุณชัชชาติ เป็นการทุบทำลายสัญลักษณ์คนดีของฝ่ายจารีตอำนาจนิยมโดยสิ้นเชิง
การที่คุณชัชชาติได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม.
บางส่วนอาจจะใช้คำถึงขนาดว่าเป็นการยึดกรุงโดยฝ่ายเสรีนิยม
หรือฝ่ายจารีตนิยมอำนาจนิยมได้เสียกรุงไปแล้ว ก็พูดให้สนุก ๆ อย่างนั้นก็ได้
เพราะว่าแน่นอนว่าผู้ว่าฯกทม.และแม้กระทั่งส.ส.ในกทม. จำนวนมากอยู่ข้างฝ่ายจารีตอำนาจนิยมและได้ครองเมืองมาช้านาน
ณ บัดนี้ ก็คือผู้ว่าฯกทม. ฝ่ายเสรีนิยม ประชาธิปไตยสากลที่ได้รับเสียงเลือกตั้งอย่างถล่มทลายที่เว้นห่างจากผู้สมัครคนอื่น
ๆ อย่างมาก และได้รับการเลือกตั้งจากหลายฝ่าย
แต่ในเมื่อคุณชัชชาติซึ่งในอดีต
ถ้าพูดกันตรง ๆ ก็คือในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ในฐานะอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ฝ่ายจารีตนิยมก็ต้องถือว่าอยู่ในเครือข่ายของทุนสามานย์
สามารถที่จะได้รับชัยชนะครั้งนี้
แม้นจะบอกว่าเป็นผู้สมัครอิสระและแม้นจะแสดงความเป็นอิสระอย่างไรก็ตาม
ฝ่ายจารีตนิยม อำนาจนิยมสุดขั้วก็ยังมองเป็นคนละฝ่ายอยู่นั่นเอง
ดังเราจะเห็นได้จากท่าทีท่วงทำนองของ
3ป. โดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ ที่แสดงออก
ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือดูประหนึ่งอิจฉาหรือดูประหนึ่งมีวาทะที่แม้นจะไม่อยากพูด
แต่ก็เป็นเชิงที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่ดิฉันใช้คำว่าเป็นการทุบทำลายสัญลักษณ์คนดีของฝ่ายจารีตอำนาจนิยม
แน่นอนก็คือที่ผ่านมาฝ่ายจารีตอำนาจนิยมใช้คำว่า “คนดี” และวาทกรรมคนดี
เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด เรียกว่าประการเดียวก็ได้ในการที่เข้ามายึดอำนาจ
เข้ามาทำรัฐประหาร และโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
นั่นก็คือไม่เอาระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง แต่ใช้วาทกรรมว่าประชาธิปไตยแบบไทย ๆ
และคนไทยต้องเลือกคนดีเป็นผู้ปกครอง เมื่อคนที่ถูกประชาชนเลือกมา ถูกใช้วาทกรรมว่าเป็นคนเลว
เป็นคนคอรัปชั่น เป็นคนที่ทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประมาณนี้
มันก็ประหนึ่งว่าคำว่า “คนดี”
มันจะถูกผูกขาดโดยฝั่งจารีตอำนาจนิยมและเป็นความชอบธรรม (ในการโค่นล้มทำรัฐประหาร)
การกล่าวหาว่าฝั่งที่ได้รับการเลือกตั้งมา
ซื้อเสียง มีการเอาเงินไปแจก คอรัปชั่น แล้วก็ล้มสถาบัน ไม่รักชาติ
ฝ่ายที่เป็นฝ่ายเชียร์ฝ่ายจารีตนิยมก็พยายามบอกมาว่าตัวเองรักชาติ (สนธิ
ลิ้มทองกุล) เป็นคนจีนก็เป็นลูกจีนรักชาติ ดังนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นใช้ทัศนะชาตินิยม จารีตนิยม และอำนาจนิยม
เข้ามาปกครองเพื่อที่จะจับจองว่า “คนดี” เท่านั้นจึงควรเป็นผู้ปกครอง
ดังนั้น
ปรากฏการณ์ของคุณชัชชาติได้แสดงออกให้เห็นว่า นี่คือคนดีที่ประชาชนยอมรับ
มันก็เป็นการทุบทำลายให้เห็น เปรียบเทียบ
เราไม่ต้องไปเปรียบเทียบว่าไลฟ์ของใครมากกว่า เปรียบเทียบให้เห็นว่านี่แหละคนดีของประชาชน
ที่ประชาชนเลือกเข้ามาด้วยความเชื่อว่าเป็นคนที่เขาต้องการให้มาเป็นผู้บริหาร
แม้จะถูกปรามาสว่าเป็นท้องถิ่นก็ตาม แต่ลึก ๆ ฝ่ายจารีตนิยมกลัว เพราะ “คนดี”
ของตัวเองที่มาเป็นนายกฯ มาเป็นรัฐมนตรี แล้วก็มาเป็นส.ว. อะไรต่าง ๆ เมื่อเทียบกับคนดีของประชาชนอย่างคุณชัชชาตินั้น
มันเห็นได้ชัดว่าอันนี้เป็นคนดีที่แท้จริง ที่ประชาชนนอกจากมีความเชื่อแล้ว
ปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อมั่นว่า ได้มีการติดตามว่านี่แหละคือผู้ว่าฯ
ที่เขาต้องการและเขายินดีจะให้ความร่วมมือ
ดิฉันจึงใช้คำว่า
ปรากฏการณ์ของคุณชัชชาติ คือทำลายภาพคนดีของฝั่งจารีตนิยม
แต่มันได้นำเสนอคนดีของประชาชนที่ประชาชนเลือกมา นี่แหละคนดี
เพราะว่าไม่ว่าคุณจะพูดในแง่ของความซื่อสัตย์สุจริตไม่มีอะไรด่างพร้อย
ในฐานะที่เป็นอดีตรัฐมนตรีในค่ายทุนนิยมสามานย์นะ ไม่มีความด่างพร้อย
แล้วยังมีต้นทุนที่ใช้คำพูดที่เด็ดมาก ก็คือว่า “เวลาเป็นสิ่งมาค่าที่เรามักไม่ตระหนัก”
ในการปะทะกันกับศาลรัฐธรรมนูญ
มันได้นำเสนอให้เห็นถึงแนวคิดเสรีนิยมที่ก้าวหน้า
ไม่มีการคอรัปชั่น แสดงความเป็นคนซื่อสัตย์ ขยันหมั่นเพียร อ่อนน้อมถ่อมตัว
ซึ่งนี่เป็นสัญลักษณ์คนดีทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ต้องยอมรับ แต่จริง ๆ
คนดีแบบคุณชัชชาตินั้นมันมีลักษณะที่แตกต่าง คือคนดีของฝั่งจารีตนิยม อำนาจนิยม
พูดตรง ๆ ว่าก็ต้องเงยขึ้นข้างบนดูไปจนกระทั่งถึงฟ้า
แต่คนดีของประชาชนนั้นต้องก้มหน้าลงดิน
ดังนั้น
นโยบาย 216 นโยบายที่จริงไม่ใช่นโยบายหรอก เรื่องของเส้นเลือดฝอย
คือนโยบายเส้นเลือดฝอย การไปรับฟังปัญหาจากประชาชนแล้วก็ออกมาเป็นแผนงาน 216
แผนงาน อันนี้ก็คือวิธีทำงานของคุณชัชชาติที่มีทัศนะมวลชน
ในทัศนะของดิฉันเข้าสู่ปัญหาทางทฤษฎีก็ได้
แต่ดังที่ดิฉันได้บอกไปแล้วว่า
ท่วงทำนองของคุณชัชชาติที่ฝั่งจารีตนิยมต้องตระหนกตกใจ
เพราะว่าคุณชัชชาติได้รับเลือกมามันไม่ได้แต่เพียงจำนวนที่ทิ้งห่าง
แต่มันมีบุคคลหลายฝ่ายยอมรับ หลายชนชั้นด้วย ชนชั้นนำจำนวนหนึ่ง
ชนชั้นกลางจำนวนหนึ่ง ฝั่งที่ไม่ใช่ฝั่งค่ายทุนสามานย์
อันนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งทางฝ่ายจารีตนิยมต้องตระหนกตกใจ และดังที่เราพูดไม่ว่าจะเรื่องท่วงทำนอง
อ่อนน้อมถ่อมตัว ความขยัน ความซื่อสัตย์
เหล่านี้มันเป็นเรื่องทั่วไปซึ่งคุณชัชชาติไม่ใช่แต่เพียงมีอย่างเดียวนะ
มีมากกว่าคนอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขยันและทัศนะของอ.ชัชชาติที่บอกว่าเวลาเป็นของมีค่า
นับถอยหลังไปเลย 4 ปี มีเวลาเท่าไหร่ ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์
ไม่ใช่เวลาของตัวเองและครอบครัว ไม่ใช่เรื่องพักผ่อน ต้องทำงานทั้ง 7 วัน
เพราะถ้าหายไป 2 ใน 7 ก็เท่ากับเวลาที่ทำงานก็จะหายไป 2 ใน 7 ของ 4 ปี
ซึ่งเป็นเวลราจำนวนมาก
ดังนั้น
คุณชัชชาติ จึงเป็นคนดีของประชาชนยังไม่พอ ยังเป็นคนดีที่แบบฉบับที่ฝั่งจารีตนิยมหาไม่ได้
เพราะว่าดีมากกว่า ดังนั้น ภาพลักษณ์ของคนดีในอดีต
ดิฉันต้องขออภัยที่ไม่ว่าจะมีการชูขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นในฝั่งพรรคการเมือง
ประชาธิปัตย์ อาทิ คุณชวน หลีกภัย เป็นต้น หรือว่าคนดีอย่างเช่น พลเอก เปรม
คนดีอย่างเช่น พลเอก ประยุทธ์ ผมทำงานตลอด ท่วงทำนองและการทำงาน การรับฟังประชาชน
และที่มา มันไม่มีอะไรที่จะสามารถเทียบได้กับคุณชัชชาติ
ดิฉันพูดตรงนี้ไม่ใช่เป็นการอวยหรือโหนคุณชัชชาติ
แต่ต้องการจะชี้ให้เห็นปมเงื่อนสำคัญว่า สิ่งที่อำนาจนิยม จารีตนิยม
ภาคภูมิใจบอกว่าต้องให้คนดีเท่านั้นเป็นผู้ปกครอง แล้วคนดีของใคร? นี่ไง!
คุณชัชชาติ ก็เป็นคนดีของประชาชน ดียิ่งกว่าดีของกลุ่มจารีตนิยมด้วยซ้ำ
เท่ากับว่าได้ทุบทำลายภาพลักษณ์คนดีของฝ่ายจารีตนิยม ลงไปทั้งหมด ล้มเป็นแถวเลย
ไม่ว่าคุณจะเอาภาพลักษณ์ของผู้ปกครอง ดิฉันหมายถึงผู้ปกครอง ที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี
พลเอก เปรม, คุณชวน หลีกภัย, จำลอง ศรีเมือง ใคร ๆ ก็ตามที่คุณบอกว่าเป็นคนดี
ดังนั้น
ความชอบธรรมของฝ่ายจารีตนิยมที่บอก ต้องกลุ่มเขาเท่านั้น เขาชอบธรรมที่ทำรัฐประหาร
เขาชอบธรรมที่มาโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะพวกเขาเป็นคนดี จบแล้วค่ะ
คุณไม่ใช่คนดีของประชาชน คนดีของประชาชน คุณดูคุณชัชชาติเป็นตัวอย่าง
ดิฉันไม่ได้หมายความว่า และนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝั่งจารีตนิยมอาจจะมีคนดีใกล้ ๆ กันก็ได้
แต่ที่มาเป็นผู้ปกครองยังเทียบไม่ได้นะ
หรือเป็นชนชั้นนำที่แสดงตัวให้เห็นก็ยังไม่ได้
ดิฉันอยากจะบอกว่าสาระสำคัญที่ทำให้คุณชัชชาติแตกต่างจากคนดีของฝ่ายจารีตนิยม
เพราะว่าคนดีของฝ่ายจารีตนิยมเป็นคนดีในระบบอุปถัมภ์
ตัวเองได้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครองก็ไต่ขึ้นมา มองผู้บังคับบัญชา เงยหน้าไปเรื่อย ๆ แต่คนดีของประชาชนนั้นต้องก้มหน้าลงดิน
ต้องไปยกมือไหว้ ต้องไปเคารพประชาชน ให้ประชาชนเลือกขึ้นมา
แล้วก็ต้องทำงานรับใช้ประชาชน ดังนั้นจิตใจที่ทำงานรับใช้ประชาชนก็เป็นคนดีของประชาชน
แต่จิตใจที่ทำงานรับใช้เจ้านาย ผู้อุปถัมภ์
อันนั้นก็คือคนดีของเจ้านายของคนในระบบอุปถัมภ์ มันจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะว่าถ้าคุณเป็นคนดีของประชาชน คุณอุทิศชีวิตได้ แม้นบางคนในอดีต นักต่อสู้
นักปฏิวัติ ไม่ได้มีอำนาจในการปกครอง อันนั้นเขาก็อุทิศทั้งชีวิต ยิ่งกว่า 24 ชม.
แต่ว่าในฐานะผู้เข้ามาปกครองตามวิถีทางประชาธิปไตย เขาจึงสามารถอุทิศได้ เวลา 24
ชม. เพราะพวกคุณอยู่ในพวกระบบอุปถัมภ์จารีตนิยมคอยแหงนมองเจ้านายว่าไง?
คุณไม่สามารถอุทิศชีวิตให้กับเจ้านายทั้งหมดได้ เพราะคุณต้องมีชีวิตของตัวเอง แต่คนที่อยู่กับประชาชน
มาจากประชาชน มีโอกาสที่จะมีคนที่สามารถอุทิศชีวิตหรืออุทิศเวลาทั้งหมดให้กับการทำงานเพื่อประชาชนได้
นอกจากคนดีที่มาจากประชาชน
กับคนดีในระบบอุปถัมภ์จะแตกต่างกันแล้ว ที่ดิฉันอยากจะพูดว่า คุณชัชชาติ
ดิฉันเชื่อว่าคุณชัชชาติไม่ใช่ฝ่ายซ้าย คุณชัชชาติเป็นคนที่ชื่นชอบในระบอบประชาธิปไตย
แล้วก็เป็นคนที่แนวคิดเสรีนิยม อนุญาตให้มีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ ไม่ต้องตีกัน
แล้วก็ให้มาจากการเลือกตั้ง แพ้คือแพ้ ชนะก็คือชนะ ไม่มีอาฆาตพยาบาท
แค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว แต่ว่าจริง ๆ แล้ว สิ่งที่คุณชัชชาติทำและประสบผลสำเร็จ
มันเข้ากับหลักของนักต่อสู้ ของนักปฏิวัติโดยอัตโนมัติ
ดิฉันขอยก
3 ประเด็น จุดยืน ทัศนะ และวิธีการทำงาน
ในปัญหาจุดยืน
ก็คือ จุดยืนอยู่ที่ใคร ถ้าจุดยืนอยู่ที่ประชาชน
หรือจุดยืนอยู่ที่ผลประโยชน์ตัวเอง
นักการเมืองที่ถูกกระทำจากในฝ่ายค่ายของคุณทักษิณนั้น ที่ถูกทำรัฐประหาร
มันมีตัวอย่างที่เห็นชัด ๆ อยู่ 2 ส่วน ยกตัวอย่าง คุณแรมโบ้ไง
ที่ถูกทำรัฐประหารเหมือนกัน นี่ก็เป็นอีกตัวอย่าง ดิฉันไม่อยากพูดถึง
คุณชัชชาติก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเป็นรัฐมนตรีถูกรัฐประหาร
แล้วคุณชัชชาติเป็นคนแรกนะ (ที่ถูกจับตัว) ดิฉันนั่งอยู่ในที่ประชุมด้วยนะ
ตอนวินาทีที่คุณประยุทธ์เท้าโต๊ะแล้วลุกขึ้นบอก “ผมยึดอำนาจ” คนแรกที่ทหารกรูเข้าไปจับคือคุณชัชชาติ
ดิฉันก็ยังงง ทำไมต้องเป็นคุณชัชชาติ ทำไมมันไม่ใช่เป็นหัวหน้าพรรค
หรือว่าประธานนปช.ในเวลานั้นก็คือคุณจตุพร แต่เป็นคุณชัชชาติ หรือว่าเขาคงเชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
หรือยังไง? เอาคุณชัชชาติไปแล้ว แล้วก็ทยอยเอาไป พอตอนหลังอาจารย์ธิดาก็หันไปมอง
เห็นเขาสบตา ก็เลยทำหน้าคล้าย ๆ ว่าถึงตาฉันแล้วใช่มั้ย? เขาพยักหน้า
เราก็เลยลุกขึ้น ทหารก็มาเอาไป แล้วอย่างอาจารย์ธิดายังถูกถุงครอบสองชั้น มัดมือ คุณคิดดูว่าคุณชัชชาติจะโดนมั้ย
แต่เขาโดนแล้ว คำถามคือเขาเลิกมั้ย เขาท้อถอยมั้ย
หรือเขาไปเลือกอยู่ข้างที่เขาจะได้ผลประโยชน์มั้ย? ไม่! เมื่อมีการเลือกตั้งปี
2562 พบว่ารัฐธรรมนูญมันไม่สามารถเอื้อประโยชน์ให้ทำงานการเมืองได้ เขาก็ปักใจว่าเขาจะเป็นผู้ว่าฯกทม.
แล้วเดินหน้า
เพราะฉะนั้นปัญหามันอยู่ที่จุดยืน
นักการเมือง ดิฉันไม่ได้หวังว่าว่าจุดยืนจะอยู่ที่ประชาชนทั้งหมด
แต่ว่าสิ่งที่คุณชัชชาติทำและการอุทิศชีวิต อุทิศเวลา
ดิฉันถือเอาว่าคุณชัชชาติมีจุดยืนอยู่ที่ประชาชน ตรงข้ามกับนักการเมืองบางคน
อยู่ในค่ายเดียวกัน โดนรัฐประหาร จุดยืนอยู่ที่ไหน? พูดอะไรก็ได้ ได้ทุกอย่าง
แต่คุณชัชชาตินั้นไม่ใช่ นี่ก็คือจุดยืนอยู่ที่ประชาชน
ดังนั้น
เมื่อจุดยืนอยู่ทีป่ระชาชนก็สามารถอุทิศเวลา อุทิศชีวิตได้
เพราะว่าไม่ได้ทำงานเพื่อตัวเอง ทำงานให้กับประชาชน กลัวว่าเวลา 4
ปีมันจะน้อยไป นี่คือปัญหาจุดยืน ซึ่งผู้ที่ต้องการศึกษาแบบอย่างคุณชัชชาติ ตรง 3
ประเด็นนี้ดิฉันอยากให้ศึกษา ที่สำคัญที่สุด คนที่จะตัดสินคนคืออยู่ที่จุดยืน
ถ้าจุดยืนอยู่ที่ผลประโยชน์ตัวเอง ไม่ว่าจะพูดจายังไง พูดดียังไง
แต่ในที่สุดมันจะแสดงออกว่าทั้งหมดทำเพื่อตัวเอง
แต่ถ้าจุดยืนอยู่ที่ผลประโยชน์ประชาชนจริง มันก็จะแสดงออกได้เหมือนกัน
ทั้งในระยะสั้น ปานกลาง และระยะยาว
อันที่สอง
ทัศนะ คุณชัชชาติมีทัศนะมวลชน คุณชัชชาติไม่ใช่ฝ่ายซ้าย
แต่ทัศนะมวลชนเป็นทัศนะที่ฝ่ายซ้ายทั้งหลายมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนที่ทำงาน
ทัศนะมวลชนก็คือเคารพ นอกจากจุดยืนผลประโยชน์เพื่อประชาชนแล้ว ยังเคารพประชาชน
เคารพมวลชน เห็นมวลชนมีเกียรติ ไม่งั้นจะไปยืนถ่ายรูปวันละ 4 ชม. ไหวหรือ?
ทุกคนเข้ามาก็ถ่ายรูปได้ คุยได้ ต้องดูว่าเป็นการเล่นละครหรือจริงใจ
ทัศนะมวลชนมันจึงเป็นที่มาของแผน 216 แผนงาน แล้วก็ทัศนะเส้นเลือดฝอย
ทั้งหมดนี้ก็คือมีทัศนะมวลชน คือนอกจากมีจุดยืนอยู่ที่ประชาชน ต้องเคารพประชาชน
ในสามก๊กก็มีการพูดกันว่า
ในการสู้รบ ช่างทำรองเท้า 3 คน เก่งกว่าขงเบ้ง 1 คน ตอนที่มีการรบแล้วทำหุ่นฟาง
ใช้เกาทัณฑ์ยิง เป็นความคิดของช่างทำรองเท้า 3 คน
จึงเป็นวาทะที่แม้กระทั่งฝ่ายซ้าย ก็จะพูดเรื่องนี้ว่า นี่คือการเคารพมวลชน
มีทัศนะมวลชน คือไม่ดูถูก ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเก่ง นั่งทำงานอยู่ในทำเนียบ
ทำไมไม่รู้จักเห็นใจบ้าง เหนื่อยนะ ยังไม่เคยลงน้ำทะเลเลยตั้ง 8 ปีมาแล้ว
คุณลงก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย คุณเดินไปชายหาดถามชาวบ้านแถวนั้นว่าเขาเป็นอย่างไร
มันไม่เกี่ยวว่าคุณไม่ได้เคยลงเล่นน้ำทะเล แล้วแปลว่าคุณขยันทำงาน
จุดยืนคุณต้องอยู่ที่ประชาชน ทัศนะ ต้องมีทัศนะเคารพมวลชน
อันที่สามก็คือ
วิธีทำงาน วิธีทำงานก็มาจากวิธีคิดและวิธีทำงาน คือมีท่วงทำนองมวลชน 3 อย่างนี้คุณชัชชาติมีครบ
และ 3 อย่างนี้เป็น 3 อย่างที่ฝ่ายจารีตนิยมมีไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ทำเพื่อประชาชน
จุดยืนไม่ได้อยู่ที่ประชาชน จุดยืนอยู่ที่คณะของตน ผลประโยชน์ตัวเอง
และคนในระบบอุปถัมภ์ และเจ้านาย และคณะของตน ทัศนะก็ไม่ใช่ทัศนะมวลชน
ท่วงทำนองก็ไม่ใช่ท่วงทำนองมวลชน เป็นท่วงทำนองขุนนางขุนศึก
ดังนั้น
ปรากฏการณ์คุณชัชชาติจึงเป็นการแสดงออกว่า คนดีจริง ๆ ต้องเป็นคนดีของประชาชน
เป็นคนดีที่ประชาชนเลือกและประชาชนมีความหวัง และประชาชนไว้ใจ แต่มันจะเกิดขึ้นได้
คุณต้องมีจุดยืนอยู่ที่ประชาชน คุณต้องมีทัศนะที่เคารพประชาชน
ไม่ใช่มองเห็นแต่ชนชั้นนำ ไม่ใช่มองเห็นแต่นายทุนผูกขาด ไม่ใช่มองเห็นแต่เจ้านาย
แล้วท่วงทำนองในการทำงานก็ต้องเป็นท่วงทำนองมวลชน คุณจึงจะได้รับความไว้ใจ
และเป็นความหวัง และเป็นความผาสุกของประชาชน
ดังนั้น ดิฉันจึงถือว่าคุณชัชชาติได้ทุบทำลายภาพลักษณ์คนดีของฝ่ายจารีตนิยมโดยสิ้นเชิง เปรียบเทียบให้เห็นว่า
นี่! คนดีจริง ๆ ของประชาชนต้องเป็นแบบนี้ค่ะ
#ธิดาถาวรเศรษฐ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์