วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ณัฐวุฒิ ชี้ กฎหมายต้องบังคับใช้ด้วยหลักนิติธรรม โดยมีเมตตาธรรมเป็นร่มใหญ่ สังคมจึงร่มเย็น ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ !

 


ณัฐวุฒิ ชี้ กฎหมายต้องบังคับใช้ด้วยหลักนิติธรรม โดยมีเมตตาธรรมเป็นร่มใหญ่ สังคมจึงร่มเย็น ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ ! 


วันนี้ (3 มิ.ย. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊คระบุว่า


ออกจากเรือนจำรอบล่าสุด ผมได้รับการติดต่อจากหนุ่มสาวหลายกลุ่ม อยากมาพบ พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการเมือง หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวชื่อบุ้ง บอกว่าจะขอพาส่วนหนึ่งของกลุ่มนักเรียนเลวมาหา 


นัดกันเรียบร้อย แต่ก่อนถึงวันผมติดภารกิจต้องเลื่อนนัด สุดท้ายไม่ได้เจอกัน มารู้ข่าวบุ้งอีกทีไม่กี่วันก่อน พี่สาวเธอส่งข้อความมาบอกว่า น้องอยู่ในเรือนจำกับเด็กสาวอีกคนชื่อใบปอ 


ทนายยื่นประกันแล้วหลายรอบ ล่าสุดอัยการสั่งฟ้อง ศาลยังคงไม่ให้ประกัน ทั้ง 2 คนตัดสินใจจะอดอาหาร หยุดยาว 3 วันนี้ยังไม่ทราบข่าวเพิ่มเติม 


บุ้งเป็นเด็กเรียนดี เกรดชั้นมัธยม 4.00 เป็นนักเรียนดีเด่น กรรมการนักเรียนจากการเลือกตั้ง ทำกิจกรรมหลากหลายตั้งแต่วัยเด็ก เอนทรานซ์ติดนิติศาสตร์จุฬาฯ แต่เลือกเรียนคณะการเงิน ม.เกษตรฯ 


คะแนนเอนทรานซ์ภาษาอังกฤษเกือบเต็ม ได้สิทธิ์ไม่ต้องสอบภาษาอังกฤษตอนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เรียนจบรับจ๊อบเป็นติวเตอร์ สอนลูกศิษย์เข้าโรงเรียนดังๆไปแล้วหลายราย 


ใบปอ นักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นนักกิจกรรม สนใจงานด้านพัฒนาสังคม เริ่มต้นเคลื่อนไหวต่อสู้เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ก่อนเข้าร่วมกับเพื่อนๆเคลื่อนไหวทางการเมือง 


ทั้ง 2 คนเขียนจดหมายจากเรือนจำถึงพี่น้องเสื้อแดง บอกสภาพความเป็นอยู่ และความช่วยเหลือดูแลจากผู้ต้องขังหัวใจสีแดง ทำให้หัวใจบอบช้ำกลับคืนพลัง ยืนหยัดสู้จนถึงวันนี้


ผมเล่าเรื่องราวของบุ้งกับใบปอ เพื่อสื่อสารว่าเด็ก 2 คนนี้ คือเยาวชนคุณภาพ เก่งเรียน เก่งกิจกรรม เป็นอนาคตที่งดงามของสังคมไทย เหมือนกับอีกนับล้านคนที่กำลังผลิดอกออกผลในเส้นทางชีวิตของตัวเอง


บางก้าวย่างอาจเปราะบาง สวนทางกับขนบคิดจารีตเดิม ต้องหาคดีความ แต่เมื่อศาลยังไม่ตัดสินถึงที่สุด ควรหรือที่จะต้องอยู่ในกรงขัง คนเคยคุกอย่างผมยังผ่านแต่ละวันอย่างยากเย็น ประสาอะไรกับเด็กสาวตัวเล็กๆ นกปีกอ่อนเหล่านี้


นับเวลาร่วมเดือนแล้วที่ทั้งคู่ถูกจองจำ น่าจะเกินพอต่อการเคี่ยวกรำ ให้นกน้อยได้เสรีโบกบิน เรียนรู้ชีวิต เพื่อเป็นเรี่ยวแรงขับเคลื่อนสังคมภายหน้า


เท่าที่ตามข่าว ทุกคนที่ได้รับการประกันตัวภายใต้เงื่อนไขใหม่ๆที่เข้มงวดของศาล ไม่มีใครฝ่าฝืน ไม่มีกรณีให้ต้องกลับเข้าเรือนจำ กำไลEM อยู่บ้าน 24 ชั่วโมง มีผู้กำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เหล่านี้อาจเป็นแนวทางพิจารณา เพื่อคืนอิสรภาพให้ลูกหลานหรือไม่


ผมก็ห่วงใยความเคลื่อนไหวของน้องๆเหมือนที่หลายคนห่วง แต่ขังเด็กไว้พักหนึ่งแล้ว อยากให้พวกเขาได้สัมผัสความเมตตา เหมือนที่หลายคนได้ออกจากคุกมาก่อนหน้านี้


กฎหมายต้องบังคับใช้ด้วยหลักนิติธรรม โดยมีเมตตาธรรมเป็นร่มใหญ่ สังคมจึงร่มเย็น


ปล่อยเด็กออกจากคุกเถอะครับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์