วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

“ปิยบุตร” รับทราบข้อกล่าวหา ม.112 และปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทำถ้อยคำโต้แย้งต่อสู้คดีภายใน 30 วัน โดยไม่มีการควบคุมตัว แต่ต้องไปรายงานตัวทุก 7 วัน

 




“ปิยบุตร” รับทราบข้อกล่าวหา ม.112 และปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทำถ้อยคำโต้แย้งต่อสู้คดีภายใน 30 วัน โดยไม่มีการควบคุมตัว แต่ต้องไปรายงานตัวทุก 7 วัน


วันนี้ (20 มิ.ย. 65) เวลา 10.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ตามหมายเรียก ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยมีส.ส.ก้าวไกลและประชาชนมาให้กำลังใจ รวมทั้งสื่อมวลชนจำนวนมาก ก่อนขอตัวเข้าพบพงส. ด้านใน


ต่อมาเวลา 13.00 น. “ปิยบุตร” ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ภายหลังเข้าพบพงส. สน.ดุสิต ตามหมายเรียกผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ครั้งที่ 1 ซึ่งร้องทุกข์กล่าวโทษโดยนายเทพมนตรี ลิมปพะยอม โดย กล่าวว่า ยืนยันว่าข้อความที่คุณเทพมนตรีกล่าวโทษไว้ทั้ง 8 ข้อความ อ่านหมดแล้วไม่มีข้อความไหนเข้าองค์ความผิด ในท้ายที่สุด พงส. มีความเห็นตั้งข้อกล่าวหาและสั่งฟ้องเพียง 1 ข้อความ ผมคิดว่าวิญญูชนคนมีเหตุมีผล มีอัตตวินิจฉัย สติสัมปชัญญะ อ่านข้อความอีกครั้ง พินิจพิเคราะห์ได้ว่าไม่เข้าข่ายองค์ความผิด ตรงไหนก็ไม่เข้า สักคำหนึ่งก็ไม่เข้า ก็เดี๋ยวต่อสู้คดีกันไป


คดีที่ผมโดนไม่ใช่ตัวผมคนเดียว แต่เป็นภาพใหญ่ก็การใช้สิทธิเสรีภาพ ทุกท่านยอมรับกันแล้วว่ายุคสมัยปัจจุบันมีความคิดและการแสดงออกของเยาวชนรุ่นใหม่ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันจำนวนมาก มีความเห็นว่าเพื่อให้อยู่อย่างปกติสุข ควรมีการพูดคุยในพื้นที่ที่ปลอดภัย ยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้พูดคุยกันได้ในรูปแบบวิชาการ เอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่การแสดงออกของผมกลับถูกดำเนินคดี หากในท้ายที่สุดสังคมเห็นว่าการแสดงความเห็นทางวิชาการนี้ยังโดนคดี จะไม่เห็นพื้นที่พูดคุยในที่สาธารณะได้เลย


นายปิยบุตรกล่าวถึงคนกล่าวโทษว่า สำหรับคนกล่าวโทษ ก็ไม่เป็นไร ผมไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน อยากเรียนนักร้อง ให้พิจารณาเรื่องกฎหมายบ้าง นี่คือการเอาผิดในทางคดีอาญา มันมีความผิดอยู่ไม่ใช่เอาจินตนาการรู้สึกนึกคิดเอาเอง ไม่ใช่ไปแจ้งความคนเพื่อปิดปากไม่ให้เขาพูด โต ๆ กันแล้วควรคิดได้


ผมไม่เคยคิดจะดำเนินคดี คุณเทพมนตรี สำนักข่าวหรือผู้สื่อข่าว Top News เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่รักผม คนจะรักต้องพูดคุยกัน ไม่ใช่เอากฎหมายไปปิดปาก


ผมคิดว่าเรามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น คิดว่าข้อเสนอของผมไม่ใช่เพิ่งมาพูด แต่พูดมา 10 กว่าปี ข้อความและเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันมาตลอด แต่กลายเป็นว่าพอเข้าสู่แวดวงการเมืองก็ยังเอาเรื่องนี้มากล่าวหาดำเนินคดีอีก ยืนยันว่าความคิดเห็นของผมที่ดำเนินอย่างสุจริตใจ จะดำเนินต่อไป ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของผม แต่เพื่อประโยชน์ของสังคมไทย นายปิยบุตร กล่าว


ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ตำรวจเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาจากกรณี เทพมนตรี แจ้งความกล่าวหา ม.112 ตั้งแต่ พ.ย. 64 ถ้อยคำที่มาแจ้งความมีหลายถ้อยคำทั้งในทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก พงส. เห็นว่ามีข้อความผิดอยู่คือในทวิตเตอร์ เมื่อ 24 ต.ค. 64 คือ “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่างหาก ที่เป็นไปได้ และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ”

.

นายกฤษฎางค์ ชี้แจงว่า รับทราบข้อกล่าวหาและให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิด ขอเวลาให้ถ้อยคำจะโต้แย้งต่อสู้คดี ภายใน 30 วันนับจากวันนี้ โดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากผู้ต้องหามาพบด้วยเอง ตลอดจนไม่มีการออกหมาจับหรือหมายขังไว้

.

ข้อสังเกตของทนาย วันนี้เรามาพบ พงส. ตามนัด ในชั้น พงส. ก็ไม่ได้ควบคุมตัวเนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุมตัว แต่ทาง รอง ผบช.น. ให้ความเห็นว่าน่าจะจัดเงื่อนไขไว้ให้ผู้ต้องหามารายงานตัวทุก 7 วัน ซึ่งเป็นภาระขึ้นและเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่ได้เป็นจำเลยหรือหมายศาล แต่เพื่อไม่ให้ พงส. ลำบากใจ และมาร่วมมือกัน ก็จะมา ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เราเพิ่มความหนักใจ เพราะเรามีความหนักใจตั้งแต่แรกแล้ว เท่าที่เราคุยกับทาง พงส. และถามอย่างตรงไปตรงมาว่า พงส. มีแรงกดดันใด ๆ หรือไม่ หรือมีใบสั่งหรือเปล่า ทางรองผู้การ น.1 บอกว่าไม่ต้องกังวลใจ ท่านจะให้ความเป็นธรรม โดยให้พยานหลักฐานมาต่อสู้คดีเต็มที่ คือให้ทำสำนวนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ

.

#มาตรา112 #UDDnews #ยูดีดีนิวส์