ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา/กัญชง/ใบกระท่อม
ขอบคุณร้านค้าโดยรอบที่ให้ความร่วมมือ ชี้!
ความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลทุกมิติ
วันนี้ (23 มิ.ย. 65) เวลา 07.00 น.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม ณ โรงเรียนวิชูทิศ
เขตดินแดง โดยโรงเรียนวิชูทิศเป็นหนึ่งใน 437 โรงเรียนที่ดำเนินโครงการโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา
กัญชง และใบกระท่อม
นายชัชชาติ กล่าวว่า เนื่องจากมีการปล่อยเสรีมากขึ้นจึงเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีผลกระทบกับนักเรียนในโรงเรียน
หากเดินไปดูบริเวณถนนประชาสงเคราะห์จะพบมีใบกระท่อมจำหน่ายตลอดเส้น จึงขอให้โรงเรียนมีการทำแผ่นพับ ข้อมูลความรู้แจ้งให้กับเด็กนักเรียนทราบ
ภายในโรงเรียนไม่น่าเป็นห่วงมากเนื่องจากสามารถควบคุมได้
แต่สำคัญที่ภายนอกโรงเรียน ทั้งร้านค้า ร้านขายของที่อยู่นอกโรงเรียน
จึงขอความร่วมมือติดป้ายเพื่อให้ความรู้ และให้ครู
ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่เทศกิจช่วยตรวจตราบริเวณโดยรอบโรงเรียน
รวมทั้งแจ้งเหตุหากพบมีการขายของเหล่านี้ให้แก่เด็กนักเรียนหรือบุคลากร
ทั้งนี้
จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ได้ผลที่ดี นักเรียนมีความเข้าใจดีถึงโทษอันตรายของยาเสพติด
ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณร้านค้าบริเวณโดยรอบโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ
จริง ๆ แล้ว ลูกค้าก็คือเด็กนักเรียน ถ้าหากนักเรียนเกิดอันตราย
ก็มีผลกระทบต่อการทำการค้า ดังนั้นความร่วมมือเป็นเรื่องสำคัญ
อย่าดูแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น ขอให้ดูผลประโยชน์ของชุมชนระยะยาวด้วย
กัญชาอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น
สำหรับนักเรียนอย่าเอาเข้ามาข้องเกี่ยวเลย
เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องมีการพัฒนาการอีกมาก
บางเรื่องอาจจะยังไม่มีวิจารณญาณที่จะเลือก
ส่วนใบกระท่อมขณะนี้มีจำหน่ายทั่วไปและใกล้เคียงโรงเรียนมากขึ้นจนดูเป็นเรื่องปกติ
ต้องให้ความรู้กับเด็กว่าเป็นสิ่งเสพติด ฝากครูและอาจารย์ให้ความรู้และอธิบายว่า
พิษภัยของกระท่อมไม่ต่างจากกัญชามีพิษที่รุนแรง
ขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง
อย่าหยุดแค่ช่วงนี้ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง หากมีปัญหาอุปสรรคอะไรให้รายงานมา จะได้ช่วยแก้ปัญหา” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำ
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า
วันนี้ถือเป็นก้าวแรก
จะเห็นได้ว่าความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมีหลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด
ตั้งแต่เรื่องทางม้าลาย การเดินทางของเด็กที่มาเรียน
ข้อหนึ่งที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่ 70% มาโรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซต์
ซึ่งเด็กไม่มีหมวกกันน็อกเนื่องจากเด็กศีรษะเล็ก ต้องใช้หมวกกันน็อกขนาดเล็ก
ซึ่งจากการสำรวจเด็กนักเรียน 270,000 คนในสังกัดกรุงเทพมหานคร
พบว่ามีความต้องการหมวกกันน็อกขนาดเล็ก 120,000 ใบ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้สนับสนุน
เบื้องต้นทราบว่า บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จะสนับสนุนทั้งหมด
โดยจะบริหารจัดการให้เป็นของใช้ส่วนกลางของโรงเรียน ให้เด็กยืมไปใช้ในแต่ละเทอม
จะได้ไม่ต้องหาใหม่ทุกเทอม เมื่อเด็กโตขึ้นก็อาจใช้หมวกกันน็อกปกติได้
เมื่อเอามาคืนก็ล้างทำความสะอาดและให้รุ่นต่อไปยืมไปใช้ต่อ
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้
วันนี้ได้นำตัวอย่างเทคโนโลยีมาใช้เกี่ยวกับการดูแลเด็กเข้าออกโรงเรียน
ใช้ระบบตรวจจับใบหน้า ดูเวลาเข้า-ออก รวมถึงการตรวจวัดค่าฝุ่นภายในโรงเรียน
ซึ่งเป็นตามนโยบายที่ประกาศว่า ต่อไปจะดูแลเรื่องฝุ่นให้เข้มข้น
โรงเรียนต้องมีประกาศว่าแต่ละวันมีค่าฝุ่นเท่าไร อาจจะต้องมีห้องฟอกอากาศ
มีหน้ากากอนามัยให้นักเรียนใช้เพียงพอ อย่างน้อยช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น
ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต
“เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลทุกมิติ
เนื่องจากเด็กคือทรัพยากรที่สำคัญสุดของเมือง
ต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลเมืองของเรา เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีด้วย”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
#ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์