วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2565

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา/กัญชง/ใบกระท่อม ขอบคุณร้านค้าโดยรอบที่ให้ความร่วมมือ ชี้! ความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลทุกมิติ

 


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา/กัญชง/ใบกระท่อม ขอบคุณร้านค้าโดยรอบที่ให้ความร่วมมือ ชี้! ความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดูแลทุกมิติ


วันนี้ (23 มิ.ย. 65) เวลา 07.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม ณ โรงเรียนวิชูทิศ เขตดินแดง โดยโรงเรียนวิชูทิศเป็นหนึ่งใน 437 โรงเรียนที่ดำเนินโครงการโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และใบกระท่อม


นายชัชชาติ กล่าวว่า เนื่องจากมีการปล่อยเสรีมากขึ้นจึงเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ามามีผลกระทบกับนักเรียนในโรงเรียน หากเดินไปดูบริเวณถนนประชาสงเคราะห์จะพบมีใบกระท่อมจำหน่ายตลอดเส้น  จึงขอให้โรงเรียนมีการทำแผ่นพับ ข้อมูลความรู้แจ้งให้กับเด็กนักเรียนทราบ ภายในโรงเรียนไม่น่าเป็นห่วงมากเนื่องจากสามารถควบคุมได้ แต่สำคัญที่ภายนอกโรงเรียน ทั้งร้านค้า ร้านขายของที่อยู่นอกโรงเรียน จึงขอความร่วมมือติดป้ายเพื่อให้ความรู้ และให้ครู ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่เทศกิจช่วยตรวจตราบริเวณโดยรอบโรงเรียน รวมทั้งแจ้งเหตุหากพบมีการขายของเหล่านี้ให้แก่เด็กนักเรียนหรือบุคลากร


ทั้งนี้ จากการตรวจเยี่ยมวันนี้ได้ผลที่ดี นักเรียนมีความเข้าใจดีถึงโทษอันตรายของยาเสพติด ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า “ต้องขอบคุณร้านค้าบริเวณโดยรอบโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ จริง ๆ แล้ว ลูกค้าก็คือเด็กนักเรียน ถ้าหากนักเรียนเกิดอันตราย ก็มีผลกระทบต่อการทำการค้า ดังนั้นความร่วมมือเป็นเรื่องสำคัญ อย่าดูแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น ขอให้ดูผลประโยชน์ของชุมชนระยะยาวด้วย กัญชาอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อาจสำหรับคนบางกลุ่มเท่านั้น สำหรับนักเรียนอย่าเอาเข้ามาข้องเกี่ยวเลย เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องมีการพัฒนาการอีกมาก บางเรื่องอาจจะยังไม่มีวิจารณญาณที่จะเลือก ส่วนใบกระท่อมขณะนี้มีจำหน่ายทั่วไปและใกล้เคียงโรงเรียนมากขึ้นจนดูเป็นเรื่องปกติ ต้องให้ความรู้กับเด็กว่าเป็นสิ่งเสพติด ฝากครูและอาจารย์ให้ความรู้และอธิบายว่า พิษภัยของกระท่อมไม่ต่างจากกัญชามีพิษที่รุนแรง ขอขอบคุณผู้อำนวยการโรงเรียนรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าหยุดแค่ช่วงนี้ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง หากมีปัญหาอุปสรรคอะไรให้รายงานมา จะได้ช่วยแก้ปัญหา”  ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำ


ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า วันนี้ถือเป็นก้าวแรก จะเห็นได้ว่าความปลอดภัยของเด็กนักเรียนมีหลายเรื่องไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด ตั้งแต่เรื่องทางม้าลาย การเดินทางของเด็กที่มาเรียน ข้อหนึ่งที่สำคัญคือเด็กส่วนใหญ่ 70% มาโรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งเด็กไม่มีหมวกกันน็อกเนื่องจากเด็กศีรษะเล็ก ต้องใช้หมวกกันน็อกขนาดเล็ก ซึ่งจากการสำรวจเด็กนักเรียน 270,000 คนในสังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่ามีความต้องการหมวกกันน็อกขนาดเล็ก 120,000 ใบ ขณะนี้อยู่ระหว่างหาผู้สนับสนุน เบื้องต้นทราบว่า บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด จะสนับสนุนทั้งหมด โดยจะบริหารจัดการให้เป็นของใช้ส่วนกลางของโรงเรียน ให้เด็กยืมไปใช้ในแต่ละเทอม จะได้ไม่ต้องหาใหม่ทุกเทอม เมื่อเด็กโตขึ้นก็อาจใช้หมวกกันน็อกปกติได้ เมื่อเอามาคืนก็ล้างทำความสะอาดและให้รุ่นต่อไปยืมไปใช้ต่อ 


ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้ วันนี้ได้นำตัวอย่างเทคโนโลยีมาใช้เกี่ยวกับการดูแลเด็กเข้าออกโรงเรียน ใช้ระบบตรวจจับใบหน้า ดูเวลาเข้า-ออก รวมถึงการตรวจวัดค่าฝุ่นภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นตามนโยบายที่ประกาศว่า ต่อไปจะดูแลเรื่องฝุ่นให้เข้มข้น โรงเรียนต้องมีประกาศว่าแต่ละวันมีค่าฝุ่นเท่าไร อาจจะต้องมีห้องฟอกอากาศ มีหน้ากากอนามัยให้นักเรียนใช้เพียงพอ อย่างน้อยช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น ซึ่งเป็นโครงการที่จะดำเนินการต่อไปในอนาคต


“เรื่องความปลอดภัยของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องดูแลทุกมิติ เนื่องจากเด็กคือทรัพยากรที่สำคัญสุดของเมือง ต่อไปจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยดูแลเมืองของเรา เราก็ต้องดูแลเค้าให้ดีด้วย” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว


#ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #ผู้ว่าฯกทม

#UDDnews #ยูดีดีนิวส์