วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2565

เครือข่ายนักวิชาการฯ ร่วมภาคประชาชน "เดินหยุดขัง" จากศาลอาญากรุงเทพใต้ มา"ยืนหยุดขัง" ที่ศาลฎีกา ร้องสิทธิประกันตัว ยกเลิก 112 ระหว่างทางนักเรียน ชู 3นิ้ว ส่งกำลังใจ

 


เครือข่ายนักวิชาการฯ ร่วมภาคประชาชน "เดินหยุดขัง" จากศาลอาญากรุงเทพใต้ มา "ยืนหยุดขัง" ที่ศาลฎีกา ร้องสิทธิประกันตัว ยกเลิก 112 ระหว่างทางนักเรียน ชู 3นิ้ว ส่งกำลังใจ


วันนี้ (20 มิ.ย. 65) ที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เวลา 15.00 น. เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) นำโดย ผศ.ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รศ.ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมกับภาคประชาชน ผู้ยืนยันในหลักการที่ว่า สิทธิการประกันตัวคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก ซึ่งนำโดย นายไพศาล จันปาน รวมตัวกันเพื่อเดินจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อมา "ยืนหยุดขัง" ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ร่วมกับ "กลุ่มพลเมืองโต้กลับ" ที่จัดกิจกรรมเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว


สำหรับการเดินเท้าจากศาลอาญากรุงเทพใต้ไปยังศาลฎีกา (ลานอากง) มีระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาในการเดินเท้าเกือบ 2 ชั่วโมง


โดยใช้เส้นทางไปตามถนนเจริญกรุง จากนั้นจะเข้าเส้นบางรัก เคลื่อนต่อไปยังถนนเยาวราช ถนนอัษฎางค์ เลี้ยวเข้าถนนดินสอผ่านเสาชิงช้า ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเดินต่อไปตามถนนราชดำเนินใน ไปยังบริเวณหน้าศาลฎีกา เพื่อทำกิจกรรมยืนหยุดขัง ร่วมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ


ทั้งนี้ ไพศาล จันปาน แท็กซี่เสื้อแดง ถือโทรโข่งนำขบวนเพื่อประชาสัมพันธ์พี่น้อง 2 ข้างทางให้รู้ว่ากิจกรรมวันนี้มาเดินทำไม? และจะเดินไปไหน? เพื่ออะไร?


ไพศาล ย้ำว่าเดินเท้าโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ และกราบขออภัยผู้พิพากษาทุกท่านที่อาจก่อความรำคาญ และขอบคุณผู้ที่เห็นใจ เรามาร้องขอความเป็นธรรม เป็นพิเศษคือ หนอนบุ้ง และใบปอ ซึ่งอดข้าวมา 18 วัน และถูกคุมขังมา 48 วันแล้ว เขาเป็นนักศึกษา ไม่ได้รับสิทธิประกันตัว เราจึงมาทำกิจกรรมตรงนี้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วจงให้ความยุติธรรมกับพวกเรา กับทุก ๆ คน 


สำหรับบรรยากาศ ระหว่างทาง พบว่า พ่อค้าแม่ค้า 2 ข้างทาง ต่างทักทายนางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า บ้างขอถ่ายรูป รวมถึง นักเรียนมัธยม ที่เพิ่งเลิกเรียน ได้เดินเข้ามาสวัสดี ชู 3 นิ้ว แล้วบอกป้าเป้า สู้ ๆ 


กระทั่งเวลา 16.45 น. ขบวนเดินเท้า ได้มาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขบวนได้หยุดพัก และยืนสงบนิ่ง โดยให้ฉากหลังเป็นภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่จะ ชู 3 นิ้ว เปล่งเสียงปล่อยเพื่อนเรา, ปล่อยผู้บริสุทธิ์, คืนสิทธิประกันตัว, ยกเลิก 112


นายไพศาลกล่าวว่า ตนไม่ใช่แกนนำ เป็นประชาชนคนหนึ่ง เพราะปัญหาเศรษฐกิจ มีกระบะ 1 คัน ก็โดนยึดไปแล้ว


เราไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เรามาเพื่อความยุติธรรมจริง ๆ ขอบคุณทุกท่านที่เอาน้ำมาแจก เราจะเดินไปด้วยกัน ท่านใดเดินไม่ไหวนั่งรถไปก่อน เราจะเดินแถวตอนเรียง 1 หากเจอปัญหาเราพยายามอ่อนโยนไกล่เกลี่ย ไม่สร้างความขัดแย้ง ถ้าใช้กำลัง เราก็ใช้ตอบ เราใช้สิทธิของเรา ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ถ้าได้ยินว่า ใบปอ หนอนบุ้ง ได้รับสิทธิประกัน เราจะขอบคุณยิ่ง นายไพศาลกล่าว


จากนั้น 17.05 น. ขบวนเดินเท้าได้เคลื่อนต่อผ่านแยกคอกวัว เบี่ยงซ้ายเข้าถนนราชดำเนินใน เดินตรงไปหน้าศาลฎีกา เพื่อร่วม "ยืนหยุดขัง" กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ซึ่งมีนายบารมี ชัยรัตน์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสมัชชาคนจน และประชาชนจำนวนหนึ่งมารออยู่แล้ว


สำหรับกิจกรรม "ยืนหยุดขัง" รอบที่ 3 วันนี้ เป็นวันที่ 44 แล้ว ในการร่วมกันเรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้กับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกคุมขังโดยยังไม่มีคำตัดสิน โดยเริ่มยืนตั้งแต่ 17.30 น. ไปจนถึง 18.42 น.ยืนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 12 นาที ทุกวันจนกว่าเพื่อนจะได้รับสิทธิการประกันตัว


โดยผู้ร่วมกิจกรรมต่างยืนห้อยป้ายที่มีรูปภาพผู้ที่ถูกคุมขังในขณะนี้ พร้อมข้อความ อาทิ ปล่อยเพื่อนเรา, ปล่อยนักโทษการเมือง, เราต้องการความยุติธรรม, Free prisoner Political, We need Justice, ยกเลิก 112 เป็นต้น ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมมีทั้งนักวิชาการ ประชาชน ทุกเพศวัย ร่วมด้วย


กระทั่งเวลา 18.42 น. ครบ 1 ชั่วโมง 12 นาที นายบารมีกล่าวสรุปรายชื่อ #ทะลุแก๊ซ 11 คน ที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน ประกอบด้วย และถูกละเมิดสิทธิในการประกันตัว จากเหตุการณ์ชุมนุมวันที่ 11, 14, 15 มิถุนายน 2565 


นายบารมี ได้กล่าวขอบคุณเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง และไพศาล ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการพาประชาชนเดินมาในวันนี้ 


จากนั้นนายบารมีกล่าวต่อว่า จากสัปดาห์ที่ผ่านมา สถิติผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 พุ่งไปอย่างน้อย 201 คน ใน 216 คดีแล้ว น่าจะทำนิวไฮไปเรื่อย ๆ


นายบารมี ได้ยกเรื่อง สหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ FIDS แถลงเรียกร้องรัฐบาลไทยให้ยุติการจับกุม ดำเนินคดี ของประชาชนที่ใช้สิทธิในการแสดงออก เรียกร้องให้แก้ ม.112 ด้วย ขณะนี้ยังมีผู้ถูกคุมขังคดี 112 ทั้งหมด 7 คน ได้แก่ คทาธร, พงษ์เพชร, พรพจน์, ใบปอ, หนอนบุ้ง, เอกชัย และสมบัติ โดยวันนี้อัยการยังยื่นฟ้อง เก็ท โสภณ (นักกิจกรรมกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ) ต่อศาลอาญาในคดี 112 อีกเช่นกัน จากกรณีปราศรัยในการชุมนุมทัวร์มูล่าผัว เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 65 คดีนี้ทำให้ก่อนหน้านี้เก็ทถูกฝากขังนานถึง 30 วัน ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ มาบอกกล่าวพี่น้องที่มาร่วมกิจกรรม 


รวมทั้งได้กล่าวถึง กรณีศาลสมุทรปราการพิพากษาลงโทษจำคุก "ปุญญพัฒน์" ผู้ป่วยสมาธิสั้นพัฒนาการช้า คดี ม.112 กรณีโพสต์ข้อความในกลุ่มตลาดหลวง 4 ข้อความ ลงโทษจำคุกกรรมละ 3 ปี รวม 12 ปี ให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือ 4 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา ก่อนให้ประกันในชั้นอุทธรณ์ 25,000 บาท


ขณะที่ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ม.112 เป็นครั้งที่ 6 หลังสมาชิกกลุ่ม ศปปส.เข้าแจ้งความกับ สน.พหลโยธิน ในกรณีให้สัมภาษณ์สื่อจากการปราศรัย ในม็อบ 2 ธันวา 5 แยกลาดพร้าว และ 25 พฤศจิกาไป SCB


นายบารมี กล่าวต่อไปว่า นี่คือข่าวคราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นภารกิจของพวกเราที่จะต้องยืนแสดงออก ให้กำลังใจเพื่อนของเราที่อยู่ข้างใน ให้ศาลเห็นว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่ไม่ให้สิทธิการประกันตัว 


จากนั้น ผู้ร่วมกิจกรรมได้หันหน้าเข้าหาศาลฎีกา พร้อมชู 3 นิ้ว เปล่งเสียง “ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112” 3 ครั้ง ก่อนยุติกิจกรรม และแยกย้ายด้วยความสงบ 


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #เดินหยุดขัง #ยืนหยุดขัง #คืนสิทธิประกันตัว