‘จตุพร’ โต้ ‘ธนาพล’ กรณีคดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสา เหตุยังไม่ติดคุกเพราะอยู่สำนวนสอง /
ยืนยันสนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องของเยาวชน-ประชาชนปลดแอก
ยูดีดีนิวส์ : 23 ก.ย. 63 จากกรณี PPTV Online ได้โพสต์คำให้สัมภาษณ์เมื่อนายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา ในคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์
ต่อมานายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหาร นิตยสารฟ้าเดียวกัน ได้โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวว่า “นี่เป็นเหตุผลที่จตุพร ไม่ติดคุก ทั้ง ๆ ที่ณัฐวุฒิ ยังติดคุกอยู่ ทั้ง ๆ ที่ไปบุกบ้านเปรมเหมือนกัน” พร้อมทั้งแปะลิ้งค์ข่าว “จตุพร” ไม่เห็นด้วย 10 ข้อเรียกร้อง ชี้ละเอียดอ่อน
ข้อความโพสต์ของนายธนาพลดังกล่าว ทำให้นายจตุพรถึงกับออกมาโต้ผ่านเฟสบุ๊คไลฟ์ peace talk เมื่อวานนี้ (22 ก.ย.) โดยนายจตุพรกล่าวว่าตนยืนยันสนับสนุน 3 ข้อเรียกร้องมาเป็นเดือนแล้ว เพราะเห็นว่าการให้เลิกคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา มีความชอบธรรมในการเคลื่อนไหว และเป็นเสรีภาพของตนที่จะสนับสนุนอะไร แนวทางไหน ตามความเชื่อของตัวเอง
ในส่วนของคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์นั้น นายจตุพรกล่าวว่า ในสมัยที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ซึ่งขณะนั้นเป็น ผบ.ตร. ได้ส่งฟ้องผู้ต้องหา 15 คน ต่อมาอัยการคดีพิเศษมีคำสั่งไม่ฟ้อง ต่อมามีการเปลี่ยนรัฐบาล ตำรวจทำความเห็นแย้งไป และนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งเป็นอัยการสูงสุดขณะนั้น มีความเห็นสั่งฟ้อง
ต่อมาอัยการได้มีการแยกฟ้องเป็น 2 สำนวน สำนวนแรกฟ้อง 7 คน และสำนวนแรกคดีถึงที่สุดแล้ว มีการจำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4-7 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ส่วนนายจตุพรถูกฟ้องอยู่ในสำนวนที่สอง ศาลจะเริ่มพิจารณาหลังจากพิจารณาสำนวนแรกเสร็จเสียก่อน ซึ่งขณะก็อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล
นายจตุพรย้ำว่า ตนสนับสนุนแนวทางข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 2 จุดยืน 1 ความฝันของกลุ่มเยาวชน – ประชาชนปลดแอก อย่างไรก็ตามตนยังมีความปรารถนาดีกับคนหนุ่มสาวไม่เปลี่ยนแปลง พยายามส่งเสียงให้ภาครัฐใช้หลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ การออกหมายจับคดีร้ายแรงเท่ากับรัฐปลุกคนขึ้นมาชุมนุมเรียกร้อง ดังนั้นเห็นกันชัดแล้วว่าหลักกฎหมายนำมาแก้ปัญหาการชุมนุมไม่ได้
การเดินบนเส้นทางต่อสู้นั้น ตนซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ประชาชน และพี่น้องร่วมเป็นร่วมตาย มีจุดยืนชัดเจน นอกจากนี้ยังไม่ได้มองกลุ่มเรียกร้อง 10 ข้อ เป็นศัตรู แต่กลับห่วงใย คอยเตือนอย่าให้ใครมาทำอะไรเขา เยาวชนเหล่านั้นต้องได้รับความคุ้มครองและต้องปลอดภัย แม้เราจะเห็นแตกต่างพวกเขาก็ตาม ซึ่งนั่นเป็นหลักการที่สวยงามตามระบอบประชาธิปไตย นายจตุพร กล่าว.