นายณัฐวุฒิ
ใสยเกื้อ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด‘เต้น’’ ep.42 เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 ว่า
‘เรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง
การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ
โควิดไม่เกี่ยวทั้งนั้นล่ะครับเป็นกรณีโคถึก ไล่ขวิดโคนมโดยเฉพาะ
โคถึกก็หมายถึงกลุ่มคนที่คั่วตำแหน่งรัฐมนตรี
อยากมีเก้าอี้กับเค้าบ้าง ส่วนโคนมก็คือ ทีมเศรษฐกิจ 4 กุมาร
ที่เค้าเอามาใช้งานรีดนมจนหมดแล้วหรือต้องการเปลี่ยนรสชาตินม เขาก็เททิ้ง
ที่จริงเหตุการณ์จะไม่เดินมาถึงตรงนี้ถ้าคุณอุตตม
คุณสนธิรัตน์และพวก ตัดสินใจลาออกทันทีที่ผู้มีบารมีตัวจริงในพรรคส่งเสียงกระซิบ
แต่เมื่อปักหลักสู้ มีการก่อหวอดรวมพลส.ส.ตบเท้าแสดงพลัง
ก็เลยมีคำสั่งให้กรรมการบริหารพรรคลาออก
ตบหน้ากันกลางสายตาประชาชน ศึกนี้ถ้าเป็นมวย ชกกันไม่ได้ครับ
น้ำหนักห่างไกลกันหลายสิบปอนด์
ทางฝ่ายคุณอุตตม
คุณสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง
อยากฟังเสียงส.ส.
จะรอฟังให้ช้ำเพิ่มทำไมครับ
ก็มันชัดอยู่แล้วว่าฝ่ายที่เททิ้ง เค้ากุมสภาพเบ็ดเสร็จ
กรรมการบริหารที่พร้อมยื่นใบลาออกมีมากกว่า 18 คน แต่ที่โชว์มาแค่ 18 ก็เพื่อให้เกินครึ่ง ตามข้อบังคับพรรคเท่านั้น
ชื่อ
2-3 คนที่ไม่ปรากฏในใบลาออก ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเป้าที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี
ถ้าผมเป็น
4 กุมารวันนี้ คิดอย่างเดียวคือต้อง 4x100 ครับ
วิ่งผลัดออกจากพรรคโดยทันที รอนานจะช้ำหนัก ยึกยักจะเละกว่านี้
แต่สำหรับประชาชนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อยนะครับ
เค้าจะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงกันอย่างไร
ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชน
เป็นโจทย์ทางการเมืองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีของหลายคนเท่านั้น
ฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนกรรมการบริหารก็อยากเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบ้าง
ฝ่ายที่นั่งเป็นกรรมการบริหารที่ไม่ยอมลาออกเพราะกลัวจะกระทบกับตำแหน่งรัฐมนตรี
4
กุมารมีเก้าอี้นั่งในครม. ก็เพราะทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค
ถ้าหลุดจากกรรมการบริหาร ก็จะเป็นอันตรายต่อเก้าอี้รัฐมนตรี
เรื่องมันมีอยู่เท่านี้
ดังนั้น
สถานการณ์จึงยังไม่จบนะครับ จนกว่าจะไปสู่การปรับครม. แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่า
ยังไม่คิด ยังไม่ใช่เวลานี้ แต่เชื่อขนมกินได้ครับว่า การปรับครม.
จะเกิดขึ้นในไม่ช้า
- '3ป.'
ไม่แตกง่ายๆ
ดูท่าทีจากการให้สัมภาษณ์ของฝ่าย
4 กุมาร ยังคาดหวังนายรัฐมนตรีจะตัดสินใจอุ้มให้ได้อยู่ต่อ
ตรงนี้ต้องเข้าใจความจริงนะครับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ
ถ้าหาก 3 ป. ไม่รู้ไม่เห็นด้วยกัน
ไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้ แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะมีข่าวลือกระเส็นกระสายเรื่องการขบเหลี่ยมกันระหว่าง
ป.ใหญ่ พล.อ.ประวิตร กับ ป.เล็ก พล.อ.ประยุทธ์
แต่ถึงที่สุด
คนกลุ่มนี้จะไม่มีทางแตกแยกกัน เพราะการรวมศูนย์ความสัมพันธ์ รวมศูนย์อำนาจ
หมายถึงสถานะทางการเมืองที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ได้
การคิดจะเปลี่ยนกรรมการบริหาร
เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเรื่องเพิ่งเกิด
ก่อนสถานการณ์โควิดระบาด
ผู้มีอำนาจในพรรคในรัฐบาลเดินสายเจรจาทาบทามนักบริหาร นักการเงิน
นักการธนาคารเข้ามาทำหน้าที่ในทีมเศรษฐกิจกันแล้ว
ไม่รู้จะเป็นเพราะโฉลกป.ปลามาแรงหรือเปล่านะครับ
3 ป. จึงไปทาบทามนักการธนาคารชื่อย่อ ป.ปลา อย่างน้อย 2 คน แต่ ณ วันนั้น ป.ปลา ทั้ง 2 คนยังไม่ตอบรับ
แต่เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน
ไม่แน่ว่าถึงวันนี้เมื่อมีความชัดเจนว่าทีมเศรษฐกิจ 4 กุมารต้องออกไป
ป.ใดป.หนึ่งอาจจะตกลงใจแล้วก็ได้ หรืออาจจะมีตัวเลือกอื่นๆ
ซึ่งคนการเมืองกระซิบกระซาบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจชุดใหม่
เรื่องนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คุณอุตตม
คุณสนธิรัตน์หรือคุณสุวิทย์เท่านั้นครับ แต่โดนไล่ลงมาตั้งแต่ดร.สมคิดเลยทีเดียว
ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยามนี้ก็เท่ากับรับสารภาพต่อประชาชนว่าการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ
การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่ผ่านมาเป็นเรื่องไร้ผลงาน ไม่มีราคา
ก็เหตุการณ์ข้างหน้าที่จะไปเจอคือวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยพบ
วิกฤตต้มยำกุ้ง
วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่เคยเจอหนักเท่านี้ ถ้าทีมเศรษฐกิจแน่จริงยังต้องทำงานต่อ
การเปลี่ยนแปลงจึงเท่ากับชี้ว่ารับมือสถานการณ์ไม่ไหว
ทั้งหมดจึงเป็นการเมืองเรื่องอำนาจ สำหรับประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
นับวันยิ่งห่างไกล
สำหรับคนที่เคยเรียกร้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเมื่อ
6 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ แบบนี้ ผมว่าไม่ใช่แน่ๆ นี่ไม่ใช่นิวนอร์มอล
นี่คือโอลด์นอร์มอล
ทางการเมือง เวรี่เวรี่เวรี่โอลด์นอร์มอล
เป็นวิถีการเมืองที่ย้อนหลังไปหลาย 10 ปี
มีการยึดอำนาจคณะผู้เผด็จการสืบทอดอำนาจโดยการตั้งพรรคการเมือง
แล้วก็เกิดความขัดแย้งทางอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์ทางการเมือง ปรากฏแก่สายตาประชาชน
สำหรับพล.อ.ประวิตรและคณะถึงเวลาต้องร้องเพลงนี้ (สิบล้อมาแล้ว/นกแล)
ส่วนดร.สมคิดและ 4 กุมารคงต้องเป็นผลงานเพลงของแสงสุรีย์
รุ่งโรจน์ครับ(หิ้วกระเป๋า/แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์)
นี่คือความจริงทางการเมืองและเรื่องคงจะไม่จบลงไปง่ายๆ
เพราะผมเชื่อว่าถึงที่สุดฝ่ายที่ถูกเล่นงานก็คงพยายามจะพลิกเกมสู้
แม้จะไม่มีประตูสู้ได้
แต่อย่าลืมนะครับสำหรับดร.สมคิดและคณะ
นี่เป็นเหมือนรถไฟการเมืองเที่ยวสุดท้าย
เจ็บน่ะเจ็บแน่
แต่คงกำลังคิดว่าจะจบแบบไหน ให้เจ็บน้อยที่สุดและพอจะเดินต่อได้
- ข่าวลือหลังปรับครม.
มีคนถามผมว่า
ถ้าปรับครม.แล้ว จะต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นพล.อ.ประวิตรด้วยไหม
ผมว่าไม่อ่ะครับ นายกรัฐมนตรียังเป็นพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ
มาถึงวันนี้จะอยากหรือไม่อยาก
ไม่ทราบนะครับ แต่ผมคิดว่าพล.อ.ประวิตรเดินห่างจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้ว
แต่การขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
เพราะเป็นตัวจริง ทนเสียงปี่กลอง ทนเสียงเรียกร้องของน้องๆ ในพรรคไม่ไหว
คนไปเชียร์ ไปป้อไปยอทุกวัน เคลิ้มได้เหมือนกันนะครับ
มีกระแสข่าวเลยเถิดไปถึงขั้นว่าส.ส.เพื่อไทยหลายสิบคนจะยกขบวนย้ายข้างมาเป็นกำลังหนุนในรัฐบาล
วันนี้ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนะครับ
แต่ถ้ามองเข้าไป แม้ว่าจะมีกระแสข่าวความขัดแย้ง มีแรงกระเพื่อมกันอยู่
แต่ไม่น่าจะถึงขั้นยกขบวนไปอยู่กับรัฐบาล
ผมยังให้น้ำหนักเรื่องจุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและโดยส่วนตัว
ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างงั้นได้
แต่ถ้าเกิดหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามพลังประชารัฐไปจริงๆ
นี่ก็อีกโอลด์นอร์มอลนะครับ ไม่ใช่โควิด-19 เรียกว่า โรคห่าล้วนๆ
ช่วงนี้โควิดยังไม่หมด บางคนอาจจะบอกว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมือง
จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ
ก็พรรคพลังประชารัฐเค้าเล่นการเมืองกันอึกทึกครึกโครมกันขนาดนี้'นายณัฐวุฒิกล่าว
(ทีมงาน)