วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ด่วน!!! ศาลฎีกาพิพากษายืน จำคุกแกนนำนปช. ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสา 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา


อดีตแกนนำ นปช. วีระกานต์ - ณัฐวุฒิ - นพ.เหวง - วิภูแถลง ถูกจำคุก 2 ปี 8 เดือน ตามคำพิพากษาฎีกา คดีชุมนุมหน้าบ้านสี่เสา ปี 50

ยูดีดีนิวส์ : 26 มิ.ย. 63 ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ห้องพิจารณา 703  ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีชุมนุมหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เหตุเกิดเมื่อปี 2550  คดีหมายเลขดำ อ.3534/2552 โดยพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนพรุจ หรือ นพรุฒ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระศักด ิ์ เหมะธุลิน, นายวันชัย นาพุทธา, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีตแกนนำนปช. เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ 

นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ขณะเดินทางมาถึงศาลเมื่อเวลา 08.15 น.
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 58 ให้จำคุกนายนพรุจ จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน ฐานทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ส่วนนายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นพ.เหวง และนายวิภูแถลง จำเลยที่ 4-7 จำคุกคนละ 4 ปี 4 เดือน ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 พร้อมริบของกลาง

ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อ 10 ม.ค. 60 ตัดสินให้นายนพรุจ จำเลยที่ 1 จำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 และจำคุกนายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นพ.เหวง และนายวิภูแถลง จำเลยที่ 4-7 คนละ 2 ปี 8 เดือน

นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท หนึ่งในจำเลยที่มาฟังคำพิพากษา
สุดท้ายวันนี้ ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและวินิจฉัยแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1, จำเลยที่ 4-7 มีพฤติการณ์ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นเรื่องร้ายแรง  จำเลยทั้งหมดขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น ศาลเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ ลงโทษพิพากษายืนจำคุกจำเลยทั้งหมดคนละ 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

โดยวันนี้ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษา นพ.เหวง โตจิราการ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตนน้อมรับและพร้อมปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโดยไม่มีปัญหาอะไร และยืนยันหนักแน่นว่า ตราบใดที่ตนยังมีชีวิต จะเดินหน้าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อไป สิ่งที่หวังก็คือ

นพ.เหวง โตจิราการ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ในส่วนของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เป็นชะตากรรมของแกนนำ นปช. และคนเสื้อแดง ที่ไม่อยู่ในเรือนจำก็อาจจะสูญเสียชีวิต แต่ก็ถือเป็นเกียรติภูมิว่าการต่อสู้เพื่อให้ประชาชนมีเสรีภาพ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แม้จะต้องสูญเสียชีวิตหรืออิสรภาพ ก็เป็นเกียรติประวัติ มีทั้งความเจ็บปวดและรางวัล เป็นความภาคภูมิใจของผู้ประสบชะตากรรม

ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ให้ภาคภูมิใจว่าทั้งหมดที่ทำนั้นอยู่บนจุดยืนเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวม ของประชาชน เป็นการสูญเสียอิสรภาพที่มีค่า เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นต่อไปว่า บนถนนการเป็นแกนนำไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องพร้อมเสียสละอิสรภาพ


คนรุ่นปัจจุบันก็จะต้องทำเช่นนี้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้คนรุ่นต่อไป จนกว่าประชาชนจะสามารถมีอำนาจที่แท้จริงได้ และในความเป็นจริงก็คือ ความอดทนของผู้คนจะเป็นเสมือนต้นทุนสำหรับคนในอนาคต ท่ามกลางความเจ็บปวดและความสูญเสีย คือครูและบทเรียนสำหรับคนปัจจุบันและอนาคต เป็นต้นทุนที่คนรุ่นก่อนและปัจจุบันได้สูญเสียไป ก็ควรจะให้เป็นครูที่ยิ่งใหญ่สำหรับประชาชนในปัจจุบันและอนาคต หรือแม้กระทั่งคนที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใด ๆ 


ต่อมานายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้กล่าวขอบคุณทุกกำลังใจ ตนพร้อมเผชิญความจริงทุกอย่าง หากต้องสูญเสียอิสรภาพ ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เคยต่อสู้มา ยังคงยืนยันหลักการเช่นเดิม ไม่ยอมรับการรัฐประหาร ไม่เชื่อว่าอำนาจเผด็จการจะสร้างประชาธิปไตย และไม่เชื่อว่าการรัฐประหารครั้งนี้จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง

และในฐานะที่นายณัฐวุฒิเป็นแฟนคลับของสโมสรฟุตบอล "ลิเวอร์พูล" นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ลิเวอร์พูลห่างหายจากถ้วยแชมป์มา 30 ปี ส่วนตัวเป็นแฟนคลับลิเวอร์พูลตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเปลี่ยนใจเชียร์ทีมสโมสรอื่น ไม่ได้เชียร์เอาแชมป์ แต่เชียร์เอาความภักดี ความซื่อสัตย์และจริงใจ เมื่อวันนี้ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ตนก็ขอทำหน้าที่แฟนฟุตบอลด้วยการใส่เสื้อทีมมาฟังคำตัดสิน ไม่ว่าวินาทีต่อไปข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น 

นายณัฐวุฒิได้เปรียบเปรยกติกาการแข่งขันกับกติกาทางการเมืองทิ้งท้ายว่า การแข่งขันต้องมีกติกาที่เป็นสากล หากลงสนามโดยมีกติกาที่เอื้อประโยชน์ให้ข้างใดข้างหนึ่ง กรรมการยักคิ้วให้นักเตะอีกข้างตลอดเวลา ต่อให้เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา เชื่อว่าเกมก็จะยังไม่จบ เพราะกองเชียร์จะลงสนามมาเผชิญหน้ากัน นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งในสนามกีฬาและในสนามทางการเมือง

สุดท้ายนายณัฐวุฒิกว่าว่า อย่างไรก็ตามสำหรับการต่อสู้ทางการเมือง ไม่มีนกหวีดหมดเวลา ยังมีเวลาอยู่เสมอ ตรามเท่าที่ผู้คนที่กำลังต่อสู้ไม่หมดกำลังใจไปก่อน และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน "ลิเวอร์พูล" เขายังรอได้ตั้ง 30 ปี.

รถเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมารอรับผู้ต้องขัง
อ.ธิดา และ นพ.สลักธรรม ยืนรอส่งขึ้นรถไปเรือนจำฯ 
นางสิริสกุล ใสยเกื้อ และนายก่อแก้ว พิกุลทอง 
ประชาชนจำนวนมากรอส่งขึ้นรถไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ