งบประมาณปกติของประเทศรับมือไม่ไหวล่ะครับ
การกู้เงินจึงเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รับได้ แต่กู้มาแล้วจะบริหารจัดการอย่างไร
จะมีกลไกตรวจสอบที่โปร่งใสไว้ใจได้แค่ไหน
นี่คือสิ่งที่สังคมและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้านเขาทำหน้าที่
แล้วเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องอธิบาย
ถ้าให้ผมลงคะแนนต้องบอกว่าขาดความชัดเจนและน่ากังวลห่วงใยอย่างยิ่ง
จำเป็นที่จะต้องติดตามการทำงานและการบริหารงบประมาณส่วนนี้ของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
ข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านที่ให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ก้อนใหญ่นี้
จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรขานรับ แต่ดูจากท่าทีนายกฯ ดูจากส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะปฏิเสธไม่ยอมให้ตั้ง
จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรขานรับ แต่ดูจากท่าทีนายกฯ ดูจากส.ส.พรรคพลังประชารัฐจะปฏิเสธไม่ยอมให้ตั้ง
คำถามข้อใหญ่จึงเกิดขึ้นนะครับว่า
พฤติกรรมส่อเจตนาหรือเปล่า
จะมาอ้างว่ากรรมาธิการสามัญในสภาเค้าทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว
ไม่ใช่ครับ
เรื่องนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ยอดเงินกู้ขนาดนี้ไม่เคยมีมาก่อน จำเป็นที่จะต้องมีกรรมาธิการวิสามัญเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจะมาติดตามตรวจสอบแบบลงลึก
ถ้ามั่นใจในความบริสุทธิ์
ถ้าตั้งใจจะใช้งบประมาณด้วยความโปร่งใส จะกลัวอะไรกับการมีกรรมาธิการวิสามัญ
ส.ส.พลังประชารัฐถึงขั้นอ้างว่าจะสิ้นเปลืองงบประมาณ
กะอิแค่ตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาชุดหนึ่ง จะเปลืองงบประมาณขนาดไหนกันเชียว
เทียบกับรักษาผลประโยชน์ของประชาชนในวงเงิน 1
ล้านล้าน
และขอความกรุณาอย่าได้อ้างกลไกตรวจสอบปกติอย่าง สตง. กับ ป.ป.ช.นะครับ เพราะดูจากผลงานล่าสุดของป.ป.ช. ชี้แจงกรณีนาฬิกายืมเพื่อนของพล.อ.ประวิตรว่าเป็นการยืมใช้คงรูป นี่ก็บานไม่หุบแล้วครับ
และขอความกรุณาอย่าได้อ้างกลไกตรวจสอบปกติอย่าง สตง. กับ ป.ป.ช.นะครับ เพราะดูจากผลงานล่าสุดของป.ป.ช. ชี้แจงกรณีนาฬิกายืมเพื่อนของพล.อ.ประวิตรว่าเป็นการยืมใช้คงรูป นี่ก็บานไม่หุบแล้วครับ
ประธานป.ป.ช.คนนี้เคยเป็นเลขาฯ
หน้าห้องของพล.อ.ประวิตร ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี แล้ววันนี้มาชี้ประเด็นนาฬิกา
เป็นการยืมใช้คงรูปอย่างที่ว่า ถ้าปล่อยป.ป.ช.ตรวจสอบเงินกู้ไปเพียวๆ
เกิดมีการสวาปามคงที่ ภายใต้มาตรฐานการตรวจสอบการทุจริตที่เห็นนี้ประชาชนจะพึ่งใคร
พล.อ.ประยุทธ์
คิดใหม่เถอะครับ แค่ที่ผ่านมาทั้งเรื่องหน้ากากอนามัย
ล่าสุดก็เรื่องเรียกเก็บค่าหัวคิวจากโรงแรมที่จะเป็นสถานที่กักตัว นี่เงินกู้ 1 ล้านล้านยังไม่มานะครับยังมีกรณีน้ำลายหกกันขนาดนี้
ไม่ใช่ผมไม่ไว้ใจท่านนะครับ
แต่ผมไม่เชื่อใจท่านกับพวกเอาเสียเลยล่ะ และถ้าจะทำให้ประชาชนเชื่อ
ไม่ใช่เพราะตัวบุคคล ต้องมีกลไกและวิธีการตรวจสอบที่สัมผัสจับต้องได้
- โรคติด ‘ตู่’
ส่วนเรื่อง
พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผมเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนให้ยกเลิก
- ถ้ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ
มาถึงตอนนี้
พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินความจำเป็นในการรับมือกับโควิด-19 ไปแล้ว
รัฐบาลอ้างว่าใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินป้องกันโรคติดต่อ แต่ผมเห็นว่า
พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี่ล่ะครับจะทำให้ประเทศไทยเป็นโรคติด ‘ตู่’
อะไร ๆ
ก็ต้องลุงตู่ อำนาจทั้งหมดต้องไปอยู่ในมือลุงตู่ รัฐมนตรีทุกคนไม่ต้องทำงาน
เอาปลัดกระทรวงมาเป็นลูกมือทำงานให้ลุงตู่ โรคติดต่อนี่มีวัคซีนก็ป้องกันได้
แต่โรคติดตู่ ท่าทางจะรักษาไม่หายครับ
โควิด-19 ทำให้ต้องมีหน้ากากอนามัยปิดปากประชาชนแต่พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้ปิดปากเยาวชนและผู้คนที่เห็นต่างกับการทำงานของรัฐบาล
ไม่ใช่ควบคุมไวรัสล่ะครับ ใช้ควบคุมวัยรุ่นโดยเฉพาะ
สถานการณ์หลังโควิด-19 จึงต้องดูนะครับว่าระหว่างโรคติดต่อกับโรคติด
‘ตู่’ อะไรจะทำให้ประเทศไทยเสียหายในระยะยาวมากกว่ากัน
- ถ้ารัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ
หลายคนถามว่า
การเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร พิจารณาจากเนื้อในของรัฐบาล ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอย่างน้อยก็ปรับคณะรัฐมนตรี
ถามว่าจะอยู่ไปถึง 4 ปีครบวาระได้หรือไม่
ตอบตรงไปตรงมาว่าก็คงได้
แต่จะเป็นไปด้วยความกระท่อนกระแท่น
มีแรงกระเพื่อมจากความขัดแย้งทั้งภายนอกและภายใน
ดังนั้น
สิ่งที่อาจจะเป็นไปได้อีกทางหนึ่งก็คือการที่รัฐบาลกู้เงินก้อนใหญ่มา
แล้วผลักดันเงินเหล่านี้ไปถึงมือประชาชนเป็นรูปโครงการจัดแจกต่างๆ
โดยมีกลไกทางการเมืองของรัฐบาลเป็นตัวขับเคลื่อน
ใช้เงินก้อนใหญ่ถึงมือประชาชนแล้วก็ตัดสินใจยุบสภาในสถานการณ์ที่ได้เปรียบสุดๆ
รัฐธรรมนูญก็เป็นโรคติด
‘ตู่’
ส.ว. 250 คนก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
อำนาจรัฐทั้งหลายก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
กระสุนดินดำในสนามเลือกตั้งมหาศาลก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
ส.ว. 250 คนก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
อำนาจรัฐทั้งหลายก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
กระสุนดินดำในสนามเลือกตั้งมหาศาลก็เป็นโรคติด ‘ตู่’
แถมยังใช้พลังดูด
ดูดส.ส.จากพรรคฝ่ายค้านมาเสริมทัพพลังประชารัฐได้ด้วย
พรรคร่วมรัฐบาลวันนี้ก็อยู่ในสถานะกระปลกกระเปลี้ยเพราะไม่มีพื้นที่ทำงาน
รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลถูกเบียดตกข้างทางโดยปลัดกระทรวง
ซึ่งขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ด้วยสภาพการณ์ที่ได้เปรียบเต็มประตูแบบนี้
แทนที่จะอยู่ 4 ปี แบกรับแรงกระเพื่อมทุกทาง
ยุบสภา
เลือกตั้งใหม่ หลังแจกเงินเสร็จ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะครับ
แนวทางนี้จะทำให้นายกรัฐมนตรีไม่ต้องแก้ปัญหาหลายอย่าง
ทั้งความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ แม้ว่ากลุ่มพล.อ.ประวิตร
จะพลิกกลับมายึดการนำในพรรคได้ แต่ 4
กุมารที่ถูกเบียดพ้นไป นึกเหรอครับว่าจะไม่มีปัญหา
ดร.สมคิด
มาถึงรถไฟเที่ยวสุดท้ายทางการเมืองแล้ว งานนี้คงไม่ยอมลงจากเวทีง่ายๆ เหมือนกัน
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล
ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครมีความสุขกับสภาพอย่างที่เป็นล่ะครับ
เดินเข้าไปในกระทรวงวันนี้ ระหว่างปลัดกับรัฐมนตรี ไม่รู้ใครเป็นเบอร์ 1
บทบาทผลงานของรัฐมนตรีพรรคร่วมแต่ละคนนับวันหาดูยากเต็มที
หัวหน้าพรรคร่วมบางคนคงต้องเปลี่ยนชื่อแล้วนะครับ อย่างคุณจุรินทร์
คงต้องเปลี่ยนเป็นจุลินทรีย์ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต้องเอากล้องจุลทรรศน์ส่อง
ส่วนคุณอนุทินคงไม่ต้องเปลี่ยนล่ะครับ
เพราะว่าชื่อเนี่ยแปลว่าสมุดบันทึกรายวัน
ในยุคที่เค้าทำงานด้วยคอมพิวเตอร์
สมุดบันทึกก็เลยดูบทบาทน้อยลงไป อย่าโกรธกันนะครับ
แต่ด้วยสภาพที่เห็นก็ต้องกระเซ้ากันแบบนี้ล่ะ
- ขึ้นต้นเป็นลำไม่ไผ่ พอเหลาลงไปตัวใครตัวมัน
มาตรการแก้ปัญหาของรัฐบาล
หลังจากเงินกู้ 1 ล้านล้านมาถึงมือแล้ว
ยังเป็นปัญหาว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน
บทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติในสถานการณ์หลังจากนี้
ถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
ทั้งการกำกับดูแลธนาคารเอกชนที่จะต้องปล่อย soft loan ให้กับภาคเอกชนและธุรกิจ SME ทั้งหลาย และการออกซื้อตราสารหนี้หรือหุ้นกู้จากภาคเอกชนโดยตรง ซึ่งมีเสียงทักท้วงว่าแบงก์ชาติไม่เคยทำ และสุ่มเสี่ยงจะถูกแทรกแซงเล่นพรรคเล่นพวก จนเกิดความเสียหายครั้งใหญ่
ทั้งการกำกับดูแลธนาคารเอกชนที่จะต้องปล่อย soft loan ให้กับภาคเอกชนและธุรกิจ SME ทั้งหลาย และการออกซื้อตราสารหนี้หรือหุ้นกู้จากภาคเอกชนโดยตรง ซึ่งมีเสียงทักท้วงว่าแบงก์ชาติไม่เคยทำ และสุ่มเสี่ยงจะถูกแทรกแซงเล่นพรรคเล่นพวก จนเกิดความเสียหายครั้งใหญ่
แต่คุณวิรไท
ผู้ว่าแบงก์ชาติ เข้าชี้แจงในสภา สนับสนุนแนวทางของรัฐบาลสุดลิ่มทิ่มประตู
ปรากฏว่าปีนี้ผู้ว่าแบงก์ชาติหมดวาระ คุณวิรไทคนเดิม มีคุณสมบัติลงสมัครใหม่ได้ แต่ตัดสินใจโบกมือลา ไม่สมัครทำหน้าที่ต่อไป จะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ถามใจประชาชนเถอะครับว่ารู้สึกยังไง
ปรากฏว่าปีนี้ผู้ว่าแบงก์ชาติหมดวาระ คุณวิรไทคนเดิม มีคุณสมบัติลงสมัครใหม่ได้ แต่ตัดสินใจโบกมือลา ไม่สมัครทำหน้าที่ต่อไป จะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ถามใจประชาชนเถอะครับว่ารู้สึกยังไง
หลาย
10 ปีที่ผ่านมา
ไม่มีสถานการณ์ไหนที่บทบาทแบงก์ชาติจะสำคัญเท่ากับสถานการณ์นี้
ผู้ว่าแบงก์ชาติที่ร่วมตั้งไข่มาตรการกับรัฐบาลเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับรัฐบาลชุดนี้มาตลอด
ถึงเวลาจะทำงานใหญ่ กลับ 'เท' ซะดื้อๆ คนใหม่ที่จะมายังไม่รู้ว่าเป็นใคร
ถ้าได้คนใหม่แล้ว ไม่รู้ว่าในใจจะเห็นด้วยกับมาตรการที่กำหนดไว้หรือเปล่า
ตอนจีบ
ตอบคบกันแรกๆ ก็หวานกันดี พอขันหมากมาถึงที่ ผู้ว่าแบงก์ชาติ
หอบผ้าหอบผ่อนหนีไปซะดื้อๆ อย่างนั้น เข้าทำนองขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปตัวใครตัวมันหรือเปล่า
หันไปดูทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล
ถ้าหลังจากนี้มีการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปรับคณะรัฐมนตรี 4 กุมาร
พ้นจากตำแหน่งทั้งชุด
ก็หมายความว่ารัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจที่ร่วมกำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูหลังโควิด
ไม่มีใครได้อยู่ทำหน้าที่เลย เป็นชุดใหม่เข้ามาแทน
เหมือนกันกับที่แบงก์ชาติ
เหมือนกันกับที่แบงก์ชาติ
กลายเป็นว่า
คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด แต่วิกฤตมันตกอยู่กับประชาชน
เรื่องพวกนี้ล่ะครับถึงจะต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดและจำเป็นต้องมีกรรมาธิการวิสามัญไว้คอยตรวจสอบ
- ไม่ต้องห่วง เราจะเป็นหนี้เท่านายกฯ
ลีลาการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีในสภาก็อย่างเดิมนะครับ
บางวันก็เรื่อยๆ อารมณ์ดี บางวันก็โมโหโกรธาขึ้นมาซะอย่างนั้น
วันก่อนประกาศกับประชาชนบอก ไม่ต้องห่วง ที่กู้เงินมามหาศาล ถ้าประชาชนเป็นหนี้
ไม่ได้
ท่านจะมาพูดแบบนี้ได้ยังไง ในเมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี
ตัดสินใจกู้เงินมาเองและมีอำนาจสูงสุดในการกำหนดการใช้เงิน
จะให้ประชาชนสบายใจเพียงแค่หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีกับผมจะมีหนี้เท่าๆ กัน
ถ้าเอาอย่างนั้นใครก็เป็นนายกฯ ได้
คนเป็นนายกรัฐมนตรี
ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่รับผิดชอบเท่ากับประชาชนทั้งประเทศ
คิดแบบนี้
อย่าว่าแต่บริหารบ้านเมืองเลย บริหารตู้ปันสุขก็ยังไม่ได้'นายณัฐวุฒิกล่าว
(ทีมงาน)
(ทีมงาน)