‘มายด์
ภัสราวลี’
ปัญหาทางการเมืองมันซับซ้อนและวุ่นวายมากขึ้นจนเราไม่สามารถมองข้ามและเมินเฉยได้
สิ่งที่ ‘เพนกวินและรุ้ง’
ทำในเรือนจำมันส่งพลังในการต่อสู้ออกมาถึงพวกเราทุกคน ขอให้สื่อขยายความจริงให้ทั่วโลกรู้ว่าในประเทศไทยมีประชาชนถูกจำขังเพียงเห็นต่างและสู้ทุกวิถีทางในการต่อต้านอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 64 เวลา 19.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ หรือ FCCT ได้มีการเสวนาในหัวข้อ
“การกลับมาของคนเสื้อแดงและความหมายของการเมืองไทย”
โดยผู้ร่วมในการเสวนาประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธ์, น.ส. ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โดยขณะการเสวนาจะมีการแปลภาษาอังกฤษสลับกันไป
โดย “ยูดีดีนิวส์” ได้ถอดคำพูดการเสวนาของ
‘มายด์
ภัสราวลี’
ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้เคลื่อนไหวร่วมต่อสู้กับกลุ่มเยาวชนปลดแอก
มาจนกระทั่งเป็นกลุ่มราษฎร และถูกดำเนินคดีทางการชุมนุมมากมาย โดยเฉพาะมาตรา 112
ซึ่งในวันที่ 19 พ.ค.นี้ อัยการได้นัดฟังคำส่งฟ้องกรณีการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมันเมื่อ
26 ต.ค. 63 โดย ‘มายด์
ภัสราวลี’ได้ตอบคำถามผู้ดำเนินรายการดังต่อไปนี้
คำถาม : คุณมายด์ คิดอย่างไรกับการเคลื่อนไหวของเราที่มี
3 ข้อเรียกร้อง ส่วนของคุณจตุพรไม่มีเรื่องสถาบัน
เป็นเรื่องพล.อ.ประยุทธ์อย่างเดียว เห็นด้วย/ไม่ อย่างไร?
และคิดว่านักศึกษาควรมาร่วมขบวนการร่วมเวทีกับคุณจตุพรมั้ย?
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) : ค่ะ สวัสดีทุกท่านนะคะ วันนี้เป็นเกียรติมากนะคะที่ได้มาพูดที่ FCCT
อีกครั้งหนึ่ง สำหรับคำถาม หนูต้องเรียนตามตรงอย่างนี้เลยนะคะว่า
ความเป็นประชาธิปไตยที่มีอยู่ในสังคมเรา จุดเด่นของมันคือความแตกต่างหลากหลาย
เพราะฉะนั้นเรื่องนี้สำคัญมากในสังคม เราไม่สามารถที่จะกำหนดให้ทุก ๆ คนคิดในแนวทางแบบเดียวกันได้
แต่ว่าเราต้องเคารพซึ่งความคิดเห็นของกันและกันมากกว่า
เรื่องนี้หนูว่าเป็นหัวใจหลักของประชาธิปไตยค่ะ
ทีนี้เรื่องข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มของคุณจตุพรได้มีการยื่นมาเรื่อง
คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นจะต้องพ้นจากตำแหน่ง เรื่องนี้เราเห็นตรงกันอยู่แล้ว
ซึ่งหนูมองว่าหลาย ๆ
คนที่ยังหวงแหนความเป็นประชาธิปไตยในประเทศนี้ก็คิดเหมือนกันว่า คุณประยุทธ์
จันทร์โอชา เป็นศัตรูตัวสำคัญของประชาธิปไตยอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ ณ
สังคมในตอนนี้
อย่างตัวหนูเองหนูมองว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ปัญหาทางการเมืองซับซ้อนและวุ่นวายมากขึ้น
โดยที่ ณ ตอนนี้เราไม่สามารถที่จะมองข้ามมันได้อีกแล้ว และหนูเชื่อว่าหลาย ๆ
คนก็มองข้ามมันไม่ได้เช่นกัน ซึ่งข้อเรียกร้องที่คนรุ่นนี้ คนในยุคนี้ เห็นตรงกันว่าเราจำเป็นต้องพูดถึงด้วยเช่นเดียวกันก็คือเรื่องการเกี่ยวโยงกันของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองไทย
ซึ่งเรื่องนี้มีมาโดยตลอดอยู่แล้ว หนูคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เรายังคงต้องพูดถึงและให้ข้อมูล
ให้มันเกิดการเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ
เราไม่สามารถที่จะเมินเฉยต่อปัญหาเรื่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว
เราเพียงแค่ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้สังคมนี้มันสามารถดำเนินไปได้ภายใต้กรอบประชาธิปไตยที่ประชาชนอย่างเรา
ๆ มีสิทธิมีเสียงมากพอที่จะทำอะไรในสังคมและเป็นอิสระจากกลุ่มชนชั้นนำ
แต่ก็นั่นแหละค่ะ
ทุก ๆ เรื่องจำเป็นต้องใช้เวลา
แม้กระทั่งเรื่องการให้ข้อมูลให้ความรู้เรื่องความเกี่ยวเนื่องกันของสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมืองเราก็ต้องใช้เวลาเช่นเดียวกัน
แต่ ณ ตอนนี้หนูคิดว่าสิ่งที่หลาย ๆ คนมีตรงกันไม่ว่าจะเป็นคนยุคที่เป็นคนเสื้อแดง
คนยุคเก่า คนยุคใหม่ คนหลาย ๆ
ยุคเห็นตรงกันว่าตอนนี้สังคมไทยไม่มีความยุติธรรมหลงเหลืออยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นมันเป็นหน้าที่เราในฐานะประชาชนที่ต้องมาทวงคืน มาปกป้อง
มาช่วยกันซ่อมแซมประชาธิปไตยที่มันกำลังจะหายไปในสังคมไทย
คำถาม : แปลว่าเราเห็นด้วยมั้ยที่คุณจตุพรจะชวนมาทำแนวร่วมกันเหมือนที่ “เจียงไคเช็ค” กับ “เหมาเจ๋อตุง” เคยร่วมสู้ด้วยกัน ให้คุณมายด์และเพื่อน ๆ มาร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย เป็นไปได้ไหม?
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) :
อย่างที่หนูบอกว่าเสน่ห์ของประชาธิปไตยมันคือความหลากหลาย
เพราะฉะนั้น หนูมองว่าเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันก็ได้
เราไม่จำเป็นต้องเหมือนกันในทุก ๆ ข้อเรียกร้องหรือว่าคิดเหมือนกันก็ได้ แต่ว่า ณ
ตอนนี้เรามีปัญหาเดียวกันที่ต้องจัดการ
นั่นก็คือรัฐบาลเผด็จการที่เป็นการสืบทอดอำนาจมาจากรัฐประหาร เพราะฉะนั้น
หนูมองว่าโอเค ส่วนนี้ก็เป็นส่วนที่เรามีร่วมกัน แล้วขบวนการต่อสู้ในทางประชาธิปไตยเราไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนกัน
แต่เราแค่ต้องร่วมกันตีในหลาย ๆ ทาง เพื่อให้กลุ่มชนชั้นนำหรือกลุ่มคนผู้มีอำนาจที่คิดว่าตัวเองมีอำนาจใหญ่กว่าประชาชนได้รู้ตัวเสียทีว่าประชาชนอาจจะมีหลายกลุ่ม
หลายก๊ก หลายเหล่า แต่ว่าสิ่งที่ประชาชนทุกคนยังหวงแหนก็คืออำนาจของตัวเองในสังคม
คำถาม : เราจะมีวิธีอย่างไรไปชักชวนคนที่อาจจะเคยเป็นเสื้อเหลือง
อาจจะเคยสนับสนุนกปปส. สนับสนุนพันธมิตร ให้มาร่วมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์?
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) : มุมมองหนูมองว่า
เราไม่สามารถโน้มน้าวใครได้ คือเราไม่สามารถที่จะไปบอกให้ใครคิดเหมือนกับเราได้ สิ่งที่เราทำได้อย่างดีที่สุดนั่นก็คือการเอาความจริงให้พวกเขาเห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในสังคมไทยและให้พวกเขาได้เลือกและตัดสินใจเอาเองว่าแบบที่มันเป็นอยู่ตอนนี้เขาอยากได้มันไหม
มันเหมาะกับตัวเขาไหม หรือว่าเขาอยากได้สิ่งที่มันดีกว่านี้ ให้เขาเลือกเองค่ะ
หนูว่าสิ่งที่สำคัญมาก
ๆ ในตอนนี้ก็คือเราเห็นกันอยู่แล้วว่าประชาชนในสังคมไทย
เราไม่ได้มีอิสระมากพอในการที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน
ไม่ได้รับโอกาสในการลืมตาอ้าปากอย่างเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นตรงนี้สำคัญมากค่ะว่า
ทำไมเราถึงจำเป็นยังต้องพูดถึงเรื่องความเท่าเทียม
หรือว่าเรื่องการต่อต้านรัฐประหาร
หรือเรื่องรัฐธรรมนูญที่เป็นเครื่องมือในการกำหนดอำนาจของแต่ละคนไว้
ทำไมเราถึงต้องพูดคุยเรื่องพวกนี้ หนูว่าสิ่งที่สำคัญมากที่สุดตอนนี้ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันเลยก็คือ
เราจำเป็นที่จะต้องช่วยกันทลายกำแพงที่ชนชั้นนำไทยสร้างขึ้นมาขวางชนชั้นแรงงานอย่างเรา
หรือว่าชนชั้นรากหญ้า หรือว่าคนหาเช้ากินค่ำอย่างเรา
เพื่อให้เรานั้นได้มีโอกาสมากขึ้น เพื่อให้เราได้มีสิทธิที่จะกำหนดทิศทางของตัวเองได้มากกว่านี้
เมื่อเขารู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของคนทุกคนหรือแม้กระทั่งเรื่องของตัวเขาเอง
หนูคิดว่ามันก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาได้เลือกว่าเขาจะทำยังไงต่อกับอนาคตของพวกเขา
คำถาม : Hunger Strike เป็นแนวทางของแกนนำที่อดอาหารอยู่ขณะนี้
มายด์มีจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไร และจะนำไปสู่อะไร
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) : พวกเขาทำทุกอย่างที่พวกเขาจะทำได้เท่าที่เขายังอยู่ข้างใน
ซึ่งถึงแม้ว่ารัฐบาลหรือชนชั้นนำจะไม่หันมามองพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันส่งพลังออกมาถึงข้างนอก
มันส่งพลังในการต่อสู้ออกมาถึงพวกเราทุกคนว่า
ถึงแม้เขาจะถูกจำขังอยู่เขาก็ทำทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้
หนูเลยอยากจะขอให้เวทีที่ FCCT ในวันนี้นะคะ ขอให้ทุกคนเห็นความตั้งใจของทุก ๆ คนที่อยู่ในเรือนจำ
และขอให้ขยายความจริงที่มันเกิดขึ้นในสังคมไทยในตอนนี้ออกไปให้ทั่วโลกได้รู้ว่า ตอนนี้ในประเทศไทยมีประชาชนที่เพียงแค่คิดต่างแต่ถูกจำขังอยู่ในเรือนจำ
และเขาพยายามทำทุกวิถีทางในการที่จะแสดงการต่อต้านถึงอำนาจที่มันไม่ชอบธรรมในสังคมไทยค่ะ
คำถาม : หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไป
จะมีการชุมนุมรอบใหญ่อีกหรือไม่?
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) :
ศึกครั้งนี้ยังไม่จบนะคะ การต่อสู้ครั้งนี้ยังอีกยาวไกล ซึ่งในเมื่อประชาชนยังไม่ได้อำนาจอย่างที่ต้องได้
ประชาชนยังไม่สามารถกำหนดทิศทางของประเทศนี้ได้อย่างที่มันควรจะต้องเป็น
การเรียกร้องก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เมื่อรัฐหนักข้อมากขึ้น แข็งข้อมากขึ้น
เราในฐานะประชาชนก็จำเป็นที่จะต้องสร้างอำนาจในการต่อรองเพื่อให้เขาเห็นว่าเราเองก็แข็งแกรงไม่แพ้กับรัฐที่มีอาวุธเหมือนกันค่ะ
คำถาม : ขบวนการนักศึกษายังคงยึดมั่นใน
3 ข้อเรียกร้องอยู่ใช่หรือไม่ และจะมีแผนอย่างไรที่จะให้ข้อที่ 3
เป็นจริงขึ้นมาได้
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
(มายด์) : ยังยืนยันค่ะ หนูยังยืนยันใน 3
ข้อที่เคยเกิดขึ้นมา และหนูเชื่อว่าเป็น 3 ข้อในใจหลาย ๆ คนเหมือนกัน แต่หนูบอกได้เลยว่าในปีนี้
หนูเชื่อว่าหลาย ๆ คนเราจะไม่ยึดติดกับแค่คำว่า 3 ข้อ หรือ 2 ข้อ หรือข้อเดียว
หรืออะไรก็ตาม
เพราะเราทุกคนจะต่อสู้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมในสังคม
ไม่ว่าจะเป็นความยุติธรรมด้านสิทธิทางการเมือง ความเท่าเทียมด้านเศรษฐกิจ หรือว่าสิทธิในการคิดของเราหรือเสรีภาพทางความคิดของเรา
แล้วหนูก็ยังยืนยันว่าเรื่องประเด็นการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ยังจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันต่อไป เราหยุดที่จะพูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เพราะว่าเราต้องเลิกทำตัวเพิกเฉยต่อปัญหาและหลับหูหลับตามองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาในสังคมสักที
หนูอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะเกิดการปฏิรูปอย่างเป็นรูปธรรม
แต่เรื่องหนึ่งที่มันเป็นไปได้ก็คือว่า
สิ่งพวกนี้ที่เรากำลังเรียกร้องกันอยู่นั้นมันสามารถกำหนดขึ้นได้ตามรัฐธรรมนูญที่เราได้มีส่วนในการเขียนเอง
เพราะฉะนั้นการพูดถึงเรื่องประเด็นปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์จำเป็นต้องใช้เวลา
ใช้เวลาในการพูดคุยและให้ความเข้าใจกันไปเรื่อย ๆ แต่เราหยุดพูดถึงเรื่อนนี้ไม่ได้
แล้ววันหนึ่งเมื่อเราสามารถกำหนดทิศทางได้ กำหนดทิศทางของสังคมนี้ได้จริง ๆ
ผ่านรัฐธรรมนูญที่พวกเราประชาชนได้มีสิทธิในการเขียน หนูคิดว่าวันนี้มันเป็นการปฏิรูปอย่างรูปธรรม
และถ้าจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ 3
ข้อนี้เป็นเพียงแค่ขั้นบันไดที่ทำให้เราได้ปกป้องความเป็นประชาธิปไตยในสังคมนี้อย่างแท้จริงค่ะ
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์