วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

ปล่อยตัวแล้ว "สมยศ - ไผ่ ดาวดิน" มวลชนแห่มอบดอกไม้กำลังใจ

 


ปล่อยตัวแล้ว "สมยศ - ไผ่ ดาวดิน" มวลชนแห่มอบดอกไม้กำลังใจ


วันนี้ (23 เม.ย. 64) ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เวลาประมาณ 17.30 น. ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ สมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ 




โดยก่อนหน้านี้เวลาประมาณ 15.00 ศาลอาญา  มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน จำเลยที่ 4 และ 7 ในคดีชุมนุมคณะราษฎร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากกรณีชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563 บริเวณท้องสนามหลวง (คดีหมายเลขดำ อ.287/2564) ภายหลังจากที่ได้ไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งคู่


โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทั้งสองทำกิจกรรมที่จะทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร และให้มาศาลตามนัด โดยกำหนดวงเงินประกัน 200,000 บาท หากผิดสัญญาให้ปรับคนละ 200,000 บาท




ด้านเว็บไซต์"ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน"ระบุว่า การยื่นคำขอปล่อยตัวชั่วคราวครั้งนี้นับเป็นการยื่นครั้งที่ 7 ของสมยศ และเป็นครั้งที่ 5 ของไผ่-จตุภัทร์ 


โดยบรรยากาศเวลาประมาณ 17.00 น. บริเวณประตูหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ริมถนนงามวงศ์วาน สื่อมวลชนหลายสำนักปักหลักรอนำเสนอข่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำ ปิดประตูใหญ่ทุกจุด โดยบริเวณประตูเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปิดสนิท ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่ง นำโดย นายอาเล็ก โชคร่มพฤกษ์ ศิลปินราษฎร ทำกิจกรรมปราศรัยสลับดนตรี ร่วมกับประชาชนที่อยู่รั้วด้านนอกบริเวณฟุตบาทหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทำทุกวันอยู่แล้ว โดยมวลชนบางส่วนมานั่งขณะเตรียมรอรับ สมยศ-ไผ่




ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ญาตินำรถไปรับทั้ง 2 คน ออกมาจากภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนมวลชนให้รอด้านนอก


ต่อมา 17.20 น. นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นั่งรถยนต์คนละคัน ออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประกบข้าง ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์ ทั้งนี้ นายจตุภัทร์ และนายสมยศ ได้ลดกระจกลงมาทักทายผู้สื่อข่าว ก่อนที่รถเคลื่อนออกไปถนนใหญ่นอกเขตเรือนจำ 


โดยเมื่อรถออกมาด้านนอกประชาชนต่างวิ่งกรูเข้าไปรวมทั้งสื่อมวลชน ต่อมา รถของนายจตุภัทร์ และนายสมยศ ได้มาจอดหน้าประตูเรือนจำกลางคลองเปรม ริมถนนงามวงศ์วาน ซึ่งพอมีพื้นที่ให้ประชาชนยืน ประชาชนที่มารอรับต่างเข้าไปสวมกอดด้วยความคิดถึง บางส่วนส่งเสียงไชโยโห่ร้อง บางรายสวมเสื้อที่มีภาพนายจตุภัทร มาต้อนรับ โดย นายจตุภัทรได้เข้ากอดน้องสาว และเพื่อน ๆ พร้อมรับดอกกุหลาบแดงจากมวลชน




ทั้งนี้หลังได้รับการปล่อยตัว นายสมยศให้สัมภาษณ์ว่า การออกมาครั้งนี้ยังมีภารกิจในการเรียกร้องความเป็นธรรมคืนให้แก่เพื่อนในเรือนจำ การประกันตัวเป็นสิทธิพื้นฐานที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ การที่ไม่ได้ประกันตัวเพื่อสู้คดีหมายถึงตัดสินความผิดล่วงหน้าแล้ว เราหวังว่า เพื่อนของเราจะได้รับการปล่อยตัว


นายสมยศ ได้กล่าวต่อว่าการอยู่ในคุกโอกาสการต่อสู้คดีแตกต่างกับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาสู้คดีด้านนอก อีกทั้งตอนนี้ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด 19 อีก ซึ่งที่ผ่านมาเขาต้องกักตัวถึง 3 รอบ น้ำหนักลดไปถึง 3 กิโลกรัม เมื่อเจอกับสถานการณ์นี้เขารู้สึกว่า เขาไม่ใช่จำเลย แต่เหมือนเชลยศึก ก่อนออกไปศาลมีการตรวจหลายครั้ง "พอไปถึงศาลผมจะชูสามนิ้วไม่ได้ ผมเจอลูกสาวจะไปกอดลูกสาวไม่ได้ มันเหมือนมีแส้มาหวดมือผม" 


นอกจากนี้นายสมยศ ได้กล่าวถึงการอดอาหารของเพนกวิน-พริษฐ์ ชีวารักษ์ ว่าเพนกวินบำเพ็ญเพียรและแข็งแกร่งมากในการต่อสู้อย่างสันติวิธี เพื่อบอกให้สังคมทราบถึงความไม่เป็นธรรม น้ำหนักจาก 110 กิโลกรัมตอนนี้เหลือ 90 กิโลกรัมแล้ว


นายสมยศได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "เสรีภาพเหมือนลมหายใจ หมายถึงความเป็นมนุษย์ ความเป็นพลเมืองในประเทศ ถ้าผมไม่มีเสรีภาพ มันหมายถึงสิ่งเหล่านี้หายไป..."


ขณะที่ นายจตุภัทร์ เผยว่า รู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกมาข้างนอก หลังจากนี้ยังไม่สามารถตอบได้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวข้างนอก เพราะอยู่ข้างในไม่ได้รับรู้ข่าวสารใด ๆ เลย ต้องขอคุยกับทีมงานและน้อง ๆ ที่ร่วมอุดมการณ์ก่อน ส่วนหลักเกณฑ์ที่ได้รับการประกันตัวอย่างที่ทราบกันตามที่เป็นข่าว เป็นอำนาจของศาลไม่อยากก้าวก่าย


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ราษฎร