จากกรณีที่นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ "เพนกวิน" ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงอาการของลูกชายด้วยความเป็นห่วงว่ามีอาการถ่ายเป็นชิ้นเนื้อตัวเอง มีเลือดออก ผิวหนังเริ่มเหี่ยว โดยวัน นี้ (29 เม.ย. 64) จะให้ทนายยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งนั้น
ต่อมาเช้าวันนี้ที่เพจ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้มีการโพสต์ต่อกรณีดังกล่าว ความว่า
แม่เพนกวินโทรมาเล่าอาการของลูกชายด้วยเสียงปนสะอื้นว่าน้องดูแย่มากแล้ว
จะยื่นประกันตัวอีกครั้ง
แม้ทนายประเมินโอกาสว่ายากมากแต่แม่ต้องทำในสิ่งที่ทำได้และไม่สิ้นหวังเมื่อได้ทำ
ประสบการณ์ตรงของผมกับเพื่อนมิตรคราวติดคุกปี
2553 คดีก่อการร้ายอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต
ยื่นประกันตัวทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รวมเกือบ 20 ครั้ง
จนได้ประกันเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 9 เดือน
และในคดีนั้นเราต่อสู้จนศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ทุกครั้งที่ไม่ได้ประกันศาลวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง
แต่ตอนได้ประกันตัวมีการไต่สวนคำร้องโดยคนในรัฐบาลขึ้นเป็นพยานให้ฝ่ายผู้ต้องขัง
คุณวีระกานต์ประธานนปช.ได้ประกันไปก่อนตั้งแต่ 2 เดือนแรกมีคุณกอร์ปศักดิ์
สภาวสุ เลขาธิการนายกฯขณะนั้นเป็นพยาน
แม้มีคำถามว่าประธานได้ประกันไปแล้วลูกทีมทำไมถึงไม่ได้
แต่ในที่สุดผมและพรรคพวกอีก 7 คนได้ประกันในเดือนที่ 9 โดยพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานคอป.
พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นพยาน
เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพื่อบอกว่าแม้เป็นอำนาจอิสระของศาล
แต่ท่าทีของรัฐบาลน่าจะมีนัยสำคัญต่อการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังด้วย
โดยเฉพาะคดีที่เกิดจากการต่อสู้ทางการเมือง ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจอย่างนี้
คำถามคือ
รัฐบาลคิดอย่างไร
นายกฯพูดหลายหนว่ารัฐบาลไม่เกี่ยว
แล้วตัวอย่างที่ผมเล่ามาควรไตร่ตรองดูหรือไม่
สมมติว่าเปลี่ยนจากพล.ต.สนั่นวันนั้นเป็นพล.อ.ประวิตรวันนี้ผลจะเป็นอย่างไร
ผมไม่ได้คาดคั้นต่อตัวบุคคล
แต่เห็นว่าเหตุการณ์มาถึงวันนี้ถ้ารัฐบาลยังเพิกเฉยก็เท่ากับจะปล่อยให้เด็กค่อย ๆ
ตายไปทีละคนในคุกหรือไม่ แล้วประเทศจะได้อะไรนอกจากรอยแผลลึกของยุคสมัย
จากสภาพร่างกาย
สถานการณ์โควิด 19
กระทั่งบริบทของการต่อสู้ ได้ประกันออกมาก็ไม่ใช่จะเคลื่อนไหวอะไรได้ง่ายๆ
ยังไม่นับเงื่อนไขหากศาลจะกำหนดก็อาจจำกัดบทบาทพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง
เพนกวิน
รุ้ง และเพื่อนๆอดอาหารจนได้ประกันตัวก็ใช่ว่าจะชนะเพราะการต่อสู้ยังอีกยาวไกล
รัฐบาลขยับตัวช่วยเหลือก็ไม่แพ้เพราะเมตตาต้องมาจากผู้เป็นใหญ่
ศาลก็รักษาสถานะไว้ได้ท่ามกลางความขัดแย้งที่แหลมคม
ปล่อยเด็กออกมารักษาตัว
ให้สู้คดีอย่างเต็มที่เสียเถิด
ถ้ามีคนตายในห้องขังแม้แต่องค์กรศาลก็ไม่รู้จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างไร
เพนกวิน
รุ้ง และเพื่อนๆอดข้าวเท่ากับกดดันและทำร้ายตัวเองจะว่าอย่างนั้นก็ได้
แต่พวกเขาทำเพื่อเรียกร้องการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมาย
เป็นวิถีการต่อสู้ที่ต้องเคารพและเข้าใจ
สถานการณ์ไปไกลมากแล้ว
อย่าให้เลวร้ายไปกว่านี้เลยครับ