“ณัฐวุฒิ” โต้ “สุชาติ” รมว.แรงงาน อย่าตีความสิ่งที่ “เพื่อไทย” ประกาศ ว่าจะประกาศเอาสนุก เอามันส์ อันนั้น พปชร. ไม่ทำ! หรือ ทำไม่ได้! เพื่อไทยคิดใหญ่ แต่ 8 ปี นายกฯ คิดแต่จะอยู่ต่อ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ได้แถลงข่าวครอบครัวเพื่อไทยลงพื้นที่ภาคใต้ ในชื่องานว่า “แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง!” ที่ หอประชุมเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หรือ หอประชุมทุ่งท่าลาด จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 11 ธันวาคม นี้
ทั้งนี้ บางส่วนในการแถลงข่าวดังกล่าว นายณัฐวุฒิ ได้นำมาเป็นประเด็นในรายการ “หัวใจไม่หยุดเต้น” EP.59
ค่าแรงขั้นต่ำ 600 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 เอาเงินจากไหน
เพื่อไทยคิดใหญ่ แต่ประยุทธ์สิ้นคิด ?
โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า
พูดถึงมิติทางเศรษฐกิจนี่ก็นึกถึงบรรยากาศหรือปฏิกิริยาของฝ่ายต่าง ๆ จากการแถลงวิสัยทัศน์ประเทศไทยปี 2570 ของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเมื่อวานนี้ ก็คือการประกาศนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ค่าตอบแทนผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเดือนละ 25,000 บาท
จะวิจารณ์เรื่องนี้ท่านต้องมองภาพใหญ่ให้เหมือนที่พรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ ไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยคิดใหญ่ แต่คนที่วิพากษ์วิจารณ์คิดเล็กคิดน้อย คือมันชัดเจนอยู่แล้วนะครับว่าสิ่งที่ประกาศกันเมื่อวานนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพรรคเพื่อไทยได้มีเวลาในการบริหารประเทศ 4 ปี หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
คือไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาหรือไม่ก็ตาม การเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นในปี 2566 นับถึงปี 2570 ก็นั่นหมายความว่า 1 วาระการทำหน้าที่ของรัฐบาลชุดต่อไป ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นฉับพลันทันทีหลังวันเลือกตั้งหรือหลังวันตั้งรัฐบาล ผมว่าเรื่องนี้ไม่ซับซ้อน แต่บางทีคนที่วิพากษ์วิจารณ์เจตนาจะไม่เข้าใจ หรือไม่?
ผมว่าเมื่อวานหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยพูดชัดนะครับ แล้วต้องมองบริบททั้งหลายประกอบกันด้วย ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 ปริญญาตรีเดือนละ 25,000 มันจะเกิดขึ้นในกรอบเวลา 4 ปี ไม่เกิน 2570 โดยมีบริบทว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 5% ต่อปี
มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟรางคู่ทุกเส้นทาง ลดเวลาการเดินทางครึ่งต่อครึ่ง รถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีน-ไทย ไปถึงสิงคโปร์
มีการจัดการน้ำเป็นเมกกะโปรเจคทั้งระบบ
เกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้เพิ่มจากแนวทางตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ เป็นเกษตรแม่นยำ ผลิตตามความต้องการของตลาด ผ่านการศึกษาวิจัยและเก็บข้อมูลอย่างถูกต้องชัดเจน มียุทธศาสตร์ แล้วกระบวนการผลิตของพี่น้องเกษตรกรจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้าไปหนุนเสริม ลดต้นทุน ลดขั้นตอน ลดเวลาในการทำงาน
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเขาจะทำ!
มันจะเกิดขึ้นโดยที่รายได้จากการท่องเที่ยวขยับ จากก่อนวิกฤตโควิดอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาทต่อปี เป็น 3 ล้านล้านบาทต่อไป
มันจะเกิดขึ้นโดยรัฐบาลมีแนวทางชัดเจนในการทลายการผูกขาดทางธุรกิจและการค้า ยักษ์ใหญ่รายใดแบบไหนก็ตามถ้ามีการผูกขาดทางธุรกิจและการค้า สิ่งเหล่านั้นจะต้องถูกแก้ไขคลี่คลายด้วยกฎหมายด้วยนโยบาย แล้วก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการรายเล็กรายใหม่
มันจะเกิดขึ้นโดยพรรคเพื่อไทยทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ควบคู่ไปด้วยนะครับ
ที่จริงเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ ค่าตอบแทนปริญญาตรี พรรคพลังประชารัฐของรัฐบาลปัจจุบันที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ประกาศนะครับ ประกาศตั้งแต่ปี 62 ว่าค่าแรงขั้นต่ำคือ 425 บาท ปริญญาตรีจะมีรายได้เดือนละ 20,000 บาท แต่ประกาศแล้วไม่ทำ! นอกจากไม่ทำตามที่ประกาศแล้ว ไม่เห็นบริบทหรือสัญญาณใด ๆ ที่จะนำไปสู่สิ่งนั้นได้
ดังนั้น ท่านอย่าไปตีความว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยประกาศ จะประกาศเอาสนุก เอามันส์ เหมือนรัฐมนตรีแรงงานวิจารณ์มา อันนั้นน่ะพวกท่าน...ไม่ทำ! หรือ ทำไม่ได้!
แต่พรรคเพื่อไทยเขายืนยันว่า “คิดใหญ่ ทำเป็น” และผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มั่นใจด้วยว่าพรรคเพื่อไทยทำได้ โดยตัวนโยบายคือการขยับประเทศไทยไปข้างหน้าทั้งองคาพยพให้แข็งแรงทั้งระบบ รดน้ำต้นไม้ที่ราก แล้วให้เติบโตตามลำต้นไปออกดอกออกผลแตกยอดแตกใบ
เมื่อปี 2544 พรรคไทยรักไทยเข้ามาบริหารประเทศ เวลานั้นประเทศไทยกำลังอยู่ในวิกฤตต้มยำกุ้ง มีสถานะเป็นลูกหนี้ IMF ไทยรักไทยเข้ามาพลิกฟื้นประเทศไทยไปเป็นผู้ชำระหนี้ได้ก่อนกำหนดด้วยแนวทาง “คิดใหม่ ทำใหม่”
วันนี้ประเทศไทยผ่านเวลา 8 ปี เป็นหนี้ทะลุเพดาน พรรคเพื่อไทยก็เลยประกาศแนวทาง “คิดใหญ่ ทำเป็น” เพื่อจะพลิกฟื้นประเทศไทยกลับมายืนอย่างแข็งแรงและก้าวไปข้างหน้าถูกทิศถูกทางอีกครั้ง
บรรดาผู้วิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าถ้าเป็นผม ผมจะไม่กล้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมืองใดเลย ในเมื่อท่านมีเวลาถึง 8 ปี กับอำนาจเต็มแบบที่ท่านมี แล้วท่านทำไม่ได้
คือพรรคเพื่อไทย คิดใหญ่! แต่ท่านนายกฯ 8 ปี คิดอยู่! คือคิดแต่จะอยู่
พรรคเพื่อไทยคิดจะสร้างรถไฟรางคู่ สร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างระบบการจัดการน้ำ แต่ท่านนายกรัฐมนตรี 8 ปี ท่านคิดสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ได้พรรคหนึ่ง เพื่อที่จะอยู่ต่อไปในอำนาจเท่านั้น!
ดังนั้นผมคิดว่า ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับนายกรัฐมนตรี มีความแตกต่างกัน และความแตกต่างนั้นมีผลโดยตรงต่ออนาคตของประเทศชาติและประชาชน
การตั้งคำถามว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 ปริญญาตรี 25,000 ต่อเดือน เอาเงินมาจากไหน?
ด้วยความเคารพนะครับ อันนี้ในความเห็นส่วนตัวผม นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นะครับ ผมว่าเป็นคำถามสิ้นคิด!!! เพราะมันไม่มีพรรคการเมืองใดประกาศนโยบายจะขยับรายได้ของประชาชนโดยใช้งบประมาณของรัฐ มันไม่ใช่ภาระในด้านงบประมาณที่รัฐจะต้องหยิบเอางบประมาณแผ่นดินมาจ่ายรายได้รายวันรายเดือนแบบนี้ หลักคิดก็คือทำเศรษฐกิจให้โตขึ้นทั้งระบบ แล้วดอกผลนั้นแบ่งปันกันทุกชนชั้นในสังคมอย่างเท่าเทียม ไม่ใช้โตแต่คนรวย แล้วซวยอยู่ที่คนจน หรือไม่ใช่อุ้มแต่คนจน โดยไม่สนผลกระทบที่จะเกิดกับคนร่ำคนรวย ไม่ใช่ฮะ แต่ว่าภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจในรัฐบาลนี้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา มันโตแต่ส่วนบนแต่คนจนแทบไม่มีจะกิน นี่คือความจริง!
เปรียบระบบเศรษฐกิจของไทยเป็นแม่โคนม ขณะนี้แม่โคตัวนี้พะงาบ ๆ แล้วล่ะครับ ใครจะประกาศว่าไปเอาค่าแรงขั้นต่ำ 600 เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 จากสภาพนี้ ทุกคนเห็นตรงกันว่าไม่รอด!!!
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเขาคิดคือ เขาจะพลิกฟื้นและขุนแม่วัวตัวนี้ให้เติบโตแข็งแรง และคนทั้งสังคมแบ่งนมกันกินอย่างเป็นธรรม!
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ณัฐวุฒิใสยเกื้อ #เพื่อไทย #คิดใหญ่ทำเป็น