ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่
6 ชี้ ชะตา “ธาริต” กับ พวกปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย
“อภิสิทธิ์ –สุเทพ” สลาย นปช. ปี 53 ด้าน ทนายโจทก์ ชี้
ครบหนึ่งปี การเลื่อนอ่านคำพิพากษา ชี้ ใช้พยาน 90 ศพ
คนละเรื่อง ไม่เกี่ยวข้องกัน
วันนี้
(9 ธ.ค. 2565) เวลา 09.00
น. ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 6คดีที่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.)
ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และ
เจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553
โดยมี
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน
ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
สืบเนื่องจากเดือน ก.ค. 54 - 13 ธ.ค. 55 จำเลยทั้ง 4
ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ว่าสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง
และ เจตนากลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษทางอาญา
คดีนี้ศาลชั้นต้น
พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 แต่โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ เห็นว่าจำเลยทั้ง
4 ทำผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง4 คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ
2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ต่อมาจำเลยทั้ง
4 คน ยื่นฎีกา ยื่นคำร้องว่า
มีพยานหลักฐานใหม่ในคดี ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาและมีคำพิพากษาใหม่ และ
ทนายความยื่นใบรับรองแพทย์อ้างว่า นายธาริต จำเลยที่ 1
ติดเชื้อโควิด รวมทั้ง นางพะเยาว์ อัคฮาด แม่ของ น.ส.กมลเกด อัคฮาด หรือ เกด
พยาบาลอาสาที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนาราม
ได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในฐานะผู้เสียหายในคดีด้วย
.
ล่าสุดจนถึงเวลานัดหมาย
09.00 น. นายธาริต ยังไม่ปรากฎตัวมารับฟังคำพิพากษา มีเพียง จำเลยที่ 2-4
เดินทางมา ขณะที่ฝ่ายโจทก์ นายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้เดินทางมา ส่งทนาย สวัสดิ์
เจริญผล มาฟังคำสังคดีนี้ ซึ่งทนายสวัสดิ์ เปิดเผยส่า ครบ 1
ปี สำหรับเลื่อนคดีนี้ที่นายธาริต
ไม่มาฟังคำพิพากษา และมองว่าเรื่องที่ญาติผู้เสียชีวิต 90 ศพ
ยื่นคำร้องสอดเข้ามาเป็นพยาน เป็นคนละเรื่อง คนละกรณีกัน
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องเข้ามาไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้
นางธิดา
ถาวรเศรษฐ อดีตประธานนปช. ซึ่งได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาในคดีนี้ กล่าวว่า
พอดีวันนี้ญาติวีรชน53 ได้เป็นฝ่ายที่สามในการร้องสอด เพราะว่าผลแห่งคดีอาจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย
ดังนั้นจึงมารับฟังว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร เพราะผลแห่งคดีถ้าออกมาไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายก็ตาม
มันอาจจะมีผลเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องดูคำพิพากษาว่าเป็นอย่างร
ญาติวีรชนเขามาร้องในฐานะผู้มีส่วนผลได้ผลเสีย ถ้าหากออกมาเป็นผลลบก็อาจจะมีผลสะเทือนถึงคดีอื่น
ๆ ของญาติวีรชนที่กำลังฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐอยู่
ขณะที่
นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวว่า ญาติวีรชน53 ร้องสอดตามประมวลฯ วิฯ แพ่ง มาตรา 57 เรื่องที่นายสุเทพ
และ นายอภิสิทธิ์ จะฟ้อง นายธาริตว่าใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมและเป็นหน้าที่นายธาริตที่จะต้องต้อสู้ในศาล
เเต่เห็นว่าการอ่านคำพิพากษาของศาล
จะมีผลต่อคดีนี้ ซึ่งอาจจะมีผลเป็นบวก หรือ ลบ ในฐานะที่ญาติประสบความสูญเสียจากเหตุการณ์สลายการชุมนุม
จึงเข้ามาติดตามอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับการนัดฟังคำพิพากษา ปกติเลื่อนเต็มที่ 3 ครั้ง เเต่ที่ผ่านมานายธาริต
เลื่อนมา 5 ครั้ง นายธาริตเคยมาศาลเพียงครั้งเดียว คือ
ชั้นต้น จากนั้นจะส่งทนายมาตลอด
มีรายงานว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์
ไม่เดินทางมาวันนี้ เพราะหากมา มีความเสี่ยงที่จะต้องถูกตัดสินตามศาลอุทธรหณ์
ถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ
ก่อนหน้านี้ศาลแจ้งว่า
หากจำเลยที่ 1 ใช้เหตุผลการป่วย หรือขอเลื่อนการฟังคำสั่งคดีอีก
ศาลจะไม่อนุญาตแล้วจะไต่สวนทันที และ
ห้ามใช้เทคนิคทางกฎหมายมาขัดขวางการอ่านคำพิพากษาของศาลอีก
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #สลายการชุมนุมปี53 #ธาริตเพ็งดิษฐ์