“อ.ธิดา-หมอเหวง”
นำญาติวีรชน 53 พร้อมทีมทนาย แถลงตั้งองค์กร คปช.53 เพื่อทวงความยุติธรรมให้ 99 ศพ คนสั่งฆ่าและคนทำผิดต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย
ปลุกคนเสื้อแดง ถือเป็นภารกิจสำคัญร่วมกัน
วันนี้
(10 ธ.ค. 2565) เมื่อเวลา 13.30
น. ที่ อนุสรณ์สถาน 14ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง มีประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเสื้อแดงทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัด ได้เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าวการจัดตั้งองค์กร “คณะประชาชนทวงความยุติธรรม
2553 (คปช.53) ซึ่งนำโดย อ.ธิดา
ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ ทีมทนายความ
และที่สำคัญคือญาติวีรชนคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์การปราบปรามประชาชน
เมษายน-พฤษภาคม 2553
ต่อมาเวลา
14.40 น. ขบวนญาติวีรชน เมษา-พฤษภา 53, อ.ธิดา-หมอเหวง
พร้อมด้วยทีมทนายความได้เดินทางมาถึงบริเวณที่จัดงาน ซึ่งได้รับการต้อนรับจากพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้อย่างอบอุ่น
อ.ธิดา
กล่าวว่า เรามีความจำเป็นที่ประชาชนต้องขยับขับเคลื่อน ในขณะที่พรรคการเมืองกำลังดำเนินการขับเคลื่อนเต็มที่
ประชาชนซึ่งถูกจำกัดสิทธิบทบาทมานานเป็นเวลากว่า 8 ปี บัดนี้ได้เวลารอบใหม่
รอบของประชาชน ในการต่อสู้นอกเวทีรัฐสภา แต่เป็นการต่อสู้ให้ประเทศนี้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้
นี่จึงเป็นที่มาของการก่อตั้งคณะประชาชนทวงความยุติธรรม
จากนั้น
อ.ธิดา ได้อ่านคำแถลง “วัตถุประสงค์ - องค์ประกอบ – การดำเนินงาน” อ่านเพิ่มที่ https://udd-news.blogspot.com/2022/12/2553-53.html
อ.ธิดา
กล่าวเพิ่มว่า “ถ้าคุณฆ่าคนแล้วผู้สั่งฆ่า ผู้ฆ่า ยังลอยนวลพ้นผิดได้
การที่ตาข้างหนึ่งของคุณถูกกระสุนยางบาดเจ็บ มันจะครณาอะไร เพราะว่าการตายในปี 2553
เป็นการตายที่ประจานประเทศไทยมากที่สุดใน 2 ทศวรรษนี้ เราต้องการทวงความยุติธรรมให้คนในประเทศและสังคมโลกได้รับรู้ว่ามีการเสียชีวิต
บาดเจ็บ ถูกจับกุมคุมขังโดยมิชอบ เพื่อนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมในประเทศและศาลอาญาระหว่างประเทศให้ได้
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ฆ่าคนที่มีความคิดต่างมือเปล่ากลางถนนจะเกิดซ้ำอีกในอนาคต”
องค์ประกอบที่สำคัญของ
คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ประกอบด้วย
ญาติวีรชนคนเสื้อแดง, คนเสื้อแดงและประชาชนผู้รักความยุติธรรมและแนวร่วมฯ,
คณะทนายความและนักกฎหมาย อาทิ พลตำรวจเอก วิรุฬห์ ฟื้นแสน, ทนายโชคชัย อ่างแก้ว,
ทนายวิญญัติ ชาติมนตรี, ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส (ไม่ได้เดินทางมา) ในส่วนของ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
และ นพ.เหวง โตจิราการ เป็นผู้ประสานงานส่วนต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีฝ่ายแนวร่วมเยาวชนอีกส่วนหนึ่ง
อ.ธิดา เผย
อ.ธิดา
กล่าวต่อว่า “นี่เป็นเวลาต่อสู้ใหม่ของคนเสื้อแดง พรรคการเมืองก็กำลังต่อสู้รอบใหม่
ขอส่งสารไปถึงคนเสื้อแดงทั่วประเทศว่าได้เวลาแล้ว
ท่านอาจจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าไม่ร่วมกันทำให้คนที่เสียชีวิตกลางถนนต้องตายฟรี
ดิฉันพูดแทนหัวใจคนเสื้อแดงทุกคนได้ว่าไม่มีใครลืม แต่อย่าลืมขานอกเวทีรัฐสภา
เรายังสู้ด้วยกันเพราะภารกิจยังไม่จบ”
อ.ธิดา
กล่าวถึงการดำเนินงานว่า การดำเนินคดีการตายเหล่านี้ขณะหยุดชะงัก และมีป้อมค่ายป้องกันนักการเมืองที่เกี่ยวข้องให้พ้นผิดและป้อมค่ายที่ป้องกันเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้มีความผิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังรัฐประหาร เขตอำนาจศาลกลายเป็นอาวุธและอุปกรณ์ในการโอบอุ้มนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ทหารไม่ให้เข้าสู่ศาลยุติธรรมแบบปกติ
ถ้าเราไม่ต่อสู้ เขาก็จะทำกับลูกหลานเราต่อไปข้างหน้าอย่างไม่สิ้นสุด
“เราไม่ขอให้ศาลยุติธรรมเข้าข้างคนเสื้อแดง
แต่ขอให้ดำเนินไปอย่างเที่ยงธรรม เสมอภาค ไม่ต้องเข้าข้างเราและไม่ต้องโอบอุ้มใคร”
อ.ธิดา กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องต่อพรรคการเมืองให้ดำเนินการรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ
(ICC) เฉพาะกรณี เมษา-พฤษภา 2553
อ.ธิดา กล่าวว่า พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหลายโปรดทราบ
นี่เป็นข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงตั้งแต่ปี 2555
และยังไม่ได้รับการขานรับ เราอยากจะรู้ว่า ในฤดูการเลือกตั้งที่กำลังจะมีมาถึง
ท่านคิดถึงฐานประชาชนที่ต่อสู้เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยอยู่ในประเทศไทย
และได้เสียชีวิตมามากมาย ดิฉันถามว่าคุณสามารถจะตอบประชาชนได้ไหมว่าเมื่อคุณไปอยู่ในรัฐสภา
เมื่อคุณเป็นรัฐบาล คุณจะอนุญาตให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเข้ามาสืบสวน สอบสวน
ในกรณีเฉพาะการตาย-บาดเจ็บ ในปี 2553
ได้หรือเปล่า?
ต้องถามกันตั้งแต่ก่อนลงกาบัตรเลือกตั้ง เพราะพอเป็นรัฐบาลแล้ว เสียงประชาชนมันเบาแทบไม่ได้ยิน เราจึงจำเป็นต้องมาขับเคลื่อนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่พรรคการเมืองเริ่มมีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และที่สำคัญ เราไม่สามารถปล่อยให้การฆ่าคนมือเปล่า เพียงแต่มีความคิดต่างกัน แล้วคนฆ่า คนสั่งฆ่า ยังลอยนวลพ้นผิด อ.ธิดา กล่าว
สุดท้าย
อ.ธิดาเรียกร้องให้มาร่วมมือร่วมใจร่วมกันสู้ในกรอบ เราทวงถามความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมคือทางออกของประเทศทางเดียว
ถ้าคุณไม่ให้ความยุติธรรม แปลว่าท่านกำลังปิดประตูทางออกของประเทศ
นพ.เหวง
กล่าวว่า เป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญที่สุดของการหยุดใช้ทหารฆ่าประชาชนสองมือเปล่าในประเทศไทยอีกต่อไป
ถ้าเราทำไม่สำเร็จเขาก็จะฆ่าต่อไปเรื่อย ๆ
เราจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดในประเทศไทยอีก
ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นสู้ภายใต้กรอบของกฎหมาย
และถึงเวลาที่ต้องเอาคณะทำรัฐประหารที่แม้จะทำรัฐประหารสำเร็จต้องเอามาลงโทษตามกฎหมาย
นพ.เหวง
กล่าวต่อว่า ฝากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปถามพรรคการเมืองและนักการเมืองว่า คุณจะปล่อยให้ทหารนำอาวุธสงครามฆ่าประชาชนสองมือเปล่าที่ชุมนุมโดยสงบสันติปราศจากอาวุธเกิดขึ้นอีกต่อไปหรือเปล่า?
คดีความ 99 ศพ จะผลักดันให้เดินหน้าหรือเปล่า?
และพรรคการเมืองของคุณมีนโยบายเรื่องนี้อย่างไร? คำถามต่อมาค่อ คุณจะยอมรับเขตอำนาจศาล
ICC เฉพาะกรณีปี 2553 หรือไม่?
เราต้องการเอาฆาตกรมาลงโทษตามกฎหมาย
เราต้องการให้เป็นนโยบายของพรรคการเมืองว่าไม่อนุญาตให้เอาทหารในกองทัพมาฆ่าประชาชนกลางถนนอีกต่อไป
นพ.เหวง กล่าว
นพ.เหวง
ประกาศทิ้งท้ายว่า อย่างน้อยที่สุดผมกับอ.ธิดาจะไม่ทิ้งกรณีปี 2553 เด็ดขาด
จะเดินหน้าไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ และคณะกรรมการ คปช. 53 ชุดนี้จะเดินหน้าต่อไปจนกว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้
ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการภาพเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 2553 และมีดนตรีของศิลปินราษฎร
“อาเล็ก โชคร่มพฤกษ์” มาบรรเลงสร้างความคึกคัก และก่อนจบการแถลงข่าว
นพ.เหวงและคณะได้คล้องแขนและร่วมกันร้องเพลง “มิตรร่วมรบ” ก่อนแยกย้ายกัน
บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
#UDDnews
#ยูดีดีนิวส์ #คปช53