วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2565

"โรม" เผย ถูกสน.บางขุนนนท์ ออกหมายจับ เหตุอภิปรายเครือข่ายป่ารอยต่อฯ เจ้าตัวหวั่นถูกสั่งขัง สิ้นสภาพ ส.ส. ทันที ชี้ เป็นกระบวนการถูกกลั่นแกล้ง จ่อฟ้องกลับ!

 


"โรม" เผย ถูกสน.บางขุนนนท์ ออกหมายจับ เหตุอภิปรายเครือข่ายป่ารอยต่อฯ เจ้าตัวหวั่นถูกสั่งขัง สิ้นสภาพ ส.ส. ทันที ชี้ เป็นกระบวนการถูกกลั่นแกล้ง จ่อฟ้องกลับ!


วันนี้ (17 มี.ค. 65) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้โพสข้อความผ่านเพจเฟสบุ๊ค rangsiman rome - รังสิมันต์ โรม ระบุว่า 


ถึงเจ้าหน้าที่ที่พยายามเอาการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลของผมมายัดคดีหมิ่นประมาท หากท่านใช้อำนาจโดยมิชอบ ผมก็ต้องขอดำเนินการทางกฎหมายด้วยเช่นกัน


ผมทราบมาว่าหลังจากที่ผมได้อภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาเป็นต้นมา ก็ได้มีความพยายามที่จะเร่งรัดกระบวนการของคดีต่าง ๆ ที่ยัดเยียดมาให้กับผมจากการที่ผมปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฟ้องผมในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการที่ผมอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563


ผลที่หวังจากความพยายามเหล่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นการให้ผมได้ถูกศาลสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว แม้เพียง 1 วันก็พอ เพื่อให้ผมหลุดพ้นจากความเป็น ส.ส.


ล่าสุดผมทราบว่าทางตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ถึงขั้นมีการออกหมายจับผมในคดีนี้ โดยอ้างว่าผมไม่ได้ไปเข้าพบตามหมายเรียกที่ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งผมขอชี้แจงดังนี้


หมายเรียกแรกที่ออกมานั้น ออกเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสมัยประชุมของสภาผู้แทนราษฎร ผมจึงได้โต้แย้งไปแล้วว่าเป็นการออกหมายเรียกโดยไม่ชอบ เนื่องจากในรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ได้ห้ามไม่ให้มีการออกหมายเรียกตัว ส.ส. ในระหว่างสมัยประชุม


ต่อมาเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ทาง สน.บางขุนนนท์ก็ได้ออกหมายเรียกอีกครั้งให้ไปพบในวันที่ 11 มีนาคม อย่างไรก็ตามผมติดภารกิจในฐานะ ส.ส. ในวันดังกล่าว จึงได้ทำหนังสือต่อ สน.บางขุนนนท์ เพื่อชี้แจงความไม่สะดวกและขอเลื่อนการเข้าพบออกไปเป็นวันอื่นที่ได้ระบุไว้ ทว่าทางตำรวจกลับมีคำสั่งไม่อนุญาตเลื่อนการนัดหมายดังกล่าว และอ้างเหตุนี้ในการขอศาลเพื่อออกหมายจับผม


ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 66 กำหนดว่าหมายจับจะออกได้ก็ต่อเมื่อ (1) มีหลักฐานการกระทำความผิดอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปี หรือ (2) มีหลักฐานการกระทำความผิดและมีเหตุควรเชื่อว่าจะหลบหนี (ซึ่งให้สันนิษฐานกรณีไม่มาตามหมายเรียกโดยไม่มีข้อแก้ตัวอันควรด้วย) กรณีของผมนั้นไม่ใช่ข้อ (1) แน่ ๆ เพราะข้อหาหมิ่นประมาทมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนตามข้อ (2) นั้น เมื่อมีหมายเรียกมาผมก็ได้ยื่นหนังสือชี้แจงถึงความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ไปแล้ว พร้อมทั้งระบุวันที่สะดวกเข้าพบอย่างชัดเจนด้วย ยังไม่นับว่าในอดีตที่ผ่านมาเมื่อมีการแจ้งข้อหาแก่ผมในคดีนี้ ผมก็ได้ไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมายังมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. อย่างสม่ำเสมอไม่หนีหายไปไหน จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะต้องออกหมายจับผมแต่อย่างใดเลย 


ซึ่งในการนี้ทางทนายความของผมก็ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจากศาลแล้ว แต่สุดท้ายศาลอาญาตลิ่งชันก็อนุมัติออกหมายจับผมในที่สุด แม้ว่าคดีนี้จะเป็นคดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และผมไม่เคยแสดงพฤติการณ์หลบหนีใด ๆ เลย ดังที่ได้ชี้แจงไว้ข้างต้นแล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่ออยากเจอกันถึงขนาดต้องทำเช่นนี้ ในวันพรุ่งนี้ (ศุกร์ที่ 18 มีนาคม 2565) ผมจะไปเข้าพบตำรวจ สน.บางขุนนนท์ ในเวลา 8.00 น.


ผมทราบดีว่าในเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยถูกกดดันจากผู้มีอำนาจให้เร่งใช้คดีดังกล่าวมาเล่นงานผม แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างให้พวกท่านกระทำการอย่างเกินเลยจากขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจกับพวกท่านไว้ได้ หากทางเจ้าหน้าที่ยังดึงดันที่จะใช้กระบวนการออกหมายเรียกและหมายจับแบบนี้เพื่อหาเรื่องกลั่นแกล้งผมต่อไป ผมก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางกฎหมายต่อเจ้าหน้าที่ที่ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยเช่นกัน


สุดท้ายนี้ผมขอยืนยันในการทำหน้าที่ ส.ส. ในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลต่อไป ดังเช่นการอภิปรายเรื่องมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของผม ที่เป็นเหตุให้ถูกยัดคดีนี้ เมื่อเวลาผ่านก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญอย่างไรในฐานะแหล่งรวมศูนย์อำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการประสานรอยร้าวในพรรคพลังประชารัฐ การเหนี่ยวรั้งพรรคเล็กเอาไว้ หรือแม้กระทั่งการเคลียร์ใจระหว่างอดีตคณะรัฐประหารกันเอง ที่วันนี้คนหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี อีกคนเป็นรองนายกรัฐมนตรี ก็ใช้ที่แห่งนี้ในการรักษาเก้าอี้ของตัวเองต่อไปนั้น ฉะนั้นก็ขอให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าการที่ผมทำหน้าที่อภิปรายในเรื่องนี้ แล้วต้องมาถูกยัดคดีแบบนี้ มันสมควรแล้วหรือไม่


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์