วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2565

คสรท. ร่วมกัน สรส. และเครือข่ายฯ จัดกิจกรรม #วันสตรีสากล ยื่น 9 ข้อเรียกร้องต่อนายกฯ วอนรัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิและบทบาทของสตรี

 


คสรท. ร่วมกัน สรส. และเครือข่ายฯ จัดกิจกรรม #วันสตรีสากล ยื่น 9 ข้อเรียกร้องต่อนายกฯ วอนรัฐบาลให้ความสำคัญกับสิทธิและบทบาทของสตรี


วันนี้ ( 8 มี.ค. 65) เป็น #วันสตรีสากล เวลา 08.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ได้มีการนัดหมายของคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) รวมถึงเครือข่ายสตรีทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม เนื่องในวันสตรีสากล โดยมีการตั้งขบวนเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล บริเวณประตู 5 เพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 9 ข้อ


ทั้งนี้ มีการปราศรัยบนรถเครื่องขยายเสียง พร้อมชูป้ายข้อความตามข้อเรียกร้องต่าง ๆ รวมทั้งข้อเรียกร้องถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยจากการประสานงานจะมีตัวแทนรัฐบาลออกมารับหนังสือ ซึ่งรายละเอียดข้อเสนอวันสตรีสากลของกลุ่มฯ มีดังต่อไปนี้


ข้อเสนอวันสตรีสากล


8 มีนาคม 2565


เรื่อง  ข้อเสนอเนื่องในวันสตรีสากล


เรียน  นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา


นับศตวรรษที่มีการก่อกำเนิดวันที่ 8 มีนาคม วันสตรีสากล ซึ่งมาจากการต่อสู้ของแรงงานหญิงด้วยความกล้าหาญที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึง


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแรงงานหญิงมีบทบาทอย่างสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาการสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ในประเทศและเศรษฐกิจโลก แต่ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นวิกฤตของโลกและเป็นวิกฤตเศรษฐกิจในประทศที่ประชาชนต้องเผชิญกับชะตากรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแพร่ระบาดของโรคร้ายทำให้มีการเจ็บป่วยและล้มตายเป็นจำนวนมาก อุปกรณ์ป้องกัน ยารักษาโรค ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน สถานการณ์เลวร้ายเพิ่มขึ้นเมื่อมีการล็อกดาวน์ โรงงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง ห้างร้านปิดตัวลง ซึ่งผู้ใช้แรงงานทั้งที่เป็นแรงงานหญิง ชาย เพศสภาพ รวมถึงแรงงานข้ามชาติได้รับผลกระทบกันอย่างทั่วถึง แม้รัฐบาลจะมีมาตรการต่าง ๆ ออกมารองรับแต่ก็เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ความยากลำบากนี้กลับเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อรัฐบาลไม่สามารถควบคุมราคาพลังงานได้ ปล่อยให้น้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้าวปลาอาหาร ค่าครองชีพสูง ส่งผลกระทบต่อปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน คนยากจนลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้แรงงาน ปัญหานี้ยังส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว เด็ก ๆ ลูก ๆ ของผู้ใช้แรงงานที่ไม่สามารถไปเรียกแบบปกติได้ ขาดความรู้ ขาดทักษะ ปัญหาครอบครัวแตกแยก เด็ก ๆ อ่อนแอในผลการเรียน เหตุผลนี้เป็นเพียงหนึ่งส่วนของแรงงานหญิงที่ต้องเผชิญกับความยกลำบาก และต้องการให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ


วันสตรีสากลในปีนี้ เครือข่ายแรงงาน เครือข่ายผู้หญิง เครือข่ายเพศสภาพ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แรงงานหญิง เร่งดำเนินการทางนโยบาย กฎหมาย เพื่อปกป้องคุ้มครองและเยียวยาสิทธิของผู้หญิงให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีตามหลักการกฎบัตรขององค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการประสานความร่วมมือกับนายจ้างผู้ประกอบการ การทำธุรกิจต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่ฉกฉวยสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 เลิกจ้าง ลอยแพท เอารัดเอาเปรียบคนงานหญิง และเลือกปฏิบัติ กีดกันแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิแรงงานหญิง (การเลิกจ้างแรงงานหญิงตั้งครรภ์) ถือเป็นการละเมิดสิทธิทางเพศที่รุนแรง นายจ้างบางส่วนได้ใช้ช่องว่างของกฎหมายทำให้คนงานสูญเสียสิทธิและขาดโอกาสในการทำงานที่มั่นคง ยั่งยืน ไร้ความเป็นธรรม ส่งผลถึงคุณภาพชีวิตตัวคนงานเอง ครอบครัว สังคม และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ


คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) มีมติร่วมกันที่จะยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลเนื่องในวันสตรีสากลประจำปี 2565 พร้อมกับติดตามข้อเสนอในหลายปีที่ผ่านมาที่รัฐบาลยังมิได้ดำเนินการ หรือบางข้อที่ดำเนินการบ้างแล้ว แต่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และล่าช้า เพื่อให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ดังต่อไปนี้


1. รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิความเป็นมารดา

2. รัฐต้องกำหนดให้ผู้หญิงมีสิทธิลาคลอดได้ 180 วัน และให้ผู้ชายลาดไปดูแลภรรยาคลอดบุตรได้ 30 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามที่จ่ายจริง 100% และให้เร่งรัดการจ่ายค่าจ้างวันลาคลอด 98 วัน ตามมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ครบถ้วน

3. รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 190 ว่าด้วยการขจัดความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน โดยเฉพาะการเลิกจ้างหญิงตั้งครรภ์และการล่วงละเมิดทางเพศให้เป็นคดีอาญาที่ยอมความไม่ได้

4. รัฐต้องรับรองอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 189 ว่าด้วยงานที่มีคุณค่าสำหรับลูกจ้างทำงานบ้าน ให้ได้รรับสิทธิประโยชน์ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและไม่ถูกละเมิดสิทธิคนทำงานทุกรูปแบบ และอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 177 ว่าด้วยงานที่รับไปทำที่บ้าน เพื่อให้แรงงานได้รับการคุ้มครองอย่างเคร่งครัดและค่าจ้างที่เป็นธรรม

5. รัฐต้องกำหนดมาตรการเพื่อขจัดการละเมิดสิทธิแรงงานทุกรูปแบบ รวมถึงหามาตรการปกป้องคุ้มครอง และเยียวยา เพื่อสร้างความมั่นคงในการทำงานและเข้าถึงสิทธิสวัสดิการอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมให้เป็นไปตามหลักการ การดำเนิน “ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน” (UNGP) ที่รัฐบาลไทยได้ให้สัตยาบัน แต่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ

6. รัฐต้องจ่ายเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท

7. รัฐต้องกำหนดสัดส่วนที่เท่ากันระหว่าง หญิง-ชาย และเพศสภาพในการตัดสินใจของคณะกรรมการทุกมิติ ทุกระดับ เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม

8. รัฐต้องกำหนดให้ วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันหยุดตามประเพณี

9. รัฐต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ ให้เป็นไปตามหลักการองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ให้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์


ข้อเรียกร้องนี้ ได้ยื่นมาหลายปี แต่รัฐบาลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังมิได้ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับสิทธิและบทบาทของสตรี ด้วยการดำเนินการตามข้อเสนอที่ “คณะทำงานวันสตรีสากล 2565” อันประกอบด้วยคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) รวมถึงเครือข่ายสตรีทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ ได้นำเสนอในปีนี้ เพื่อให้ท่านดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจของรัฐบาลในการยกระดับสิทธิและสวัสดิภาพของผู้หญิงให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีคนทำงานในสังคมต่อไป


ทั้งนี้ มีตัวแทนกลุ่มฯ อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้องข้างต้น ก่อนที่จะมอบให้ นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลที่ออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าวเพื่อดำเนินการต่อไป


ก่อนจบกิจกรรม ผู้ชุมนุมเรียกร้องเนื่องใน #วันสตรีสากล ร่วมกันแสดงจุดยืนต่อ #สงครามรัสเซียยูเครน โดยส่งเสียงพร้อมกันว่า “ยุติสงคราม” 3 ครั้ง จากนั้นประกาศยุติกิจกรรมและแยกย้ายเดินทางกลับ


#UDDnews #ยูดีดีนิวส์