วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2565

ธิดา ถาวรเศรษฐ : ฟื้นความทรงจำ รำลึกขบวนการประชาชน เมษา-พฤษภา 2553 ตอน 2

 


ฟื้นความทรงจำ รำลึกขบวนการประชาชน เมษา-พฤษภา 2553 ตอน 2

 

[กระบวนการชุมนุมเรียกร้องของประชาชนในปี 2553]

 

การก่อตัวของ นปก. นปช. และกลุ่มอิสระอื่น ๆ นั้น เกิดจากการต่อต้านรัฐประหารเป็นหลัก เป็นขบวนการประชาชนต่อต้านรัฐประหาร 2549 แล้วก็สมทบด้วยพรรคการเมือง นักการเมือง ที่ต่อต้านรัฐประหารและเสียผลประโยชน์จากการยุบพรรค ยุติเวทีรัฐสภา ยุติกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลจากผลการเลือกตั้งของประชาชน

 

องค์ประกอบของการชุมนุมของประชาชนจึงนำโดยนปช.  ซึ่งเป็นชื่อถัดมาจากนปก. แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ United Front of Democracy Against Dictatorship (UDD) พร้อมร่วมส่วนจากพรรคการเมือง นักการเมือง และกลุ่มอิสระ

 

ในเวลานั้น องค์กรนปช.เป็นแนวร่วมที่มีรูปการณ์ มีการจัดตั้งระดับหนึ่ง โดยเน้นนโยบาย 6 ข้อที่สำคัญคือ บอกเป้าหมายการเมืองการปกครอง และบอกหนทางการต่อสู้ คือนโยบายข้อ 1 และข้อ 3 ข้อ 1 คือการเมืองการปกครองที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่อำนาจเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง (ขีดเส้นใต้ประโยคสุดท้าย) ข้อ 2 คืองานแนวร่วม ข้อ 3 คือหนทางการต่อสู้ใช้สันติวิธี และบอกเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในการต่อสู้คือ “ระบอบอำมาตยาธิปไตย”

 

ถือเป็นหลักนโยบายสำคัญในการต่อสู้เรียกร้องเพื่อระบอบประชาธิปไตย ที่อำนาจเป็นของประชาชนแท้จริง ขณะที่ปัจจุบัน เยาวชนเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ (ทำนองเดียวกับคณะราษฎร 2475)

 

แต่ปัจจุบันจาก 2549 เป็นต้นมา ระบอบอำมาตยาธิปไตยภายใต้เครือข่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม ที่ครองอำนาจนำแท้จริง กลายเป็นว่ายิ่งเดินถอยหลัง แทนที่จะเดินไปข้างหน้า เปลี่ยนผ่านเป็นระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจ กลายเป็นระบอบประชาธิปไตย (หลอก ๆ) ที่จารีตนิยม อำนาจนิยม ครองอำนาจแทนประชาชน สถาปนารัฐธรรมนูญและอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ กลายเป็นระบอบเก่ามากขึ้น อาจเรียกเป็นระบอบราชาธิปไตยที่มีอำนาจสูงสุดเหนือรัฐธรรมนูญ เหนืออำนาจประชาชน

 

เห็นได้ว่า กระบวนการและหลักการใช้สันติวิธีในการชุมนุมภายใต้การนำของนปช. ถูกย้ำในการประชุม สัมมนา การเปิดโรงเรียนการเมืองนปช. ออกอากาศตั้งแต่ปลายปี 2552 ถึงต้อนปี 2553 เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของการปฏิบัติ เพราะดิฉันทราบดีว่าปัญหาไร้วินัย ปัญหาวีรชนเอกชน จะทำให้เกิดความเสียหายต่อขบวนใหญ่ทั้งขบวนได้ เหตุผลที่เราต้องใช้สันติวิธีเพราะต้องการสร้างความชอบธรรมและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และได้รับการยอมรับจากประชาชนและชาวโลกด้วย แม้กระนั้นก็ถูกปฏิบัติการ IO เรื่องชายชุดดำ เรื่องกองกำลังอาวุธ 500 คน จากหน่วยงานความมั่นคงในกองทัพ ที่ทำเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้กระสุนจริง ใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนกลางนครหลวง

 

เราขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิงเรื่องกองกำลังอาวุธ เรื่องชายชุดดำ ซึ่งปัจจุบันคดีความถูกยกฟ้องหรือตัดสินพ้นผิดทุกคดี

 

อ้างถึงข่าวจากไทยโพสต์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64 พาดหัวข่าว “ศาลฎีกายกฟ้อง ‘ชายชุดดำ’ คดีปะทะแยกคอกวัว 10 เม.ย. 2553 ที่ห้องพิจารณา 916 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4022/2557

[ลิ้งค์ : https://www.thaipost.net/main/detail/93219]

 

จากข่าวสดออนไลน์ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 64 พาดหัวข่าว “ด่วน! ศาลฎีกา ยกฟ้อง ชายชุดดำ คดีปะทะแยกคอยกวัว 10 เม.ย. 53”

[ลิ้งค์ : https://www.khaosod.co.th/politics/news_5964961]

 

จากข้อความโพสต์ของ วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ระบุ [ลิ้งค์ : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1740293039485393&id=100005141416933]

 

อย่างมากก็มีบางคนถูกข้อหาพกพาอาวุธไปที่สาธารณะเท่านั้น มีบางคนถูกตัดสินข้อหาวางระเบิด (ที่ไม่ได้ผล) ก็ถูกตัดสินคดีว่าเป็นการทำโดยลำพัง เอกเทศ ตามความคิดของตนเอง

 

แต่จากวันที่ 13 เมษายน ถึง 19 พฤษภาคม 2553 ไม่มีกองกำลังอาวุธของนปช. ไม่มีคดีอาชญากรรมใด ๆ แม้แต่ขโมยของในห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ไม่มีอะไรชำรุดเสียหาย แต่มาเกิดไฟไหม้อาคารหลังจากเลิกการชุมนุมไปหลายชั่วโมงแล้ว และแกนนำมอบตัวไปหลายชั่วโมงแล้ว ซึ่งคดีความทั้งหลาย คดีอาญาทั้งหลาย ศาลก็พิพากษาให้บริษัทประกันภัยรับผิดชอบในเงื่อนไขการจลาจล ไม่ใช่การก่อการร้ายโดยการนำของนปช.

 

จากข่าวสดออนไลน์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 62 พาดหัวข่าว “เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา ชี้ชัดนปช.ไม่ได้เผาเมือง สั่งบริษัทประกันชดใช้ ตามรอยคดีเซ็นทรัลเวิลด์”

[ลิ้งค์ : https://www.khaosod.co.th/newspaper-column/live-from-the-scene/news_2503976]

 

บางคนอาจอ้างเสธ.แดงและกลุ่มอิสระอื่น ๆ ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักนโยบายของนปช. ก็อาจมีส่วนจริงอยู่ แต่ในทัศนะของดิฉัน กลุ่มอิสระหรือแกนนำแบบฮาร์ดคอร์ เป็นส่วนน้อยมาก ๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีฐานะเป็นส่วนสำคัญใด ๆ ในการชุมนุม กรณีเสธ.แดง ก็เป็นผู้ถูกกระทำ มีหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เข้ามาร่วมอยู่ในที่ชุมนุม และมีลูกน้องอยู่จำนวนหนึ่ง ผู้ชุมนุมซึ่งเป็นคนชนบทคนเฒ่าคนแก่ก็ดีใจที่มีนายทหารระดับนายพลอยู่ด้วยในที่ชุมนุม แต่ก็ไม่อยู่ในฐานะแกนนำหรือผู้ปฏิบัติงานของนปช. ถือเป็นกลุ่มอิสระ แนวร่วมของนปช. ซึ่งก็มีวิธีคิดวิธีทำงานต่างหาก ตัวดิฉันเองยอมรับว่าหนักใจวิธีคิดและความไร้วินัยของผู้ร่วมขบวนบางคนที่ไปอ้างทฤษฎีแก้ว 3 ดวงของประธานเหมา คือมีพรรคปฏิวัติ แนวร่วมปฏิวัติ และกองกำลังอาวุธปฏิวัติ ซึ่งเอามาใช้กับขบวนการประชาชน เรียกร้องต่อสู้เพื่อเป้าหมายระบอบเสรีประชาธิปไตยไม่ได้ เพราะขบวนการนปช.ไม่ใช่ขบวนการปฏิวัติ และไม่มีพรรคปฏิวัติ แนวร่วมปฏิวัติ กองกำลังอาวุธก็ไม่มีทั้งนั้น มีแต่ปากคนคุยโวโอ้อวดเพื่อสร้างความสำคัญให้ตนเองในสายตามวลชน สายตาเจ้านาย เกาะแข้งเกาะขาหาผลประโยชน์จากการต่อสู้เสียสละของประชาชน

 

ดังนั้น เราไม่มีกองกำลังอาวุธจริง อย่าว่าแต่นับร้อยของนปช. ขบวนใหญ่ที่ขับเคลื่อน มีแต่การ์ดมวลชน ชาวบ้าน ผู้ชุมนุมก็เป็นชาวบ้านชนบทและคนจนในเมือง แต่ปฏิบัติการ IO ของกองทัพและสื่อมวลชนในเครือข่ายจารีตนิยม อำนาจนิยม พากันถล่มขบวนการประชาชนที่นำโดยนปช.เวลานั้นด้วยความหวาดกลัว ทำให้ปัญญาชน ชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงส่วนหนึ่งที่เกลียดกลัว ดร.ทักษิณ ชินวัตร พรรคไทยรักไทย ก็เกลียดกลัวคนเสื้อแดงและนปช.ไปด้วย แม้แต่กลุ่ม NGO ทั้งหลาย และสายตาชาวโลก สื่อมวลชนตะวันตกบางส่วนก็มองขบวนการประชาชน นปช. เป็นพวกมีกองกำลังอาวุธ เป็นพวกทำเพื่อ ทักษิณ ชินวัตร คือด้อยค่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดง นปช. และผู้ออกมาต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านการยึดครองอำนาจของจารีตนิยม อำนาจนิยม ไม่ใช่วิถีทางในระบอบประชาธิปไตย

 

เมื่อมองมาในปัจจุบัน เยาวชนทั้งหลายมีเป้าหมายที่จะทำให้การเมืองการปกครองก้าวไปข้างหน้า ยังเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งก็อาจแปลได้ว่า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ใช้หนทางสันติวิธีเช่นกัน

 

ในกรณีปี 2553 มีการเทเลือด ในปัจจุบัน มีการราดสี

ในปี 2553 ใส่เสื้อแดง ในปัจจุบัน ผูกริบบิ้นแดง ชูสามนิ้ว

ในปี 2553 มีการแรลลี่ไปตามท้องถนน ปัจจุบันมีคาร์ม็อบแรลลี่เช่นกัน

แค่มีป้ายผ้า มีโทรโข่ง ผูกริบบิ้น หรือแม้แต่มีรถเครื่องเสียง มีการเดินเคลื่อนที่ ดิฉันก็ถือว่าเป็นการต่อสู้สันติวิธี

 

แม้แต่การจุดประทัด จุดพลุของเด็ก ๆ ปี 2553 ก็มีการจุดพลุ, ตะไล ไล่เฮลิคอปเตอร์เหมือนกัน ดิฉันมองว่าการคัดค้าน โจมตี ด้วยคำพูดอาจฟ้องร้องได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่ฟ้องร้องดะ กลั่นแกล้ง แต่ทั้งหมดยังเป็นสันติวิธี เพราะไม่ได้ใช้กองกำลังอาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นิยามสันติวิธีควรอยู่ในใจของผู้ปกครองและฝ่ายความมั่นคงให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ผิดหมด จับหมด หรือพวกคุณอยากได้กองกำลังอาวุธของประชาชนจริง ๆ เช่นนั้นหรือ

 

ตอนนั้นถ้าคนเสื้อแดงโดยการนำของนปช. ไม่มีหลักการ ไม่มีหลักนโยบาย แกนนำหลักไม่ปฏิบัติตามหลักนโยบาย ซึ่งเกิดหลังการชุมนุมปี 2552 (คุณวีระกานต์ ประธานนปช.ขณะนั้นยินดีให้ดิฉันเสนอร่างหลักนโยบายมาผ่านมติที่ประชุมใหญ่ เพื่อสร้างเอกภาพในขบวน) ดิฉันยังคิดไม่ออกว่าขบวนจะสับสนเพียงใด และการกวาดล้างจะรุนแรงกว่านี้หรือไม่? ขนาดไม่มีอาวุธยังตายร่วมร้อย บาดเจ็บกว่าพัน ถ้ามีอาวุธบ้างจำนวนหนึ่ง จะถูกฆ่าขนาดไหน? จะตายนับพันหรือไม่? ลองพิจารณาดู!

 

ดิฉันเข้าใจว่าเยาวชนรุ่นนี้ก็มองเห็นปัญหานี้เช่นกันว่า เผด็จการจารีตนิยม อำมหิตเพียงไร!!!

 

ธิดา ถาวรเศรษฐ

18 มีนาคม 2565

 

ขอบคุณภาพ : ประชาไท