เจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดเครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชนมุ่งทำเนียบ ยื่น 3 ข้อเรียกร้อง และ 13,379 รายชื่อถึงนายกฯ เพื่อค้าน พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่มฯ ทำให้ต้องทำกิจกรรมเชิงสะพานชมัยฯ ไร้ตัวแทนรัฐรับหนังสือ
วันนี้ (25 มี.ค. 65) เวลา 9.40 น. เครือข่ายคัดค้านร่างกฏหมายควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชน นำโดยน.ส.สุนทรี หัตถี เซ่งกิ่ง ผู้แทนเครือข่ายฯ และประชาชน ตั้งขบวนหน้ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมกลุ่มเข้ายื่น 13,379 รายชื่อจากแคมเปญ https://t.co/PHgG27a9Px ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการคัดค้านและไม่เอาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นการควบคุมประชาชน ซึ่งรัฐบาลต้องให้ความสำคัญเรื่องหลักความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ต้องเปิดโอกาสให้บุคคลสามารถรวมตัวกันและจัดตั้งสมาคมได้ และจะต้องปราศจากการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสมของภาครัฐเพื่อความเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ตัวแทนจากเครือข่ายคนพิการได้กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นเสียงส่วนหนึ่งจากทุกคนที่กำลังจะถูกละเมิดสิทธิ เราจะไม่เสียเวลาอธิบายข้อเสียอีกเเล้วเพราะมันไม่มีอะไรดีเลยในร่างกฎหมายนี้ ในฐานะองค์กรคนพิการเราขอค้านเรื่องนี้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
โดยเวลา 10.00 น. อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการเป็นตัวเเทนรับหนังสือและรายชื่อทั้งหมด จากนั้นเครือข่ายฯ ได้มุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือ พร้อมนำรายชื่อประชาชนจำนวน 13.379 รายชื่อส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อคัดค้าน พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชนทุกรูปแบบต่อไป
กระทั่ง 10.20 น. เครือข่ายคัดค้านฯได้เดินทางมาถึงหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ถนนพิษณุโลก ซึ่งพบกับแนวแผงเหล็กกั้นจากเจ้าหน้าที่ ทำให้ต้องเจรจาขอเปิดทาง ต่อมาเจ้าหน้าที่ยอมเปิดทางให้เดินขึ้นไป กระทั่งถึงบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งติดเแนวกั้นเจ้าหน้าที่อีกชั้น
ขณะที่นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนรออยู่บริเวณแนวแผงเหล็กกั้น สะพานชมัยฯ ตัวแทนเครือข่ายฯ ระบุว่า ได้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อจะยื่นหนังสือที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลและได้รับหนังสือตอบรับแล้ว แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับพบว่า เจ้าหน้าที่ได้ปิดถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังโดยรอบตั้งแต่เชิงสะพานฯ และนำแผงเหล็กร้อยลวดสลิง มาวางกั้นขวางเชิงสะพาน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน (คฝ.) ตรึงกำลังด้วย จึงตั้งคำถามว่า เจ้าหน้าที่เล่นใหญ่ไปหรือเปล่า และยืนยันว่าจะเข้าไปยื่นหนังสือที่ประตูสี่ ทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่เปิดแผงกั้น ขณะที่นายสมพาศ เดินกลับเข้าไปด้านใน กล่าวเพียงว่าติดประชุม
ทำให้เครือข่ายคัดค้านฯ ต้องทำกิจกรรมที่เชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ โดยไม่มีผู้รับหนังสือ
นางสุนทรี กล่าวว่า ทางเครือข่ายคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมภาคประชาชนเห็นว่า รัฐบาลไทยต้องยืนยันหลักความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้บุคคลทุกคนสามารถรวมตัวกันและจัดตั้งสมาคมได้ ให้การประกันว่าสิทธิในการเข้าถึงทรัพยากร สิทธิในการดำเนินงาน ต้องปราศจากการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสมของรัฐ ทั้งนี้เพื่อความเป็นอิสระและความมีประสิทธิภาพในการสมาคม
“วันนี้ได้ติดต่อขอยื่นหนังสือและได้รับการตอบรับมาแล้วจากเจ้าหน้าที่ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปยื่นด้านในทำเนียบรัฐบาลได้ ซึ่งเห็นได้ว่าแม้ยังไม่มีพ.ร.บ. ดังกล่าว แต่การรวมกลุ่มแสดงความเห็นประชาชนยังถูกปิดกลั้นถึงเพียงนี้ หากพ.ร.บ. นี้ได้ออกมาใช้จะเกิดอะไรขึ้น” นางสุนทรี กล่าว
ขณะที่นางสาวปิยนุช โคตรสาร ผอ.แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า รัฐบาลต้องจะรับฟังปัญหาของประชาชน และทำงานร่วมกับภาคประชาสังคม ไม่ควรใช้กฏหมายมารังแกประชาชน และกล่าวถึง 3 ข้อเรียกร้องที่มายื่นหนังสือต่อนายกฯ ดังนี้
1. ยกเลิกกระบวนการร่างและผลักดันพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ....โดยทันที
2. เรียกร้องให้ทุกขั้นตอนในการร่างกฎหมายมีการสร้างระบบและพื้นที่รับฟังความคิดเห็น อย่างโปร่งใส เข้าถึงได้ และไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งประเมินผลกระทบต่อสาธารณะและองค์กรประชาชนซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงอย่างแท้จริง
3. ประกันว่าสิทธิในการสมาคมรวมทั้งการเข้าถึงทรัพยากร สิทธิในการดำเนินงาน ต้องสอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของประเทศไทย และปราศจากการแทรกแซงที่ไม่ได้สัดส่วนของรัฐ เพื่อความเป็นอิสระและประสิทธิภาพในการสมาคม
จากนั้นทางเครือข่ายคัดค้านฯจึงได้ยื่นหนังสือรวมทั้งรายชื่อประชาชนผ่านหน้ากากพล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
พร้อมระบุว่า หากมีการนำร่างกฎหมายควบคุมการรวมกลุ่มของประชาชนเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีก จะมีการรวมกลุ่มของเครือข่าย เพื่อออกมาคัดค้านร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวต่อไป ก่อนที่จะแยกย้ายในเวลาประมาณ 11.30 น.
#หยุดพรบควบคุมการรวมกลุ่ม
#ไม่เอาพรบควบคุมภาคประชาสังคม
#UDDnews #ยูดีดีนิวส์ #ม็อบ25มีนา65